"พร้อมไหม คนชีพจรคนไข้เป็นไงบ้างคะ"
ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องผ่าตัดและพยาบาลอีก 4-5 คนภายในห้อง ก่อนจะมองไปยังคนไข้และบรรยากาศรอบๆภายในห้อง นี่แหละนะที่เขาบอกถ้าอุปกรณ์ครบกว่าจะได้เตรียม และช่วยเหลือผู้ป่วยได้มากกว่า
"เท่าเดิมค่ะคุณหมอ ปกติสามารถผ่าตัดได้ค่ะ"
"ดี เครื่องมือทุกอย่างพร้อมใช่มั้ยคะ"
"พร้อมค่ะ"
"ญาติคนไข้มาถึงหรือยัง"
"ถึงแล้วค่ะ"
"เอกสารเซ็นยินยอมผ่าตัด เรียบร้อยใช่มั้ย ญาติคนไข้เซ็นเรียบร้อยใช่ไหม"
"ค่ะคุณหมอ"
"ดีค่ะ งั้นเริ่มผ่าตัดได้ค่ะ"
ฉันบอกพยาบาลภายในห้องพร้อมกับเริ่มลงมือผ่าตัดทันทีเพราะอาการของคนไข้รอนานกว่านี้ไม่ได้ เวลาผ่านไปนานพอสมควรการผ่าตัดก็ผ่านไปได้อย่างยอดเยี่ยม ฉันและพยาบาลภายในห้องยิ้มให้กันอย่างกั้นไม่อยู่ และตอนนี้ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยฉันดูอาการคนไข้ก่อนจะบอกพยาบาล
"คืนนี้ให้คนไข้อยู่ในห้อง ICU ไปก่อนนะคะ บอกญาติให้เตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เดี๋ยวหมอดูอาการพรุ่งนี้อีกรอบถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดพรุ่งนี้เช้าคงจะย้ายไปห้องธรรมดาได้ แต่ต้องคอยดูอาการของคนไข้ประกอบด้วย"
"ได้ค่ะคุณหมอ"
"ฝากด้วยนะคะ หมอไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวไปดูคนไข้แผนกฉุกเฉินก่อน วันนี้คนไข้ก็เยอะพอสมควร"
"ค่ะคุณหมอ ถ้างานไม่เยอะมากคุณหมอพักได้เลยนะคะ"
"ค่ะ พี่พยาบาลด้วยนะคะ"
ฉันยิ้มพร้อมกับเดินออกมาเปลี่ยนชุดและทำความสะอาดก่อนจะเดินมายังแผนกฉุกเฉินคนไข้เยอะเหมือนเดิมเลยแฮะ ฉันมองไปรอบๆก่อนจะเดินมาถามพยาบาลที่ดูแลพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่ดูอยู่ยังจุดนี้อยู่
"คนไข้ยังเยอะอยู่เลย มีอะไรให้หมอช่วยมั้ย"
"คุณหมอมาพอเลยค่ะคุณ ชัชนันต์ ภักดีวัฒนากุล มะไม่ยอมให้ใครตรวจเลยค่ะ"
"พาหมอไปได้ไหมคะ"
"ทางนี้ค่ะคุณหมอ"
Sutter talk
