รุ่งอรุณของวันใหม่ ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มของเด็กน้อยร่างบาง ที่นั่งอยู่บนรถม้ากับบิดาและมารดา นายท่านเมิ่งและฮูหยินพาบุตรสาวออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านซินหยานแต่เช้า หากสายเกินไปเกรงว่าแดดจะร้อนจนบุตรสาวต้องล้มป่วยไปอีก
" ท่านพ่อเจ้าคะฝั่งนี้มีบึงบัวด้วยเจ้าค่ะ " หลี่น่าเอ่ยอย่างตื่นเต้นเพราะนางไม่เคยพบเห็นธรรมชาติที่สวยงามถึงเพียงนี้ ยิ่งเป็นยุคสมัยที่เธอเคยอยู่ยิ่งแล้วใหญ่ หันไปทางไหนก็เต็มไปด้วยตึกสูงจนธรรมชาติถูกทำลายเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
" หากเจ้าเห็นบึงบัวนั่นหมายความว่าใกล้ถึงหมู่บ้านซินหยานแล้วอาหลี่น่า " นายท่านเมิ่งเอ่ยตอบบุตรสาวตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
" เป็นอย่างที่ท่านพ่อของเจ้าว่าอาหลี่น่า ร้านน้ำชาตั้งอยู่ตรงริมบึงบัวที่อยู่เบื้องหน้านี้แล้ว " ฮูหยินเมิ่งชี้จุดที่ร้านน้ำชาตั้งอยู่เพื่อให้บุตรสาวได้มองเห็น
รถม้าเคลื่อนตัวไปเพียงครู่เดียวก็จอดนิ่งที่หน้าร้านน้ำชาชื่อดัง อาผิงลูกน้องคนสนิทของนายท่านเมิ่งที่ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว รีบลงจากหลังม้าเพื่อมารายงานผู้เป็นนายว่าร้านยังไม่เปิด
" เรียนนายท่านขอรับ ทางร้านแจ้งว่าอีก 1 ชั่วยามกว่าจะถึงเวลาร้านเปิดขอรับ "
" 1 ชั่วยามเชียวรึ...เช่นนั้นเจ้าจงไปถามทางไปเรือนของเฉินมู่เจิน แจ้งไปว่าข้าเป็นอาจารย์ของเขาผ่านทางมาแถวนี้จึงอยากแวะเยี่ยมเยือน " นายท่านเมิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งให้คนสนิทไปจัดการ
" ขอรับนายท่าน "
อาผิงรับคำของผู้เป็นนายแล้วกลับไปสอบถามถึงเรือนสกุลเฉินว่าตั้งอยู่ที่ใด พอได้ความตามที่ต้องการเขาก็รีบกลับมาแจ้งต่อผู้เป็นนายก่อนจะขึ้นควบม้านำขบวนไป
" มาหาใครหรือขอรับ " หลิวลู่คนงานของเรือนตระกูลเฉินเอ่ยถามเมื่อมีขบวนรถม้ามาจอดที่หน้าเรือน
" นายท่านของข้าเป็นอาจารย์ของเฉินมู่เจิน วันนี้มีโอกาสผ่านมาทางนี้จึงแวะมาเยี่ยมเยือน เจ้าช่วยไปตามเจ้านายของเจ้าให้หน่อยได้หรือไม่ " อาผิงกล่าวจบหลิวลู่ก็รีบรับคำทันที
" รอสักครู่ขอรับ ประเดี๋ยวข้าจะไปเเจ้งแก่ฮูหยินผู้เฒ่าให้ขอรับ " หลิวลู่รีบไปตามท่านย่าเฉินกับอาเจินทันที ไม่นานอาเจินกับท่านย่าเฉินก็รีบออกมาต้อนรับผู้มาเยือน
" คารวะท่านอาจารย์ขอรับ " เด็กน้อยวัย 7 ปีทำความเคารพต่ออาจารย์ที่มาเยือนถึงเรือนอย่างมิได้นัดหมาย
" ท่านอาจารย์มีเหตุอันเร่งด่วนหรือเจ้าคะ เหตุใดถึงได้มาหาอาเจินถึงที่นี่ " ท่านย่าเฉินเอ่ยอย่างร้อนใจ กลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงอันใดเกิดขึ้นอีก
