"อายุเท่าไหร่หนู ดูเด็กอยู่เลย"
"สิบเก้าค่ะ" ฉันตอบแล้วคลี่ยิ้มออกมาเพียงนิดตามมารยาท
"โอ้ ยังเด็กอยู่เลยนี่ร้อนเงินเหรอ" คำถามนั้นทำให้ฉันหายใจฝืดๆ
จะเรียกว่าร้อนเงินมั้ยไม่รู้ แต่ฉันต้องหาเลี้ยงตัวเองและเรียนไปด้วย เงินเก็บที่มีเพราะแม่ฝากไว้ให้ตั้งแต่เด็กตอนนี้มันเริ่มน้อยลงเรื่อยๆจึงต้องพยายามเติมมันเผื่อฉุกเฉิน
ฉันจะไม่กินข้าวเช้าและบอกกับตัวเองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตื่นสาย แต่เหตุผลหลักคือมันประหยัดไปได้หนึ่งมื้อ หากมาทำงานที่ร้านฉันก็จะได้กินข้าวฟรีๆอีกมือตอนเย็น
"ไม่ค่ะ" ฉันตอบตรงข้ามกับความเป็นจริง
"อืม นึกว่าร้อนเงิน มีอะไรที่พอช่วยได้มั้ยล่ะ บอกพี่ได้นะ" ชายคนนั้นยิ้มหวานแล้วมองฉันตาเป็นมัน เกลียดสายตาแบบนี้ที่สุดเลย
มันทำให้ฉันคิดถึงไอ้สารเลวนั่น
คำว่า 'พี่' มันใช้กับคนอายุรุ่นพ่อได้ด้วยเหรอ
"ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร" ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง แล้วรับแก้วเครื่องดื่มที่ชาย 'แก่' คนนั้นยื่นมาให้เติม
"พี่เขาใจดีนะ ถ้าน้องมีปัญหาบอกพี่เขาได้ เขาชอบช่วยเด็กน่ะ" เพื่อนเขาอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสริมแล้วยิ้มกริ่ม
ฉันก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มเท่านั้น อยากให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปเร็วที่สุดแต่ดูเหมือนมันคงอีกนานพอสมควรเพราะตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง
จังหวะที่ฉันยื่นแก้วส่งไปให้ลูกค้าก็พยายามจะแตะต้องแกล้งจับมือถือแขนตลอด ความรู้สึกอึดอัดและรังเกียจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด
ฉันหันไปมองพี่นธีอยู่บ่อยๆเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยในที่ตรงนี้เขาก็เป็นคนเดียวที่น่าจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
จนกระทั่งเวลาเกือบเที่ยงคืนเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น เวลานั้นฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวว่าเขาจะกลับและไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะทำอะไรหลังจากเมามายขึ้นมา
ด้วยฐานะและอิทธิพลจากคำว่า 'วีไอพี' ไม่รู้ว่าฉันจะเจออะไรและเจ้าของร้านก็คงจะไม่เห็นค่าฉันมากกว่าเงินของคนพวกนี้แน่ๆ
"..." พี่นธีลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมามองทางฉันยืนอยู่ครู่หนึ่งจึงเบือนหน้าหนีไป ก่อนจะเดินหายออกจากร้าน เขาคงไม่เห็นว่าฉันกำลังส่งสายตาขอร้องเขาอยู่ว่าอย่าเพิ่งไป
"ขอตัวซักครู่ค่ะ..." ฉันโค้งศีรษะให้ลูกค้าแล้วทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้นแต่ชายแก่วัยเกือบหกสิบนั่นกลับดึงข้อมือฉันเอาไว้แล้วกระชากลงไปนั่งบนตัก
"ปล่อยนะ!" ฉันขัดขืนและผลักมันออกเต็มแรงอย่างไม่ชอบใจแต่ไอ้แก่นั่นก็ไม่ยอมปล่อย
"ไม่เอาน่าหนู อยากทำงานแบบนี้ก็อย่าเล่นตัวนักสิ" ไอ้แก่ด้านหลังพูดแล้วพยายามจะคลอเคลียซอกคอฉันด้วยความน่ารังเกียจ
ปึก!