ผมนั่งอยู่บนรถเข็นสงสัยข้อเท้าผลิกแน่ๆก่อนจะเห็นไอ้องศากับไอ้มาวินมองหน้า อ่ออย่างแรกผมขอเวลาสักนิดแนะนำตัวเองก่อนแล้วก่อนนะ ผมชื่อจริงก็คือ ชัชนันต์ ภักดีวัฒนากุล เป็นหลานของผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนี้แหละ ซึ่งหลายๆคนก็พอจะรู้จักกันอยู่แล้วใช่ไหมเพราะผมเป็นเพื่อนกับไอ้ปริ้นซ์ หากใครยังไม่รู้จัก ผมมีเพื่อน ก็คือ ไอ้ปริ้นซ์ ไอ้มาวิน ไอ้องศา แล้วก็ไอ้วาโย ซึ่งเรียนอยู่ในมหาลัยเดียวกันนี่แหละ
อ่อและผมอะมีพี่สาวคนหนึ่งแต่เขาก็โตกว่าผมหลายปี ตอนนี้ก็ 30 แล้วแล้วเขาเล่นพวกการเมืองเป็นสส.นั่นแหละเขาอยู่คอนโดนานๆทีจะกลับบ้าน ที่สำคัญก็ยังไม่มีแฟนและก็ยังไม่แต่งงานด้วย ใครจะกล้ามาจีบวะเป็นผมผมก็ไม่กล้าหรอกโหดซะไม่มีไปไหนทีก็ลูกน้องโครตเยอะ แต่ก็อย่างว่าเนาะมันเป็นเรื่องทำธรรมดาแหละมั้งส่วนผมก็อยู่ที่บ้านผมบ้านใหญ่เลยมีลุงพ่อผมแล้วก็แม่ผมนั่นแหละที่อยู่ด้วยกัน ขอแค่อย่าให้พี่สาวผมรู้เรื่องนี้ก็พอแต่ก็ไม่น่านานหรอกถ้าพี่กองพลรู้ไม่ถึงวิหรอกพี่ผมก็รู้แล้ว
และวันนี้ตอนนี้ที่ผมต้องมาอยู่โรงพยาบาลก็พอดีมีเรื่องนิดหน่อย พอดีผมเปิดผับแล้วบังเอิญว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอายุมันก็ยังไม่ถึงแหละแต่มันอยากจะเข้าผับ แต่ผมไม่ให้มันเข้าไงเดี๋ยวถ้าพี่กองพล อ๋อพี่เขาเป็นตำรวจแหละรู้จักกันปกติก็เคลียร์ให้ตลอดแต่ถ้าเขาซุ่มลงตรวจเดี๋ยวผับผมก็ได้ปิดอีก พูดไม่ฟังไงมีปากเสียงกันนิดหน่อยผมนั่งอยู่นี่แต่มันอะนอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน
"นี่ มองขนาดนี้กระโดดถีบกูเลยเถอะ"
"เหอะถีบมึงแม่งเปลืองแรงกู"
"เออจริงมึงแม่งไม่รู้สึกหรอก"
"แล้วมองกูทำไม"
"สัส จะไม่ให้มองได้ไง มึงไล่พยาบาลเกือบจะหมดอยู่แล้วเนี่ย"
"เออ กูก็ว่างั้นแหละ มึงไม่ทำแผลไม่ตรวจวะไอ้เตอร์ แผลแม่งก็ไม่ใช่น้อยๆ แตกไปหมดเนี่ย"
ผมมองพวกมันก่อนจะยิ้มออกมา พวกมันจะไปรู้อะไร รักษามันรักษาอยู่แล้วแต่ต้องเป็นหมอที่เลือกเองได้ปะวะ แล้วผมเห็นเต็มตาแล้วด้วยคนเดียวกันแน่ๆ มองมาจากดวงจันทร์ผมก็จำได้ไม่พลาดแน่นอน ผมยิ้มมุมปากก่อนจะตอบคำถามเพื่อนผมออกไปด้วยน้ำเสียงทีมั่นใจ
"กูรอว่าที่เมียในอนาคตกูอยู่ แล้วเขาก็อยู่โรงบาลนี้ด้วย อีกอย่างโรงพยาบาลนี้ก็ของลุงกูพวกมึงจะซีทำไม ถ้ากูยังไม่ได้ทำแผลไม่เกินชั่วโมงลุงก็ก็มาทำให้เหมือนเดิใ"
"ครับไอ้สัสหมั่นไส้ มึงนี่เป็นหลานที่เชี้ยมากสัสเตอร์ ว่าแต่ใครวะว่าที่เมียมึง"
