บทที่ 4
ตรวจสินค้า (3)
ลู่ฟางเหนียงได้ยินคำของคุณชายหน้าดุมือเรียวก็คล้ายถูกของร้อนเร่งปล่อยต้นขาหนาที่กอดรัดออกในทันที ด้วยความเร่งรีบหมายขยับตัวหนีจึงเผลอหงายหลังก้นกระแทกพื้น จนต้องใช้สองมือยันพื้นเรือนเอาไว้ หลิวเฉินคังขบกรามแน่นมองท่าทางตื่นกลัวของนางด้วยความหงุดหงิดร้อนรุ่มเป็นทบทวี เป็นนางที่มาเสนอตัวให้เขา แล้วเหตุใดต้องทำท่าทางราวถูกเขาบังคับมาเช่นนี้ แล้วท่าทางเช่นนี้คืออะไรคิดยั่วยวนเขาอย่างนั้นหรือ
“หากเจ้าไม่ยินดีให้ข้าตรวจสินค้า ประตูอยู่ด้านหน้าออกไปได้”
ลู่ฟางเหนียงเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของหลิวเฉินคังก็พลันได้สติเร่งลุกขึ้นขยับตัวมากอดรัดขาเขาอีกครั้ง
“ถอดเจ้าค่ะ ข้าถอดเดี๋ยวนี้”
หลิวเฉินคังแสร้งวางท่านิ่งทั้งที่ในใจทั้งตื่นเต้น ทั้งร้อนรน แม้ใบหน้าคมจะนิ่งสงบเฉยชาคล้ายไม่สนใจนาง แต่หางตากลับมองทุกการเคลื่อนไหวของลู่ฟางเหนียง ยามที่มือเล็กขยับปลดปมผ้ารัดเอวออก สาบเสื้อตัวนอกก็คลายออกจากกันจนเห็นเอี๊ยมผ้าฝ้ายด้านใน และนวลเนื้อขาวเนียนราวกับคุณหนูในห้องหอ เพียงแต่...
นางไม่สวมเสื้อตัวในอย่างนั้นหรือ แล้วเอี๊ยมนั่นบางไปหรือไม่
ลำคอเขาแห้งผากยามเสื้อตัวนอกของนางหลุดออกจากแขนเรียวทั้งสองข้างแล้วร่นลงไปกองที่เอวบาง สายตาคมจดจ้องไปที่อกอวบอิ่มสองข้างที่ใหญ่จนล้นเอี๊ยมออกมา อีกทั้งยอดอกอวบยังตั้งช่อดุนดันผ้าผ้ายเนื้อหยาบจนเห็นเม็ดบัวสีชมพูหวานชัดเจน มือเรียวของนางยกขึ้นปลดปมเอี๊ยมที่ลำคอขาวพริบตาร่างกายครึ่งบนของลู่ฟางเหนียงก็เปลือยเปล่า มือบางขยับมากอดตัวเองพยายามปกปิดอกอวบอิ่มของตนด้วยความเขินอาย
ใหญ่ขนาดนั้นจะปิดมิดได้อย่างไร
หลิวเฉินคังสบถในใจอย่างหงุดหงิด เขากำลังเพ่งมองหน้าอกอวบอิ่มและเม็ดบัวสีชมพูอ่อนอย่างเพลิดเพลินนางก็เอามือมาปิดเอาไว้เสียก่อน ช่างน่าโมโหนัก
“คะ... คุณชาย ขะ...ข้า... ถอดผ้าหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ลุกขึ้นยืน”
ลู่ฟางเหนียงพลันเบิกตากว้าง ตอนนี้นางปลดผ้าออกหมดแล้วหากลุกขึ้นยืนทั้งร่างก็คงเหลือเพียงกางเกงตัวในเนื้อบางเพียงตัวเดียว
“คุณชาย... ข้า...”
