หลี่น่ารีบหยิบยาในขวดขึ้นมากิน 1 เม็ดตามที่แมวอ้วนบอก ร่างกายของนางเริ่มร้อนรุ่ม ภายในร่างกายเริ่มทำงานหนักกว่าปกติจึงส่งผลให้หลี่น่าฟุบลงไปที่เตียง
อั่ก อ่อก อ่อก เฮือก
หลี่น่าอาเจียนเลือดสีดำออกมาเป็นจำนวนมาก จนนายท่านเมิ่งและฮูหยินเมิ่งที่รอสังเกตการณ์อยู่หน้าห้องนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินเสียงของบุตรสาวอาเจียนออกมาแทบจะไม่มีจังหวะให้หายใจ
กลิ่นเหม็นสาบจากเลือดเสียที่ถูกขับออกมาเริ่มคละคลุ้งไปทั่วห้องจะคนที่อยู่ภายนอกก็พลอยได้กลิ่นไปด้วย
" อาหลี่น่าลูกแม่เจ้าต้องเข้มแข็งไว้นะลูก ฮึก ท่านพี่น้องเป็นห่วงลูกเหลือเกินเจ้าค่ะ ฮึก " ฮูหยินเมิ่งกระวนกระวายหันซ้ายหันขวาด้วยความเป็นห่วงบุตรสาวเพราะนางยังเด็กยิ่งนัก
" ลูกต้องผ่านไปได้แน่นอนฮูหยิน " นายท่านเมิ่งประคองกอดภรรยาเอาไว้ ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่ตัวเขาเองก็กระวนกระวายใจไม่ต่างจากภรรยา
เอือก ออ่ก ออ่ก
ครั้งนี้หลี่น่ารู้สึกทรมานมากกว่าตอนที่เธอถูกส่งไปสู่ความตาย หากชีวิตใหม่ที่นางต้องการจะต้องผ่านช่วงเวลา 3 วันนี้ไปให้ได้นางก็พร้อมที่จะสู้จนสุดใจ
' นายหญิง ท่านต้องเข้มเเข็งไว้นะขอรับ พ้น 3 วันนี้ไปได้ท่านก็สามารถใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติแล้ว ' แมวอ้วนเดินมาให้กำลังใจหลี่น่า นางแทบจะพยุงตัวเองมาอาเจียนใส่กระโถนจะไม่ไหวอยู่แล้ว
ด้วยความที่ว่าชาติเดิมนางมีอายุ 25 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ต้องมาใช้ร่างของเด็กที่มีอายุเพียง 7 ปี นางจึงไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดตามที่ต้องการ
' ขอบใจเจ้ามาก ' หลี่น่าที่ยังไม่มีแรงพูดเธอจึงใช้วิธีสื่อสารทางจิตแทน ร่างเด็กของเธอค่อนข้างผอมบางเพราะถูกทรมานจากยาพิษมาหลายปี จากนี้ไปนางคงต้องดูแล้วตัวเองเป็นอย่างดีเสียแล้ว
หลี่น่ากินยาติดต่อกันอยู่ 3 วัน ภายใต้การดูแลควบคุมของแมวอ้วนที่คอยย้ำเตือนให้เธอกินยาให้ตรงเวลาอยู่เสมอ อาการของนางเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ นายท่านเมิ่งและฮูหยินคอยส่งข้าวส่งน้ำบุตรสาวจนกระทั่งครบกำหนด 3 วัน
" อาหลี่น่าลูกแม่ เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นหรือไม่ " ฮูหยินเมิ่งเดินเข้าไปในห้องของบุตรสาวพร้อมกับผู้เป็นสามี นางรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
" ลูกดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ท่านพ่อ " หลี่น่าค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงเมื่อเห็นบิดากับมารดาเดินเข้ามาในห้อง
" พ่อสั่งให้พ่อครัวเตรียมอาหารบำรุงไว้ให้ลูกเยอะแยะเต็มไปหมด ลูกพอจะลุกออกไปข้างนอกไหวหรือไม่ พ่อจะได้ให้สาวใช้เข้ามาทำความสะอาดในห้องนี้