"เออนั่นดิ"
"มึงจำญาติเอญ่าได้ปะที่กลับมาจากจีนอะ"
"อ่อ จำได้ดิ พี่เขาเป็นหมอที่นี่กูเห็นอยู่ สว่างสุดในย่านนี้ไอ้สัส"
"แต่เขาพาไอ้น้องที่มึงกระทืบมา ไปตรวจไม่ใช่เหรอวะ เห็นวุ่นวายกันอยู่เขาคงไม่มาแล้วแหละ"
"เออนั่นดิกลับบ้านไปแล้วมั่ง"
"ยังหรอกต้องเข้าเวรแน่ถึงอยู่ดึก มึงเชื่อกูดิกูหลานเจ้าของโรงพยาบาลนะ รู้มาหมดแล้วยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกาย รายรับรายจ่ายกูรู้หมด"
"แม้ไอ้สัสเตอร์รู้ดีนะมึงอะ ขิงเก่งไอ้สัส"
"กูมีว่าที่เมียกูเป็นหมอ กูต้องรู้ดิอีกอย่างหมอที่อยู่ดึกๆมีอย่างเดียวคือเข้าเวรปะวะไอ้เพื่อนโง่"
"แม้ไอ้พ่อฉลาดเตะปากอีกสักทีบ่หึ"
ผมมองไอ้สองคนตรงหน้าก่อนจะขำออกมาเบาๆ มันก็จริงนี่หว่าเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วที่สำคัญใครก็ต้องรู้ปะวะผมว่าพวกคุณก็รู้ว่าถ้าเจอหมอคนไหนตอนดึกๆ นี่เข้าเวรแน่ๆ
"มึงสนใจเขาเหรอวะ"
"ใช่! กูสนใจเขา และที่สำคัญจะเอาเขามาเป็นเมียกู มาเป็นแม่ของลูกด้วย"
ผมพูดก่อนจะทำหน้าตาจริงจัง ก่อนจะได้ยินเสียงไอ้สองตัวบาทพูดล้อๆขึ้นมา ถ้าไม่เจ็บจะลุกเตะมันสักทีจริงๆ รอให้หายก่อนแค้นนี้ต้องชำระ
"ว้าววว เสือขี้อ่อยยังเฮียเตอร์กูจะมีเมียแล้ววะ ไปเก็บเด็กๆน้อยๆด้วยนะครับ"
"เออแล้วกูเที่ยวกะใครละทีนี้"
"หึกูแนะนำให้มึงสองคนไปหาเมีย"
"เฮ้ยๆๆไอ้เตอร์"
"เชี้ยไร!!!"
ผมมองไอ้มาวินก่อนจะส่งสายตาดุดุไปหามันที่อยู่ๆก็สะกิดแขนผมขึ้นมา อยู่จะมาทำน้ำเสียงร้อนร่นเหมือนตกใจหรือว่าแม่ผมมาวะ โอ๊ะถ้าแม่ผมมาผมหูหลุดแน่ แต่สภาพนี้คงได้ตี่ยอมจำนนอย่างเดียว โอกาสจะวิ่งหนีแล้วรอดเป็นศูนย์ไปแล้วครับ
"เอออ กะกูจะบะ"
"ขออนุญาตตรวจได้ไหมคะ"
"ไม่โว้ยไปตามหมอคนนั้นมาถ้าไม่ได้ก็ออกไป"
ผมพูดออกไปเสียงดังชัดเจน อย่างน่อยก็ไม่ใช่แม่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่รอนี่หว่า ใช่ครับอาจจะด่าผมอยู่แต่ผมเป็นคนไข้เลือกหมอครับ อย่าถีบผมก็พอถ้าจะด่าก็น้อมรับครับ ผมรู้หลายคนคงด่าผมอยู่ในใจแล้วแน่ๆ แต่ประโยคของคนที่ตอบกลับมานี่ทำผมขึ้นเลยนะครับผม ไม่รู้จักไอ้ชัตเตอร์ซะแล้ว
"ถ้าคุณจะไม่ให้ใครตรวจให้ใครทำแผลหรือแตะต้องคุณก็กรุณากลับไปค่ะ"
"นี่เธอ!!!"
