เนี่ยซวงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา
โชคดีจัง...แค่ฝันไปเท่านั้นเอง
ฝันอะไรก็ไม่รู้ สงสัยนางจะเป็นโสดนานเกินไป ถึงได้ฝันอะไรน่ากลัวแบบนั้น
อึ๋ยยยย มีแม่ทัพรูปหล่อหน้าโหดมามีอะไรกับนาง แถมยังทรมาทรกรรมนางตั้งหลายครั้ง นอกจากครั้งแรกที่เจ็บสุดๆ แล้ว ต่อมาก็...อืม...ไม่เลวเหมือนกัน แต่เขากลับบ้าพลังไม่ยอมหยุดเสียที ครั้งสุดท้ายเนี่ยซวงรู้สึกราวกับกระดูกในตัวจะป่นไปหมดเสียแล้วอย่างนั้นล่ะ แทบจะร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
เฮ้อออออ...ดีที่เป็นแค่ความฝัน
เนี่ยซวงขยับตัวจะลุกขึ้นจากเตียง
"อ๊า!"
จะ..จะ...เจ็บชะมัดเลย นางปวดเมื่อยไปทั้งตัว แถมยังเจ็บแปลบโดยเฉพาะตรงนั้น
หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนกับเตียงใหม่ คราวนี้ไม่นึกอยากจะกระดิกตัวแม้แต่น้อย
เดี๋ยวนะ! นี่ไม่ใช่ความฝันอย่างนั้นหรอ!
หญิงสาวเบิกตาโพลง ถ้าอย่างนั้นตอนนี้นางก็เป็นเจ้าสาวผู้โชคร้ายของตาแม่ทัพนั่นน่ะสิ!
สาวใช้ได้ยินเสียงร้องของนางจึงเปิดประตูเข้ามา เป็นเด็กสาวแก้มยุ้ยคนหนึ่ง พอวางอ่างน้ำร้อนลงกับโต๊ะแล้วก็เรียกนางอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"คุณหนูเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง"
เมื่อคืนเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากห้องหอดังถึงเพียงนั้น ท่านแม่ทัพหนักมือกับคุณหนูจริงๆ ถึงจะเป็นคืนเข้าหอและคุณหนูจะเป็นหญิงงามแต่ก็ควรหักห้ามใจสักนิดมิใช่หรือ ดูเอาเถิดวันนี้สภาพคุณหนูของนางดูได้เสียที่ไหน เสี่ยวซานแอบปาดน้ำตา
เนี่ยซวงเหลือบตามองสาวใช้ที่ยืนหน้าเศร้า รับรู้ถึงความเห็นใจที่อีกฝ่ายมีให้ ในใจก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา ถึงแม้สาวใช้คู่กายจะปรากฏตัวช้าหน่อยแต่ไหนๆ ก็มาแล้ว มิหนำซ้ำยังดูเป็นคนซื่ออีกต่างหาก
"อย่าร้องไห้เลย มาช่วยข้าหน่อยเถอะ"
นางยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายช่วยประคองลุกขึ้นนั่ง เสี่ยวซานรีบถลันเข้ามารับ พอนั่งดีแล้วจึงค่อยมีโอกาสสำรวจตัวเองและรอบๆ
"ท่านแม่ทัพล่ะ"
ถือโอกาสถามถึงตัวการที่ทำให้นางต้องลำบากอย่างนี้
"ออกไปก่อนฟ้าสางเจ้าค่ะ"
เสี่ยวซานตอบแล้วก็ทำท่าน้ำหูน้ำตาจะไหลขึ้นมาอีก ดูท่าท่านแม่ทัพจะรังเกียจคุณหนูของนางเหลือเกิน วันแรกแทนที่จะรอพาคุณหนูไปยกน้ำชาด้วยกัน เสร็จกิจแล้วก็จากไปเสียอย่างนั้น ต่อไปคุณหนูจะมีหน้ามีตาอยู่ในจวนนี้ได้อย่างไร
"ประเดี๋ยวต้องไปยกน้ำชา คุณหนูรีบลุกเถิดเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพสั่งไว้ให้ไปปลายยามเฉิน (9.00 น.)"