" คารวะฮูหยินผู้เฒ่าขอรับ ข้าเพียงตั้งใจพาบุตรสาวและภรรยามาดื่มน้ำชาที่ร้านริมบึง แต่ว่าวันนี้มาเช้าเกินไปจนร้านยังไม่เปิด เลยถือโอกาสมาเยี่ยมเยือนขอรับ ข้าได้ยินมาว่าที่นี่ปลูกผักและดอกไม้หลายชนิด จึงอยากพาบุตรสาวที่พึ่งหายจากอาการป่วยไข้ได้มาเปิดหูเปิดตาขอรับ มิได้มีเหตุด่วนอันใด "
" ได้ยินเช่นนี้ค่อยโล่งใจหน่อยเจ้าค่ะท่านอาจารย์ " ท่านย่าเฉินได้ฟังถ้อยคำของนายท่านเมิ่งก็เหมือนยกภูเขาออกจากอก
" ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกหลานว่าอาซวนเถอะขอรับ ส่วนนี่เจียอีภรรยาของหลาน และหลี่น่าบุตรสาวของหลานขอรับ " นายท่านรีบบอกแก่ท่านย่าเฉินให้เรียกตนเองเหมือนกับลูกหลาน ตัวเขาเองพึ่งจะอายุเพียง 30 ปี แต่ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลอย่างรวดเร็วเป็นเพราะตระกูลเมิ่งสายหลักไม่เหลือใครแล้ว
" คารวะฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ/คารวะเจ้าค่ะ " ฮูหยินเมิ่งกับหลี่น่ายอบกายทำความเคารพผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม
" เช่นนั้นพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านป้าเถิด ส่วนแม่หนูน้อยคนนี้น่าจะอายุอานามพอ ๆ กับอาเจิน ให้เรียกว่าท่านย่าเหมือนอาเจิน เข้าใจหรือไม่ " ท่านย่าเฉินเดินมาลูบหัวหลี่น่าเบา ๆ อย่างระคนเอ็นดู
" ขอรับท่านป้า/เจ้าค่ะท่านป้า/เจ้าค่ะท่านย่า "
" เช่นนั้นเข้าไปดื่มชาในเรือนกันก่อนดีหรือไม่ หรืออยากไปเดินดูสวนดอกไม้กับสวนผักก่อนก้ย่อมได้ " ท่านย่าเฉินเอ่ยถามความต้องการของผู้มาเยือน
" ว่าอย่างไรอาหลี่น่า ลูกอยากไปที่ใดก่อน " นายท่านเมิ่งเอ่ยถามบุตรสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
" ลูกอยากไปดูสวนเจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่าตอบคำถามบิดาก่อนจะหันไปทางมู่เจินที่มองนางอยู่
" เช่นนั้นย่าจะให้อาเจินพาอาหลี่น่าเดินนำไปดูสวนก่อน ส่วนท่านพ่อกับท่านแม่ของเจ้าย่าขอสอบถามเรื่องการเรียนของอาเจินสักหน่อยได้หรือไม่ " ท่านย่าเฉินเอ่ยถามหลี่น่าด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น
" เจ้าค่ะท่านย่า / ขอรับท่านย่า " หลี่น่าและมู่เจินรับคำท่านย่าเฉินก่อนจะพากันเดินไปทางสวน ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยธุระกันไปก่อน
" เดินเร็วเข้าสิเด็กน้อย " หลี่น่าที่เป็นคนเดินนำไปก่อนหันไปเรียกมู่เจินอย่างลืมตัว ว่าตอนนี้นางอยู่ในร่างของเด็ก 7 ขวบ
" ผู้ใดเป็นเด็กน้อย ข้าก็อายุเท่าเจ้าจะเรียกว่าเด็กน้อยได้เยี่ยงไร " คิ้วของมู่เจินผูกเป็นปมด้วยความไม่พอใจ เดิมทีเขาก็อยากโตเป็นผู้ใหญ่จะได้ดูแลพี่สาวและท่านย่าเสียที ยิ่งมาได้ยินผู้อื่นเรียกว่าเด็กน้อยยิ่งน่าเจ็บใจยิ่งนัก