ผมเงยหน้าก่อนจะเห็นคนที่นั่งรอมาเกือบ 5 ชั่วโมง มายืนอยู่ตรงหน้าแต่หน้าเธอนั้นบ่งบอกเลยว่าไม่เล่นด้วย แต่ไอ้สัสเอ้ย แบบมันคุ้มค่ากับการรอจริงๆเลย อย่างน้อยๆเธอก็มายืนรออยู่ตรงหน้าผมแล้ววะตอนนี้ เออทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้ผม ต้องทำเป็นเข้ม เป็นโหด หรือจะทำตัวอ่อนแอดีวะ ไม่เป็นตัวเองอย่างเห็นได้ชัดที่สุดก็รอบนี้แหละครับ นี่แหละนะที่เขาบอกมาอยู่ต่อคนที่ชื่นชอบแล้วแม่งไปไม่เป็นจริงๆ ของจริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง
"เออคือ"
"สรุปจะตรวจหรือไม่ตรวจคะ ถ้าไม่ตรวจหมอก็ขอความร่วมมือจากคนไข้ว่า ให้กลับบ้านหรือเปลี่ยนโรงพยาบาลค่ะ"
ฉันถามคนตัวสูงตรงหน้าอย่างจริงจังคนอะไรหน้าแตกแขนก็มีแผลขาก็เจ็บแต่ก็ไม่ยอมจะตรวจอีกแล้วไม่ตรวจจะมานั่งที่นี่เพื่ออะไรเหงาหรือไง และที่นี่ก็ไม่ใช่ที่นั่งเล่นสำหรับใครนะ มันเป็นโรงพยาบารลไม่ใช่คาเฟ่ คนดีๆสติครบเขาไม่มีใครอยากจะมาโรงพยาบาลกันหรอก
"เออ ตรวจครับ"
"สรุปคือตรวจนะคะ"
"ยังอยู่ก็แปลว่าตรวจสิครับ"
ฉันหันไปมองเพื่อนเขาก่อนที่เพื่อนเขาจะยิ้มทักทายกลับมา ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆและพูดกับเขาพร้อมปรายตาไปที่เพื่อนของเขาที่ยังส่งยิ้มมาให้
"ของมีค่าทุกอย่างกรุณาฝากไว้ที่ญาตินะคะ เพราะอาจจะต้องเปลี่ยนชุดโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด ดูจากแผลแล้วชุดที่คนไข้ใส่อยู่อาจจะตรวจไม่ละเอียด"
ฉันบอกก่อนจะเห็นคนตัวสูงหยิบของมีค่าต่างๆใส่กระเป๋าถอดสร้อยถอดแหวนใส่ไว้ก่อนจะส่งให้เพื่อนเขา และหันมามองฉันพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ หน้าคุ้นๆแต่ก็นะนึกไม่ออก ช่างมันเถอะตอนนี้สิ่งที่สำคัญต้องรีบตรวจแล้วรีบไปดูคนไข้คนอื่นต่อ
"เรียบร้อยครับ"
"พยาบาลพาคนไข้ไปห้องตรวจด้วยค่ะ"
"ได้ค่ะคุณหมอ"
"ไอ้เตอร์กูสองคนรอนี่นะ"
"เออเค ถ้าไม่งั้นมึงกลับกันเลยก็ได้ ของก็เก็บไว้ให้กูค่อยเอามาให้พรุ่งนี้ จะว่าไปพวกมึงก็นั่งกับกูนานแล้ว"
ผมหันไปบอกเพื่อนของผมทั้งสองคน ผมก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าพวกผมก็นั่งรอมานานแล้วเหมือนกัน ถึงจะชั่วแค่ไหนก็ยังสำนึกได้นิดหนึ่ง ว่าพวกมันสองคนอาจจะง่วงกันแล้วก็ได้ละมั้ง พร้อมๆกับได้ยินเสียงของพวกมันพูดขึ้นมา
“เหอะไม่เป็นไรพวกกูรอเป็นเพื่อน”
"เออจริง ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกกูรอมึงอยู่นี่แหละ กลับไปก็เล่นเกมอยู่ดี"
"เออเคร"
หลังจากพูดจบพยาบาลก็พามายังห้องตรวจที่ค่อนข้างจะส่วนตัวและพยาบาลก็พยุงขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนเจ้าของร่างบางที่ผมรอมานานมากจะเดินเข้ามา
"รบกวนพาคนไข้เปลี่ยนชุดด้วยนะคะ"
"ใครจะช่วยผมเปลี่ยน!!"