“เช่นนั้นก็ออกไป”
ยามได้ยินเขาเอ่ยไล่ด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายอีกครั้ง ลู่ฟางเหนียงก็เร่งขยับตัวลุกขึ้นยืนในทันที เสื้อตัวนอกและเอี๊ยมตัวบางตกลงไปกองที่ข้อเท้าเล็กในทันที ขนกายของนางพลันรุกชันร้อนผ่าวไปทั้งตัว
“ถอดกางเกงด้วย”
หลิวเฉินคังเอ่ยทั้งที่ไม่หันมามอง ลู่ฟางเหนียงรู้สึกกังวลกับท่าทางเบื่อหน่ายรำคาญใจของเขายิ่งนัก ตัวนางไม่ใช่หญิงงามล่มเมือง อีกทั้งชาติกำเนิดก็เป็นเพียงบุตรสาวชาวนา ตอนนี้ยังทำตัวเรื่องมาก คุณชายตรงหน้าเป็นถึงทายาทสกุลหลิวย่อมไม่พอใจจนนึกหงุดหงิดนางแน่ๆ เมื่อคิดเช่นนั้นมือเรียวก็รีบดึงรั้งเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายบนตัวของนางออก ไม่ได้นางจะให้โกรธเคืองไม่ได้ นางยังต้องการให้เขาประทับตราลงบนสัญญาของฮูหยินหลิว
โครม!
เพียงแต่นางยังไม่ทันดึงขากางเกงออกจากเรียวขา เสียงข้าวของตกกระทบพื้นก็ดังลั่นห้อง มือเรียวพลันหยุดชะงัก ไม่ทันได้สำรวจว่าเกิดอะไรขึ้นร่างสูงโปร่งที่นั่งนิ่งไม่สนใจนางมานานก็หมุนตัวมาจับเอวบางของนางยกขึ้น ลู่ฟางเหนียงคล้ายสติหายไปชั่วคราว รู้ตัวอีกทีสะโพกกลมก็ถูกวางลงบนโต๊ะหนังสือที่เวลานี้ว่างเปล่า ที่แท้เสียงเมื่อครู่เป็นหนังสือกองโตบนโต๊ะที่ถูกเขาปัดตกลงไป คุณชายโกรธนางแล้วใช่หรือไม่
“อ่ะ... คุณชาย”
ลู่ฟางเหนียงร้องอย่างตื่นตระหนกเมื่อกางเกงตัวบางถูกกระชากออกจากเรียวขา ก่อนที่มือหนาร้อนของหลิวเฉินคังจะจับขาเรียวของนางฉีกออกกว้าง ลู่ฟางเหนียงเร่งยกมือบางของตนมาวางปิดจุดสงวนกลางกายเอาไว้ในทันที
“เอามือออก!”
หลิวเฉินคังที่ยังคงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมเอ่ยเสียงดุ ดวงตาคมตวัดมองแววตาหวานที่ตื่นตระหนก ดุจพยัคฆ์กำลังคำรามข่มขู่ลูกกวางน้อย
“ข้าไม่ชอบพูดซ้ำ เอามือออก!”
ลู่ฟางเหนียงที่ถูกสายตาคมข่มขู่และริมฝีปากหยักเอ่ยตำหนิค่อยๆ ขยับมือบางออก หลิวเฉินคังมองดูบุปผาสีกลีบบัวที่ยังปิดสนิทแล้วยกยิ้มพึงพอใจ สองมือหนาจับยึดเรียวขางามดึงนางเข้าหาตัวพร้อมกับยกขึ้นพาดบ่ากว้าง ลู่ฟางเหนียงพลันเสียหลักล้มลงหงายหลัง ศีรษะห้อยเกินขอบโต๊ะ เพียงแต่ยังไม่ทันหายตกใจนางก็พลันตื่นตระหนกจนตัวสั่น
“อ่ะ...คุณชาย ท่านจะทำอะไร”
ลู่ฟางเหนียงร้องเสียงหลงยามที่กลางกายสาวสัมผัสได้ถึงความร้อนชื้นกำลังตวัดลิ้มเลียกลีบบุปผาของนาง ดวงตาหวานพลันเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคุณชายใหญ่สกุลหลิวกำลังก้มหน้าลงแนบชิดกลางกายนางจนมองเห็นเพียงกลุ่มผมสีดำสนิทบริเวณท้ายทอยของเขา
“อ่ะ... คุณชาย อื้ม...”