" ไหวเจ้าค่ะท่านพ่อ เช่นนั้นลูกขอแต่งตัวใหม่แล้วจะรีบตามออกไปนะเจ้าคะ "
" ไปเถิดลูก แม่กับพ่อของเจ้าจะออกไปรอที่โต๊ะกินข้าว เสร็จเมื่อไหร่ลูกค่อยตามพวกเราออกไป " ฮูหยินเมิ่งรีบตอบบุตรสาวแทนสามีแล้วพากันเดินออกจากห้องไปรออยู่ที่เรือนใหญ่
หลี่น่ารีบลุกขึ้นไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายออก ก่อนจะรีบแต่งตัวเตรียมจะเดินออกไปหาบิดามารดา
ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้นางยังไม่เคยก้าวออกนอกห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว ในความทรงจำของร่างนี้ช่างเลือนรางเพราะนางก็ได้อยู่แต่ในเรือนของตนเองเช่นกัน
' นายหญิงขอรับ ท่านต้องกินยาในขวดนี้เพื่อฟื้นฟูร่างกายด้วยนะขอรับ ' สิ้นคำของแมวอ้วนก็มีขวดยาขนาดเล็กปรากฏอยู่ตรงหน้าหลี่น่า
" ข้าต้องกินตอนไหนบ้าง ว่าแต่ข้าต้องเรียกเจ้าว่าอะไรเจ้ามีชื่อหรือไม่ " หลี่น่าเอ่ยถามต่อสัตว์วิเศษที่คอยช่วยเหลือเธอ แต่เธอเองไม่เคยรู้ชื่อของเขาเลย
' ชื่อของข้านายหญิงต้องเป็นคนตั้งให้ขอรับ '
" ให้ข้าตั้งรึ เช่นนั้นเจ้ามีขนสีน้ำตาลทองข้าขอเรียกเจ้าว่าจินเหอได้หรือไม่ จิน ที่มาจากสีทอง เหอ ที่มาจากสีน้ำตาล " หลี่น่าใช้เวลาอยู่ครู่เดียวก็นึกออกแต่ต้องถามความสมัครใจของเจ้าตัวเสียก่อน
' ได้ขอรับนายหญิง ท่านรีบกินยาแล้วออกไปหานายท่านกับฮูหยินเถอะขอรับ พวกท่านน่าจะรออยู่นานแล้ว ' จินเหอรีบตอบผู้เป็นนายก่อนจะกลายร่างเป็นผีเสื้อเพื่อเกาะไหล่เจ้านายออกไปด้วย
" จินเหอ เจ้าทำได้เช่นไรกัน " หลี่น่าที่เห็นจินเหอกลายร่างต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรกก็ตกใจจนตาโต
' ท่านลืมแล้วหรือขอรับว่าข้าเป็นสัตว์วิเศษ การกลายร่างเช่นนี้เป็นเพียงเรื่องธรรมดาเท่านั้นขอรับ '
" เดี๋ยวเราค่อยกลับมาคุยเรื่องนี้กันทีหลังก็ได้จินเหอ ตอนนี้รีบไปที่เรือนใหญ่กันดีกว่า " เพียงหลี่น่าเดินออกไปพ้นเรือนของตนเอง เหล่าสาวใช้ทั้งหลายก็พากันเข้าไปเปิดห้องทำความสะอาดให้คุณหนูตามคำสั่งประมุขของจวน
ร่างเล็กของเด็กสาวเดินไปตามทางพร้อมกับผีเสื้อที่เกาะอยู่บนไหล่ ปากของนางบ่นขมุบขมิบและมองซ้ายมองขวาสำรวจบริเวณรอบ ๆ จวนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรือนใหญ่ที่มีคนรออยู่
" อาหลี่น่าลูกพ่อ เจ้ามาแล้วรึ เร็วเข้าเราไปกินข้าวก่อนที่กับข้าวจะเย็นชืดดีกว่า " นายท่านเมิ่งรีบพาบุตรสาวและภรรยาเดินไปทางห้องอาหารที่พ่อบ้านได้สั่งคนตั้งสำรับเอาไว้ให้แล้ว
" หู้วว น่ากินจังเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ " หลี่น่าเห็นอาหารจีนโบราณหลานอย่างที่ส่งกลิ่นหอมทั้งยังมีไอร้อนระเหยอยู่ช่างเป็นภาพที่น่ากินยิ่งนัก จนคนตัวเล็กต้องอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