ฉันตกใจหน้าที่ก้มดูเอกสารคนไข้เงยขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียงถามออกมาเสียงดังฉันมองเขาก่อนจะตอบกลับไป
"ก็พยาบาลไงคะมีอะไรหรือเปล่า แล้วนี่มันก็เรื่องปกติมากค่ะ ดูจากประวัติการรักษาของคุณแล้วน่าจะชินได้แล้วนะคะ"
ฉันมองหน้าคนตัวสูงนิ่งๆ ก่อนจะตอบเขาไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง คนอะไรประวัติการรักษาที่โรงพยาบาล น่าจะบ่อยกว่าเชคอินเข้าพักโรงแรมอีกมั้ง แล้วยังจะมาเรื่องมากกับฉันอีก อารมณ์หมอทุกคนไม่ได้ดีตลอดนะคะคนไข้ขา ฉันมองคนตรงหน้าก่อนจะหายใจเข้าหายใจออกสะกดอารมณ์ตัวเองเบาๆ
"ถ้าพยาบาลช่วยผมไม่เปลีี่ยน"
"คุณ ชัชนันต์คะ กรุณาให้ความร่วมมือกับหมอและพยาบาลด้วยค่ะ"
"ผมต้องการให้หมอช่วยผมเปลี่ยนได้มั้ยละครับ ไม่งั้นผมก็ไม่เปลี่ยนเพราะไม่มีความจำเป็น"
"จำเป็นมากเพราะคุณต้องเข้า X-ray ต้องเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยและต้องตรวจร่างกายว่า"
"งั้นหมอก็ต้องช่วยผมเปลี่ยนไม่งั้นก็ไม่เปลี่ยนตรวจมันแบบนี้แหละ"
ฉันมองคนตัวสูงที่เอาแต่ใจด้านหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ถ้าตอนนี้ฉันไม่ได้ดำรงหน้าที่และความเป็นหมอยู่ละก็ ฉันสัญญาเลยจริงๆ ว่าไอ้คนตัวสูงเอาแต่ตรงหน้านี่โดนจะหยุมหัวแน่ๆ เพราะตอนนี้ความอดทนของฉันก็เริ่มจะหมดลงไปทุกทีแล้วนะ นี่สินะที่เขาบอกอยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ พูดออกมาได้สักคำฉันมองไปที่เขาพูดกับเขาอย่างใจเย็น คือเอาน้ำเย็นเข้าลูบทั้งฉันและเขานั่นแหละ
"เออคือหน้าเปลี่ยนชุดคุณ หมอไม่"
"อย่าเข้ามาอย่าแตะตัวผมถ้าผมไม่อนุญาต"
ฉันมองคนที่เอาแต่ใจเสียงดังใส่พยาบาลจนพยาบาลกลัวตัวสั่นไปหมดจะขัดใจคนไข้ก็ไม่ได้อีกฉันมองบนเบาๆก่อนจะพูดกับคนตัวสูง
"ได้ค่ะ!! เดี๋ยวหมอเปลี่ยนให้คนไข้เอง พี่พยาบาลไปเตรียมอุปกรณ์ให้หมอเถอะ อุปกรณ์ทำแผลต่างๆเตรียมห้ำพร้อมนะคะ"
"ค่ะคุณหมอรอสักครู่ค่ะ"
พยาบาลบอกฉันก่อนจะเดินออกไปนอกห้องฉันมองมาที่คนตัวสูงอีกรอบก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาข้างเตียงพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าส่งให้เขา
"ช่วยถอดเสื้อให้ด้วยสิครับหมอผมปวดแขนมาก"
"แต่ตอนแรกหมอก็เห็นคนไข้ดีอยู่นะคะ"
ฉันพูดพร้อมกับมองมายังร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียง ตอนแรกก็ยังเห็นใช้แขนดีๆอยู่ แล้วอยู่จะมาไม่มีแรงอีก สรุปแล้วปวดขึ้นมาหรือจะแกล้งฉันวะเนี่ย
"ถ้าไม่ช่วยผมก็ไม่เปลี่ยนนั่งอยู่แบบนี้แหละ"
"นี่!!"
ฉันมองร่างสูงก่อนจะหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะบอกกับตัวเองเบาๆว่า ใจเย็นนะยายพรีช แกเป็นหมอแกเป็นหมออ แกทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เขาคือคนไข้แกต้องรักษาเขา
"ว่าไงครับ"
"โอเคค่ะ จะเปลี่ยนก็รีบเปลี่ยนหมอไม่ได้มีคุณเป็นคนไข้คนเดียว ยังมีคนไข้คนอื่นๆที่เขาต้องการหมอมากกว่าคุณรออยู่อีกมาก"
"งั้นหมอก็รีบมาช่วยผมสิครับ"
ฉันค่อยถอดเสื้อยืดแฟชั่นของคนร่างสูงออกก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น เพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเคยเห็นมาเหมือนกันนั่นแหละแต่ตอนนั้นมันไม่ใช่แบบนี้อันนั้นคือเราต้องรักษา แต่อันนี้เหมือนเขาแกล้งฉันมากกว่าอะ แล้วก็ใกล้ขนาดนี้
"หมอนี่ก็เก่งนะครับถอดเสื้อแต่ตามองที่อื่น"
ผมมองร่างบางที่ตอนนี้เบนสายตาไปที่อื่นก่อนจะนึกอะไรสนุกขึ้นมาไม่อยากมองใช่ไหมได้ แต่ผมอยากให้หมอสนใจผมไงใช่มันคือวิธีของคนชั่วเท่านั้นแหละที่จะทำแบบนี้ได้
ฟรึ่บ!!!!!