"อ๊ากกก! นังนี่!"
ฉันแทงศอกไปที่คางของมันเต็มแรงจนหน้าหัน ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะพากันตกใจจากที่ตอนแรกหัวเราะชอบใจกันใหญ่ที่เห็นฉันอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนพวกมัน
"หนูไม่ชอบอย่ามาทำแบบนี้!!" พูดจบฉันก็วิ่งออกจากตรงนั้นทันที จนพี่ปายเจ้าของร้านรีบวิ่งเข้ามาดูแขกวีไอพีและหันบอกฉันเสียงแข็ง
"ไปรอที่ห้องประชุมงาน ก่อเรื่องจนได้!รู้มั้ยว่าวีไอพีสำคัญกับร้านขนาดไหน" คนที่ฉันคิดว่าใจดีมาตลอดพูดขึ้น
"..." ฉันยืนนิ่งน้ำตาคลอ ขอบตามันร้อนผ่าว มองตามหลังพี่ปายไปด้วยความรู้สึกสับสน
ฉันควรอยู่รอเพื่อให้เขาด่าทอเรื่องที่ฉันไม่ยอมไอ้แก่นั่นเหรอ ขนาดคนเป็นผู้หญิงด้วยกันยังไม่เห็นคุณค่ากันบ้างเลย
"ฮึก..." แม่...เนยควรทำยังไงดี
"..." อยู่ๆแขนของใครซักคนก็ยกขึ้นมาวางบนบ่าเล็กของฉันที่กำลังสั่นเทาไปพร้อมๆกับร่างกายตอนที่ร้องไห้ออกมา ฉันเกือบจะปัดแขนของเขาออกแต่เสียงเข้มคุ้นหูกลับดังขึ้นมาซะก่อน "กลับ"
เขาพูดเสียงเรียบแล้วปรายตาลงมามองฉัน ก่อนจะเอาแขนที่พาดบนบ่านั้นดันตัวฉันเดินไปข้างหน้าจนมาถึงนอกร้าน
"พี่นธี..." ฉันก้มหน้าลงและหันไปกอดเขาทันทีที่เดินออกมาถึงรถ ร้องไห้ออกมาเพราะหยุดไม่ได้ น้ำตาไหลอาบเต็มแก้มและเปื้อนเสื้อของเขาจนเป็นวาว
"โง่" เขาพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ผลักไสฉันออก ใช้มือที่พาดอยู่นั้นโอบไหล่ฉันไว้หลวมๆ "รู้ว่าต้องเจอแบบนี้แล้วยังจะมาทำ"
เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอีกครั้งหลังจากที่เจอเรื่องแย่ๆ ถึงแม้ที่พูดออกมานั้นจะเป็นคำด่าแต่ฉันก็ไม่โกรธเลยซักนิดเดียว
เขาพูดถูกที่ว่ามาทำงานแบบนี้ยังไงก็ต้องเจอเรื่องพวกนี้ แต่จะทำยังไงในเมื่อฉันไม่มีทางเลือกและคิดว่าจะไม่เจอคนพวกนี้ในเร็ววัน
"ฮึก ทำไมเนยต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย" ฉันยังคงร้องไห้อยู่ตรงแผงอกกว้าง บ่นเรื่องที่เขาอาจจะฟังไม่เข้าใจออกมา "จะไม่มีใครเห็นค่าเนยเลยเหรอ มีแต่คนหวังจะทำร้าย ฮือ~"
"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาดังออกมาหลังจากที่ยืนฟังฉันร้องไห้โวยวายหลายนาที
"ขอโทษค่ะ" ฉันค่อยๆดันตัวออกจากคนร่างสูงเมื่อสติกลับคืนมา รีบปาดน้ำตาออกจากแก้มแบบลวกๆ "เนยทำให้พี่เสียเวลาอีกแล้ว เสื้อเปื้อนด้วย"
"..." พี่นธีมองดูฉันแล้วไม่พูดอะไรออกมาซักคำ
"เนยนึกว่าพี่จะกลับก็เลยกลัว คนพวกนั้นพยายามจะลวนลาม เนยก็เลยทำร้ายเขา" ฉันก้มหน้ามองพื้นแล้วไล่น้ำตาลงอีกครั้ง ถ้าเขากลับไปก่อนแล้วไม่รู้ฉันทำยังไงต่อจากนั้น
"เธอไม่ผิด จะร้องทำไม"
"คะ?"