เสี่ยวซานกลัวคุณหนูคิดมากจึงรีบตัดบท เวลามีไม่มากจึงเพียงเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คุณหนูเท่านั้น ผิวขาวผุดผาดของคุณหนูมีรอยแดงๆ เต็มไปหมด ท่านแม่ทัพช่างไม่รักหยกถนอมบุปผาเอาเสียเลย ยิ่งตรงหน้าอกยิ่งมีแต่รอยจูบ เสี่ยวซานหน้าแดง คุณหนูรูปร่างดี อายุเพียงเท่านี้ก็มีหน้าอกอวบอิ่ม ความงามของคุณหนูได้รับการถ่ายทอดมาจากเซียวอี๋เหนียงผู้เป็นมารดาแท้ๆ
พอสวมเสื้อผ้าเสร็จเนี่ยซวงก็นั่งให้เสี่ยวซานทำผมให้ นางเพิ่งได้มีโอกาสมองสตรีที่ปรากฏในคันฉ่องทองเหลือง วูบแรกที่เห็นถึงกับลมหายใจสะดุด แม้ภาพที่ปรากฏจะมัวซัวกว่ากระจกเงาในยุคปัจจุบันไปบ้างก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงาสะท้อนนั้นเป็นภาพของหญิงงามผู้หนึ่ง ดวงตากลมโตรับกับแพขนตาดกหนา คิ้วโก่งเรียว ปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง น่าเสียดายความงดงามนี้กลับไม่ได้รับความโปรดปรานจากผู้เป็นสามี
พอรวบผมเสร็จ เสี่ยวถงสาวใช้อีกคนก็ยกอาหารเช้าเข้ามา เนี่ยซวงตะล่อมถามโน่นถามนี่เด็กสาวทั้งคู่ แสร้งชวนคุยจนพอได้ข้อมูลมาบ้าง ที่แท้นางเป็นลูกอนุของพ่อค้าใหญ่คนหนึ่ง แม่ทัพซ่งถูกสถานการณ์บีบบังคับจำต้องสละตัวเองแต่งงานกับนาง เขาคงรู้สึกเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่อาจเสียสัจจะ มิน่าตอนเข้าหอเมื่อวานถึงได้มีสีหน้าบึ้งตึงปานนั้น
คุยไปคุยมาเสี่ยวซานกับเสี่ยวถงก็ร้องไห้ขึ้นมาอีก เสี่ยวถงบอกว่าตอนไปรับอาหารเช้าที่ครัว ได้ยินว่าอนุอีกสองคนที่รับเข้าจวนพร้อมกันเมื่อวานได้อยู่เรือนโอ่อ่าที่ใกล้กว่าเรือนเหลียนฟางแห่งนี้ ดูเหมือนพวกนางจะถูกทอดทิ้งให้อยู่เรือนโดดเดี่ยวห่างไกล
เนี่ยซวงได้ฟังก็หัวเราะดีใจ อ้อ รับอนุเข้ามาพร้อมกันเลยหรือ ทำอย่างนี้ตั้งใจหยามกันชัดๆ แต่นางกลับไม่โกรธ ดีซะอีก ตาแม่ทัพนั่นจะได้ไม่ต้องมาหานาง สาวใช้ทั้งสองจ้องนางจนตาโต มีเรื่องอะไรให้น่ายินดีกันหรือ เหตุใดวันนี้คุณหนูของพวกนางดูแปลกๆ เสี่ยวซานรีบเอื้อมมือมาแตะหน้าผาก
"คุณหนูไม่สบายหรือเจ้าคะ"
เนี่ยซวงอมยิ้ม
"ข้าสบายดี พวกเจ้าสิ ตอนนี้ข้าออกเรือนแล้วยังจะเรียกคุณหนูอยู่ได้ เดี๋ยวคนอื่นก็จับผิดเอาได้หรอก"
เสี่ยวซานกับเสี่ยวถงรีบตบปากตัวเอง พวกนางเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์พ่อค้า อายุน้อยกว่าเจ้าของร่างนี้แค่ปีสองปี ความคิดอ่านยังเป็นเด็กอยู่มากนัก ยิ่งเข้ามาอยู่จวนขุนนางใหญ่อย่างท่านแม่ทัพก็ยิ่งรู้สึกเกร็งไปหมด ส่วนเนี่ยซวงกลับไม่กังวลอะไร ไม่ว่าใครนางก็รับมือได้ทั้งนั้น ขอเพียงท่านแม่ทัพอะไรนั่นอย่าแวะเวียนมาหานางบ่อยนักก็แล้วกัน นางยังเข็ดขยาดไม่หาย