"นี่คุณกรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ"
ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับหันมองจ้องหน้าเขานิ่งๆ เพราะอยู่ร่างฉันก็ถูกเขาดึงมาแรงๆ โดยมีแขนเขาที่รัดอยู่ตรงช่วงเอวฉันไว้แน่น เพราะฉะนั้นไอ้ที่บอกว่าปวดแขนเมื่อกี้ก็คือแกล้งฉันจริงๆนั่นแหละ ไอ้บ้านี่โรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิด ฉันจะเอาเรื่องซะให้เข็ด ก่อนจะได้ยินเสียงเขาที่สั่งให้ฉันทำตามเขา
"คุณหมอก็กรุณาติดกระดุมให้ผมด้วยครับ"
"คุณชัชนันต์ ปล่อยหมอเดี๋ยวนี้นะคะ คุณทำมากเกินไปแล้วนะ"
"ติดกระดุมให้ผมก่อนสิ แล้วผมจะปล่อยหมอ ว่าไงละครับ"
ฉันหันมามองผู้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้ใช้มือทั้งสองข้างรั้งเอวฉันเข้าไปหาเขาจนแน่นไปหมด และที่สำคัญเขาก็ค่อนข้างจะสูงมากพอสมควร หน้าอกของฉันตอนนี้แทบจะอยู่ตรงหน้าเขาอยู่แล้ว ฉันหายใจเข้าพร้อมกับหลับตาก่อนจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม
"คุณก็ปล่อยฉันก่อนสิไม่งั้นฉันจะติดกระดุมให้คุณได้ไง"
ฉันพูดพร้อมกับผลักไหล่เขาออกเล็กน้อย
"ติดสิครับ"
เขาคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยพร้อมกับพูดกับฉันเบาๆก่อนฉันจะลงมือติดกระดุมเสื้อของทางโรงพยาบาลให้คนตัวสูง
"ที่นี้ ต่อไปก็กางเกง"
"กางเกงคุณเปลี่ยนเองแล้วกันค่ะ คุณอะล่วงเกินฉันมากเกินไปแล้วนะคะ กรุณาให้เกียรติกันด้วย"
"ปกติมีคนช่วยนี่ครับ"
"ฉันเป็นหมอมะ"
"ก็เพราะเป็นหมอนะสิหรือคุณจะบอกว่าให้คนไข้ที่มีอาการน่าเป็นห่วงแบบผมเปลี่ยนเอง"
"คุณปล่อยฉันได้แล้ว ที่สำคัญในตอนที่ฉันบอกให้พยาบาลเปลี่ยนให้คุณไม่เปลี่ยนเองนะคะ เวลานี้จะมาเรียกร้องอะไรกับฉัน"
ฉันมองคนตัวสูงที่ยังกอดเอวฉันอยู่พร้อมกับเริ่มกอดแน่นขึ้นเกือบหายใจไม่ออก ฉันเลยผลักไหล่เขา แต่ยิ่งผลักออกเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนฉันรู้สึกอึดอัดไปหมดแล้วตอนนี้ และมันอยู่ในสภาพที่แบบ ถ้าคนอื่นเข้ามาเห็นเขาจะคิดว่ายังไง คนที่เสียหายก็เป็นฉันอยู่ดีไม่ใช่เขา
"นี่คุณปล่อยฉันได้แล้วใครมาเห็นเค้าจะเข้าใจผิด"
พอผมได้ยินเท่านั้นแหละโมโหทันทีแทบจะระเบิดออกมานี่กลัวคนอื่นเข้าใจผิดขนาดนี้เลยหรือไง แล้วใครสนใจกัน ยิ่งเข้าใจผิดก็ยิ่งดีจะได้ไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่ง
"ทำไมห๊ะ!! ผมมันเป็นยังไง"
"นี่คุณ คุณเป็นผู้ชายส่วนฉันเป็นผู้หญิงและเป็นหมอ คนอื่นเขาเข้ามาเห็นมันไม่หมาะสมกรุณาปล่อยฉัน"