"กลับได้แล้ว ง่วง" เขาบอกแล้วหันหลังเดินไปที่รถ ฉันจึงรีบเดินตามไปและนั่งบนรถของเขาเหมือนเมื่อวานราวกับหนังเรื่องเดิมที่ฉายซ้ำ
"ขอบคุณนะคะ" พอถึงหน้าฉันก็หันไปบอกพี่นธีที่กำลังจะเปิดประตูห้องตัวเอง
"ไปดูไอ้นั่นหน่อย" เขาบอกเสียงเรียบแล้วมองฉัน คงจะหมายถึงน้องแมวล่ะมั้งตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจเพราะเขาชอบประหยัดคำพูดเกินไป
จริงสิฉันลืมน้องแมวไปเลย
"ค่ะ" ถึงแม้ตอนนี้จะเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้วแต่ฉันก็ยังคงตาโตเมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเรา
น่าจะเรียกว่า 'ของเรา' ได้นะเพราะเขาให้ฉันเลี้ยงด้วย
พอเข้ามาในห้องเจ้าเหมียวตัวน้อยก็วิ่งมาหาทันที มันหยุดอยู่ที่เท้าของฉันกรอนจะเอาแก้มเอียงเข้ามาถูคลอเคลียและร้องเหมียวๆอย่างเป็นมิตร
"พี่เอามันอาบน้ำหรือยังคะ" ฉันนั่งลงไปและอุ้มมันขึ้นมา ได้กลิ่นตัวหอมๆถึงรู้ว่ามันอาบน้ำและแปรงขนมาแล้ว "พี่เลี้ยงได้มั้ยเพราะแมวขนมันจะร่วง ยิ่งตอนผลัดขนจะยิ่งเยอะ ต้องแปรงขนบ่อย"
"เธอก็มาดู" พูดจบเขาก็เอื้อมมือมาลูบหัวน้องแมวที่ฉันอุ้มไว้บ้าง"มาให้อาหารด้วย"
สรุปคือให้ฉันเลี้ยงแต่แมวอยู่ห้องเขาเนี่ยนะ
"งั้นให้น้องแมวไปอยู่ห้องเนยมั้ย จะได้ไม่รบกวนพี่" ฉันพูดแล้วลูบขนมันเบาๆจนมันเคลิ้มและหลับตาพริ้ม
"เจ้าของห้องนั้นไม่ให้เลี้ยง"
"นั่นสิ เนยลืมคิดเลย" ฉันวางน้องลงพื้นมันก็เดินนวยนาดไปนอนที่พรมหน้าโซฟาทันที "ซื้อกระบะทรายมาด้วยมั้ยคะ"
"คืออะไร"
"ก็ห้องน้ำแมวไง พี่จะให้มันเข้าห้องน้ำไหน" พอฉันถามพี่นธีก็ขมวดคิ้วยุ่งมองฉันเหมือนจะพูดว่า 'เธอว่าฉันโง่เหรอก็คนมันไม่รู้'
"ถึงบอกว่าให้เลี้ยงเอง"
"พรุ่งนี้เนยไปซื้อมาก็ได้ค่ะ มีอีกหลายอย่างเลย"
"ว่างกี่โมง" พี่นธีเดินไปนั่งตรงโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู
"คะ?" ฉันหันไปถามด้วยความสงสัยแล้วก็เข้าใจความหมายทีหลัง "พรุ่งนี้เนยว่างบ่ายโมงค่ะ"
"เจอกันหน้าคอนโด"
"...ค่ะ"