" น่ากินก็กินเยอะเถอะลูก เจ้ายังต้องบำรุงร่างกายอีกมาก " นายท่านยเมิ่งคีบอาหารใส่บนถ้วยข้าวให้บุตรสาวหลายอย่าง ทั้งฮูหยินเองก็เอาถ้วยเล็กมาตักน้ำแกงให้กับบุตรสาวด้วยเช่นกัน
" ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่ แต่จินเหอเอายาฟื้นฟูร่างกายให้ลูกกินแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่วางใจได้ " หลี่น่าเล่าให้บิดาและมารดาฟังแต่นางลืมไปว่าบิดากับมารดายังไม่รู้ว่านางตั้งชื่อให้สัตว์วิเศษใหม่แล้ว
" ใครคือจินเหอรึลูก " ฮูหยินเมิ่งเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความสงสัย
" อ้อ ลูกลืมไปเลยเจ้าค่ะ ลูกตั้งชื่อให้ผู้ที่ท่านพ่อท่านแม่พึ่งจะรู้จักไปเมื่อไม่นานว่า จินเหอ เจ้าค่ะ " หลี่น่าไม่สามารถพูดทั้งหมดได้เพราะตรงนี้มีสาวใช้หลายคนยืนอยู่ด้วย
" เขาผู้นั้นหรือ " นายท่านเมิ่งพอจะเข้าใจที่บุตรสาวพยายามจะสื่อสาร
" ใช่เจ้าค่ะ " หลี่น่าตอบกลับพร้อมกับหันไปมองที่ไหล่ ทั้งนาท่านเมิ่งกับฮูหยินเมิ่งก็ต่างมองตามระดับสายตาของบุตรสาวก่อนที่ทั้งสองสามีภรรยาจะหันไปมองหน้ากัน
" กินเถิดลูก หากวันหน้าเจ้าดีขึ้นแม่จะพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตานอกเรือน มีร้านน้ำชาร้านหนึ่งที่มีบรรยากาศดีมาก นั่งรถม้าออกไปเพียง 1 เค่อก็ถึงแล้ว "
ฮูหยินเมิ่งประทับใจร้านน้ำชาริมบึงบัวจนอยากจะให้บุตรสาวได้มีโอกาสได้ไปเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามบ้าง หลายปีที่ผ่านมาบุตรสาวของตนถูกปองร้ายจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เป็นนางเองที่โง่งมจนมองไม่เห็นความเสแสร้งมารยาของอสรพิษใจคดนางนั้น
" ใช่ร้านของตระกูลเฉินกับตระกูลหลี่หรือไม่ฮูหยิน " นายท่านเมิ่งได้ยินเรื่องราวของร้านน้ำชาริมบึงบัวจากลูกศิษย์ที่เข้ามาเรียนในสำนักศึกษาพูดกัน จึงเกิดความสงสัยว่าใช่ร้านเดียวกันหรือไม่
" ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ "
" อืม เช่นนั้นคงเป็นร้านของครอบครัวเฉินมู่เจินศิษย์ข้า วันพรุ่งนี้หากอาการของลูกดีขึ้นพ่อกับแม่จะพาเจ้าไปดีหรือไม่อาหลี่น่า " นายท่านเมิ่งเอ่ยถามต่อบุตรสาวที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ
" ดีเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกหายดีแล้ว " หลี่น่ายิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะตอบบิดาออกไปอย่างรวดเร็ว
นายท่านเมิ่งกับฮูหยินเมื่อเห็นบุตรสาวยิ้มได้อย่างร่าเริงก็เป็นสุขใจยิ่งนักหลังจากทรมานมาหลายปี นี่ถือเป็นรอยยิ้มแรกที่ได้เห็น