ฉันพูดก่อนจะเริ่มดิ้นและผลักอกเขาแรงๆ พยายามจะพูดให้คนตรงหน้าเข้าใจฉัน ขอให้เขาพยายามเข้าใจฉันหน่อยเถอะ สักนิดก็ยังดี แต่ดูเหมือนความพยายามของฉันกลายเป็นศูนย์เพราะหลังจากได้ยินคำถามเขาแล้วสรุปคือเขาไม่ได้คิดอะไรแบบที่ฉันกำลังจะพยายามอธิบายหรอก
"แล้วสรุป คุณจะตรวจหรือไม่ตรวจ"
"ตรวจ แล้วทำไมหมอไม่เปลี่ยนกางเกงให้ คนไข้อย่างผมสักทีละครับ"
ฉันถอนหายใจก่อนจะตอบคนตัวสูงกลับไป
"คุณก็ปล่อยฉันสักทีฉันจะได้เปลี่ยนกางเกงให้คุณ"
"หึ!! งั้นเชิญครับ"
ผมพูดก่อนจะปล่อยร่างบางในอ้อมกอดออกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากเบาๆ ตอนแรกที่ฟังคำพูดของคนตัวบางที่ตัวเล็กกว่าผมมากก็สำนึกเหมือนกัน แต่มันก็นะ
ฉันหยิบกางเกงของทางโรงพยาบาลก่อนจะมองคนที่นั่งอยู่บนเตียงฉันต้องทำได้ก็แค่เปลี่ยนกางเกงให้คนไข้ถึงแม้จะไม่เคยทำก็เถอะ เอาวะพรีชมันคืองาน มันก็ร่างกายเหมือนที่เรียนมานั่นแหละ จากนั้นฉันก็ลงมือเปลี่ยนกางเกงให้คนตัวสูงจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับพยาบาลที่เดินเข้ามาพอดี
"อุปกรณ์เรียบร้อยค่ะคุณหมอทำไมหน้าคุณหมอแดงละคะ อากาศมันเปลี่ยนหรือยังไม่ชินกับกากาศแล้วจะเป็นไข้หรือเปล่าคะ"
ฉันหันมามองพี่พยาบาลที่รีบถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงออำกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะส่ายหัวเบาๆและพูดกับพี่เขาว่า
"ไม่มีอะไรค่ะ หมอสบายดี งั้นเริ่มตรวจกันเถอะเนาะ"
"ได้ค่ะคุณหมอ"
"หึ!"
ฉันมองสายตาดุดุให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนจะเริ่มตรวจร่างกายอย่างละเอียดแผลตามตัวก็มีแค่ฟกช้ำเท่านั้นแต่ที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นแผลที่ข้อเท้าเพราะตอนนี้มันทั้งบวมและเเดงขึ้นเรื่อยๆ
"พยาบาลรบกวนทำแผลให้คนไข้ด้วยนะคะเสร็จแล้วเดี๋ยวจะพาคนไข้ไป x-ray ว่าเอ็นและเนื้อเยื่อรอบข้อเท้าฉีกขาดบางส่วนหรือฉีกขาดทั้งหมดเพราะเท่าที่ดูตอนนี้ข้อเท้าบวมมากลงน้ำหนักไม่ได้"
"นี่แล้วหมอจะไปไหนไม่ทำแผลให้ผมอะ"
คนตัวสูงถามฉันที่กำลังจะเดินออกไปด้านนอกฉันไม่ได้ตอบอะไรก่อนที่พี่พยาบาลพูดขึ้นมา
"เออเดี๋ยวพี่ทำให้ก็ได้ค่ะ คุณหมอจะได้เตรียมการตรวจคนไข้ในขั้นต่อไปไงคะ"
พยาบาลหันมาพูดกับผมพร้อมกับยิ้มให้เบาๆหึไม่เอาเว้ยผมมองหน้าหมอที่มองมานิ่งๆก่อนจะพูดออกไปดังๆจนพยาบาลตกใจ
"ไม่!! ผมจะให้เมียผมทำให้!! เมียผมก็เป็นหมอผมรอเมียผมได้ครับ โปรดรับรู้กันด้วย!"