นายบ่าวประคองกันไปยังเรือนหลักเพื่อเข้าพิธียกน้ำชา เนี่ยซวงกัดฟันข่มความเจ็บปวดค่อยๆ ก้าวเดิน นับว่าเขายังใจดีอยู่บ้างที่ไม่ให้นางมาแต่เช้า ระหว่างทางที่เดินไปพวกนางต้องเผชิญกับสายตาแปลกประหลาดของบ่าวไพร่ในจวน ต่อให้เป็นเพียงบ่าวในเรือนขุนนางก็ยังอดเหยียดหยามคนจากตระกูลพ่อค้าไม่ได้ ยิ่งอยู่ดีๆ หญิงสาวที่มีสถานะเป็นเพียงลูกอนุแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกยิ่งทำให้ผู้คนยากจะยอมรับ บ่าวบางคนก็ทำเป็นมองไม่เห็นนางเสียเลยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคารวะ เนี่ยซวงมองคนเหล่านี้ด้วยสายตาเรียบเฉย คนมาใหม่มีใครไม่โดนหยั่งเชิงเช่นนี้บ้างเล่า
ตอนที่นางไปถึงห้องโถง คนในครอบครัวสามีอยู่กันพร้อมหน้า เสียงหัวเราะพูดคุยเงียบลงทันทีที่นางก้าวเข้าไป กลายเป็นความเงียบที่น่าอึดอัดแต่กลับไม่มีใครคิดจะแก้สถานการณ์สักนิด เนี่ยซวงยิ้มน้อยๆ ย่อกายคารวะผู้อาวุโสก่อนจะเดินไปหาซ่งฉีหลิน
"ท่านพี่"
เขาลุกขึ้นเดินไปคุกเข่าหน้าบิดามารดาโดยมีเนี่ยซวงตามไปติดๆ นางไม่รู้สึกประหม่าสักนิด เพราะแต่ก่อนตอนเจรจาธุรกิจก็ได้พบกับบุคคลสำคัญเป็นประจำ บิดามารดาของเขาแม้จะไม่พอใจชาติตระกูลและวิธีการแต่งเข้ามาของลูกสะใภ้ผู้นี้อยู่บ้าง แต่ของขวัญแรกพบก็ไม่อาจดูเบา เนี่ยซวงลอบอุทานในใจตอนที่ได้เห็นกำไลหยกเหอเถียนเนื้อดี เข้าคู่มากับเครื่องประดับอื่นๆ เช่นปิ่นต่างหูและพู่หยก ถ้าเป็นสมัยนี้รวมทั้งเซตแล้วมูลค่าคงหลายแสนหยวน ยังไม่นับตั๋วเงินที่บรรดาญาติผู้ใหญ่มอบให้ การแต่งงานคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงๆ มิน่าพ่อของเนี่ยซวงคนนี้ถึงลงทุนลงแรงไปมากนัก
มารดาของเขาเห็นลูกสะใภ้ผู้นี้รูปร่างหน้าตางดงาม ท่าทางเรียบร้อยเฉลียวฉลาดก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้จะไม่ถูกใจชาติตระกูลแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ หวังว่าอีกฝ่ายจะทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในเรือน ไม่ก่อปัญหาอะไร
พอเสร็จพิธีทุกคนก็นั่งลงทานอาหารกลางวันด้วยกัน เนี่ยซวงถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างๆ เขา แต่ระหว่างมื้ออาหารเขาไม่คุยกับนางสักนิด คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครสนใจนาง นางจึงถือโอกาสกินอาหารอย่างสบายใจโดยไม่สนใจว่าจะถูกจับตา ในเมื่อตอนนี้ทุกคนยังมีอคติกับนางอยู่ นางจะฝืนทำตัวประจบเอาใจพวกเขาไปทำไม
พอกินข้าวเสร็จแล้ว มารดาของท่านแม่ทัพจึงเรียกนางไปคุย บอกนางว่าให้ยกเว้นธรรมเนียมปรนนิบัติแม่สามีทุกเช้า
"เจ้าเคยอยู่เช่นไรก็อยู่ไป ไม่ต้องลำบากมาคารวะข้าทุกเช้า ข้าเองร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ไม่ค่อยอยากจะรับแขก"
เนี่ยซวงฟังดูก็รู้ว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับ แต่กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ หากให้นางต้องมาเป็นลูกสะใภ้แสนดีคอยปรนนิบัติแม่สามี สู้ให้นางกลับไปทำงานหนักเหมือนชาติที่แล้วดีกว่า นางจึงเพียงรับคำอย่างว่าง่ายแล้วให้เสี่ยวซานและเสี่ยวถงพยุงกลับเรือน
พอถึงเรือนเหลียนฟาง เนี่ยซวงก็โถมตัวลงบนเตียงด้วยความง่วงงุน พอหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที ไม่ได้สนใจว่าคนในจวนแม่ทัพจะพูดถึงนางอย่างไรกันบ้าง