"อย่าดิ้น”
หลิวเฉินคังเอ่ยเสียงดุทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากกลีบบุปผา ลิ้นร้อนตวัดหยอกล้อกับเม็ดบุปผาของนางไปมาจนลู่ฟางเหนียงบิดตัวถอยหนี ร้องครวญเสียงสั่น
“คุณชาย... ข้า... อ่ะ”
หลิวเฉินคังยกยิ้มมุมปากยามที่เห็นว่าร่างกายของนางกำลังตอบสนองเขา หยาดน้ำหวานเริ่มไหลรินให้เขาได้ลิ้มรส ลิ้นร้อนขยับตวัดขึ้นลงไปมาถี่ระรัว
“คุณชาย... ได้โปรด... พอแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
หลิวเฉินคังได้ยินนางร่ำร้องอ้อนวอนร่างกายของเขาก็ยิ่งรุ่มร้อน คล้ายเปลวไฟถูกราดน้ำมัน ลิ้นร้อนตวัดปัดป่ายถี่ระรัว
“คุณชาย... ข้า... อร๊าย!”
ลู่ฟางเหนียงไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเอง แรกเริ่มนางตื่นตระหนกและต้องการถอยหนีสัมผัสของเขา แต่เพลานี้นางกลับต้องการเขา ใช่!...นางต้องการเขา นางต้องการให้เขาแนบชิดนางมากกว่านี้ ต้องการให้เขาสัมผัสนางมากกว่านี้ มือบางเอื้อมลงไปจับศีรษะของเขากดลงอย่างลืมตัว อีกทั้งเอวบางยังขยับเข้าหาเข้าปัดป่ายไปมาจนริมฝีปากเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำหวานของนาง ร่างกายของนางคล้ายถูกแผดเผารู้สึกเร่าร้อนเสียวซ่านจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอวบางขยับเข้าหาเขาขณะที่มือหนาจิกเส้นผมเขากดใบหน้าคมให้แนบชิดนาง ยิ่งเขาพยายามถอยห่างนางยิ่งออกแรงกด ก่อนที่สองขาจะเกร็งสั่นสะท้านความร้อนรุ่มไหลวนมาที่ท้องน้อยนางขยับเอวถี่ระรัวอีกครั้งก่อนจะปลดปล่อยความร้อนรุ่มทั้งหมดออกมาพร้อมกับร่างกายที่สิ้นเรี่ยวแรง หลิวเฉินคังเงยหน้าขึ้นมองร่างที่สิ้นแรงแล้วขบกรามแน่นหายใจหอบเหนื่อย เมื่อครู่นางกดเขาแนบชิดนางจนเขาหายใจไม่ออกไปพักใหญ่ คิดแล้วมันน่าโมโหนัก... นางกล้ากดหัวเขาปรนเปรอตนเองอย่างนั้นหรือ
“ลุกขึ้นมา”
ลู่ฟางเหนียงที่สติกลับคืนมาแล้วพลันนึกถึงการกระทำของตนเองเมื่อครู่ก็รู้สึกตื่นตระหนก เร่งขยับตัวรุกขึ้นนั่งก้มหน้าตัวสั่นบนโต๊ะหนังสือเขา
หลิวเฉินคังลุกขึ้นยืนพร้อมกับสะบัดชายผ้าของตนขึ้นเหน็บสายรัดเอว มือหนาขยับปลดกางเกงตัวในของตนเองลงไปกองที่ข้อเท้าเผยความเป็นชายที่คับแน่นของตน ลู่ฟางเหนียงพลันเบิกตากว้างมองแท่งเนื้อขนาดใหญ่ตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนก
“คะ... คุณชาย”
“อ้าปาก”
น้ำเสียงเข้มดุของหลิวเฉินคังทำให้ลู่ฟางเหนียงทำตามเขาอย่างว่าง่าย หลิวเฉินคังไม่เสียเวลาอธิบายสิ่งใดก็จับศีรษะนางกดลงแนบชิดกลืนกินตัวตนของเขาไปจนสุด
“อ๊อก... อืม!”