" โอ๊ะ ข้าลืม ขอโทษนะอาเจิน เจ้าอย่าโกรธข้าเลย เรามาเป็นสหายกันดีหรือไม่ ข้าป่วยไข้มาหลายปีจึงยังไม่เคยมีสหายเลย " หลี่น่าดวงตาหม่นลงเมื่อพูดมาถึงประโยคหลัง จริงย่างที่นางพึ่งพูดออกไป นางไม่เคยมีสหายจริง ๆ
" ก็ได้ แต่เจ้าต้องสัญญาว่าต่อไปจะไม่เรียกข้าว่าเด็กน้อยอีก " มู่เจินที่เห็นท่าทางเศร้าหม่นของหลี่น่าก้อดสงสารไม่ได้เลยรีบตอบตกลงเพื่อเป็นสหายต่อกัน ก่อนจะเดินนำหน้าไปก่อน
" ฮึ เด็กน้อยหนอเด็กน้อย ถ้านายรู้ว่าฉันอายุเท่าไหร่นายคงไม่พูดแบบนี้แน่ๆ " ทุกคำพูดของหลี่น่าอยู่ภายใต้การมองเห็นและได้ยินของเหมยฮวา เธอเดินมาหมายจะมาทักทายสหายของน้องชายแต่ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดและสำเนียงที่เธอคุ้นชินเป็นอย่างดี
" เธอเป็นใคร " หลี่น่าใจกระตุกวูบเมื่อมีคนได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่ก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าทำไมจึงมีคนที่ใช้สำเนียงการพูดเหมือนเธอ
ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่นานจนเหมยฮวาเป็นคนพูดขึ้นก่อน
" เธอก็มาจากอนาคตหรอ? "
" ใช่ ฉันมาจากอนาคต " หลี่น่าตอบด้วยสายตาเรียบนิ่งก่อนที่ทั้งสองจะรีบปรับอากัปกิริยาให้กลับมาเหมือนเดิมเพราะอาเจินกำลังเดินมาตาม
" อาหลี่น่า เหตุใดเจ้าจึงไม่ตามข้าไปเล่าปล่อยให้ข้าพูดอยู่คนเดียวนานสองนาน " มาถึงมู่เจินก็บ่นเป็นชุดจนหลี่น่าต้องรีบหาทางออก
" ข้าคุยกับพี่สาวของเจ้าอยู่เลยตามไปไม่ทัน ว่าแต่ท่านพี่ชื่ออะไรหรือเจ้าคะ " หลี่น่าหันไปถามสตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
" พี่ชื่อเหมยฮวา ต่อไปหากมีเรื่องอันใดให้ช่วย เจ้าสามารถมาหาพี่ที่นี่ได้ตลอดเข้าใจหรือไม่อาหลี่น่า " เหมยฮวาแฝงความนัยไปกับคำพูด เธอเชื่อว่าหลี่น่าต้องเข้าใจ
" เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าคงมีเรื่องต้องปรึกษาท่านพี่หลายอย่างทีเดียว "
" เจ้าถามข้าก็ได้อาหลี่น่า วัน ๆ ไม่รู้ท่านพี่ของข้ายุ่งเรื่องอันใดบ้าง ไหนจะพี่เขยของข้า ที่คอยตามติดนางอีก " มู่เจินเอ่ยกับสหายเพราะเขาอยากเเบ่งเบาพี่สาวให้ได้มากที่สุด
" ฮึ ฮึ เจ้าเด็กแก่แดด พวกเจ้าไปกันเถอะประเดี๋ยวท่านพี่หลี่จวินก็มาเรียกพี่ออกไปที่ร้านน้ำชาแล้ว " เหมยฮวาเอ่ยถึงสามีที่กำลังเตรียมตัวออกมาจากเรือนที่อยู่ติดกัน
" ขอรับท่านพี่/เจ้าค่ะท่านพี่ "
เด็กน้อยทั้งสองพากันเดินชมสวนดอกไม้และสวนผักอยู่สักพัก นายท่านเมิ่งและฮูหยินก็เดินออกมาชมสวนด้วยเช่นกัน
ท่านย่าเฉินสั่งให้คนงานเก็บผักสวนครัวไปขึ้นรถม้าให้แขกผู้มาเยือนก่อนที่ทั้งสามจะไปดื่มชาที่ริมบึงต่อ