ลู่ฟางเหนียงไม่ทันตั้งตัวถูกเขาจับกดศีรษะกลืนกินแท่งเนื้อร้อนกะทันหันก็พลันน้ำตาไหลซึมหางตา ริมฝีปากบางคล้ายจะฉีกออก ทั้งตึงทั้งปวดไปหมด
“เมื่อครู่เจ้ากล้ากดหัวข้าเช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าจะทำเช่นเดียวกันกับเจ้า”
“อ๊อก... อื้ม!!”
หลิวเฉินคังจับศีรษะเล็กกดลงแนบชิด อีกทั้งเอวหนาก็ขยับอัดกระแทกจนข้างแก้มของนางขึ้นเป็นลำสัน ลู่ฟางเหนียงใช้สองมือจับเอวหนาต้านแรงเขา ทว่ายิ่งนางต่อต้านเขาก็ยิ่งเพิ่มแรง สุดท้ายเพื่อบรรเทาอาการปวดร้าวที่ต้นคอจากการถูกเขาจับศีรษะกดลงนางจึงขยับแยกเรียวขาออกจนสะโพกแนบชิดพื้นโต๊ะ แล้วเอนตัวมาเบื้องหน้า โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางของนางยามนี้กลับยิ่งกระตุ้นแรงปรารถนาในกายคนมองยิ่งนัก
“น่าโมโหนัก คิดยั่วยวนข้าอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็ตั้งรับให้ดี”
หลิวเฉินคังเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ยามที่เห็นท่าทางชวนเร้าอารมณ์ของนางเอวหนาก็ยิ่งทวีความรุนแรงจนน้ำใสไหลออกจากหางตาหวาน ลู่ฟางเหนียงเจ็บทั้งริมฝีปากทั้งลำคอ ในเมื่อมือบางต้านแรงอัดกระแทกของเอวหนามิได้ เช่นนั้นนางก็จะใช้ริมฝีปากดูดดึงมิให้เขาขยับออกจากปากนาง เขาขยับออกไม่ได้ก็ย่อมขยับเข้ามามิได้เช่นกัน
“อย่าดูด... อ่า... เจ้า!”
หลิวเฉินคังครวญเสียงลั่นห้องยามที่ริมฝีปากเล็กดูดดึงโต้ตอบ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนต้องเพิ่มแรงที่เอวหนา แต่ยิ่งเขาเพิ่มแรงกระแทกนางก็ยิ่งเพิ่มแรงดูด สุดท้ายร่างกายเขาก็มิอาจต้านทานขยับถี่ระรัวหนักหน่วงก่อนปลดปล่อยสายน้ำอุ่นในอุ้งปากนาง
“แค่กๆ ...”
ลู่ฟางเหนียงทั้งไอทั้งหอบยามที่คุณชายตรงหน้ายอมถอนเอวห่างออกไป นางขยับลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังฉีกขาแนบชิดโต๊ะหนังสือ ยามที่ร่างบางไอถี่หอบเหนื่อยอกอวบอิ่มของนางก็พลันกระเพื่อมสั่นไหวเย้ายวน
หลิวเฉินคังหมุนกายไปหยิบหนังสือสัญญาของนางแล้วหยิบแท่งยกประจำตัวประทับตราพยัคฆ์ลงไป ลู่ฟางเหนียงเห็นเขายอมลงตราประทับก็ฉีกยิ้มกว้าง ขยับตัวหมายลงจากโต๊ะเพื่อนำกระดาษนี้ไปให้ฮูหยินหลิว
หากฮูหยินเห็นตราประทับของคุณชาย ฮูหยินก็จะส่งท่านหมอไปรักษาท่านพ่อของนาง
เพียงแต่ยังไม่ทันขยับเท้าลงพื้นมือหนาของหลิวเฉินคังก็วางขนาบข้างลำตัวของนางพร้อมกับเอ่ยเสียงแหบพร่า
“ตรวจสินค้าผ่านแล้ว ต่อไปก็ใช้งาน”
...........................................................