EP.7 น้องปุยนุ่น

1453 Words
วันต่อมา พอรู้ว่าพี่นธีมีเรียนเช้าฉันจึงตื่นขึ้นมาแล้วอุ่นกับข้าวและทำอาหารง่ายๆอีกอย่างนั่นคือไข่กระทะเพื่อเอาไปให้เขาทานแต่เช้า "..." เขาเปิดประตูห้องเมื่อถูกรบกวนโดยฉันเอง ตอนนี้พี่นธีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อช็อปวิศวะสีกรมท่ากับกางเกงยีน กลิ่นกายหอมๆที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำทำให้เขามีเสน่ห์จนสาวๆกรี๊ดสลบได้แน่นอน "กินข้าวเช้าค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพราะเจ้าของห้องหันหลังให้แบบเดิมเป็นการอนุญาตตามแบบฉบับของพี่นธี ฉันเดินไปเอากับข้าวในห้องมาอีกจากนั้นก็ล็อกห้องตัวเองแล้วมากินข้าวห้องของเขา อย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน แต่เสียดายที่สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายซักเท่าไหร่ เหมี้ยววว "หืม ยังไม่ได้ทานอะไรเหรอน้องเหมียว" ฉันนั่งลงไปคุยกับมัน ตอนนี้กำลังเอาแก้มของมันมาถูไถอ้อนฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "พี่นธีไม่เอาข้าวให้หนูทานเหรอคะ ยังผอมอยู่เลย" "คงจะตอบ" พี่นธีพูดเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองฉันแล้วเดินไปนั่งสวมถุงเท้าที่โซฟา "มันไม่ยอมกินเอง" ฉันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วเดินไปดูอาหารที่เขาเอาให้ในชามอาหารสีชมพูหวานแหววแล้วยิ้มออกมา เขาคงไม่ได้เลือกมันเองหรอกนะ "นี่มันอาหารแมวโตนี่คะ น้องยังเล็กจะกินได้ยังไง" ฉันหันไปบอกพี่นธี "จะไปรู้ได้ไง" คนร่างสูงพูดจบก็เดินมาดูฉันที่อุ้มน้องแมวอยู่ "มาเลี้ยงเองเถอะ" "เนยมาเลี้ยงอยู่แล้ว พี่ห้ามบ่นเบื่อขี้หน้าเนยแล้วกัน" ฉันพูดพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะวางเจ้าแมวเหมียวลงและเดินไปล้างมือ "เนยจะขุนให้มันอ้วนเหมือนหมี" "..." พี่นธีนิ่งมองฉันที่ทำท่าทางไร้สาระอยู่แล้วหันหลังไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเหมือนจะเมินใส่ "พี่ตั้งชื่อให้มันหรือยัง" ฉันหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามแล้วจัดแจงถ้วยชามให้เขา "ไม่" "มันเป็นผู้หญิง ชื่ออะไรดีน้า~" "นิเนย" พี่นธีพูดแล้วตักข้าวทานคำโต "จะเอาชื่อคนไปตั้งชื่อแมวได้ไง ถ้าพี่เรียกแมวแล้วเนยหันไปล่ะ" ฉันแกล้งทำหน้ามุ่ยใส่เขาแล้วตักข้าวใส่ปากตัวเอง "..." พี่นธีเผลอยิ้มออกมาหลังจากฉันพูดจบแต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเหมือนกำลังนั่งดูดาวตก ที่อยู่ๆมันก็หายไปในพริบตาแล้วเขาก็ตีหน้ามึนต่อ "ชื่อนธีดีมั้ย นธี~" ฉันหันไปหาน้องแมวแล้วมันก็ตอบกลับมาด้วยเสียงร้องอย่างพอใจ "มันชอบชื่อนี้นะคะ" "..." เจ้าของชื่อนั้นเงยหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาอัมหิตจนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที "กวนประสาท" ทีตัวเองยังจะตั้งชื่อว่านิเนยเลย... "ชื่ออะไรดีน้า" ฉันทำท่าครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมา "ชื่อปุยนุ่นมั้ยเพราะมันเป็นสีขาวค่ะ" "ตามใจเธอ" เขาบอกเสียงเรียบแล้วกินข้าวต่อ นอกจากข้าวกับการนอนแล้วยังมีอะไรที่เขาสนใจเป็นพิเศษอีกมั้ยนะ ดูเฉยชากับทุกเรื่องจริงๆ "น้องปุยนุ่น~" เหมี้ยววว~ @มหาวิทยาลัย "แกทำภารกิจเสร็จยัง" เสียงของใบเฟิร์นเอ่ยถามตอนที่เรากำลังแวะซื้อน้ำที่คาเฟ่เล็กๆใต้ตึกเรียน "เรียบร้อย" "แกโชคดีจังวะไม่โดนรุ่นพี่แกล้ง" ใบเฟิร์นบ่นอุบอิบแล้วกดแชร์คลิปวีดีโอของตัวเองต่อ "ใบเฟิร์น แกมีงานอะไรแนะนำฉันอีกมั้ย" ฉันหันซ้ายแลขวาก่อนจะถามใบเฟิร์นเหมือนกระซิบ "ทำไม ร้านที่แกทำล่ะ" "ไม่ทำแล้ว เมื่อคืนหนีกลับมาด้วย" ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ อีกสองเดือนก็ต้องลงทะเบียนเรียนอีกแล้วถ้าเอาเงินเก็บไปจ่ายมันก็เหลือน้อยลงทุกที "ทำไม มันก็ดีไม่ใช่เหรอ" "เจอแขกนิสัยไม่ดีน่ะ ฉันไม่ชอบ" คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ขยะแขยง ฉันเกลียดการถูกคนไม่รู้จักแตะต้องร่างกายที่สุดเลย เหมือนมันเป็นปมในใจอย่างนั้นแหละ "เดี๋ยวฉันลองหาดูนะ แต่ขอถามหน่อยเถอะทำไมแกต้องร้อนเงินขนาดนั้น พ่อแม่แกไม่ให้เหรอ" คำถามของใบเฟิร์นทำให้ฉันรู้สึกจุกอกแต่ก็ฝืนยิ้มออกมา "แม่ฉันเสียแล้ว พ่อ...ตกงาน" "อ่อ ฉันขอโทษนะถ้าทำให้แกรู้สึกไม่ดี นิเนย...ขอโทษฉันไม่รู้"ใบเฟิร์นพูดแล้วบีบไหล่ฉันเหมือนให้กำลังใจและรู้สึกผิดกับคำถามของตัวเอง "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ว่าแกเลย" ฉันส่งยิ้มให้ใบเฟิร์นเพราะไม่อยากให้เพื่อนคิดมาก "แล้วทำไมแกไม่ให้บอกยัยนิน แกคบกับมันมานานไม่ใช่เหรอ" ยัยนั่นขมวดคิ้วถาม "เพราะคบกันมานานไงถึงต้องไม่ให้รู้ ยิ่งนานก็ยิ่งต้องเกรงใจ ญานินดีมากเกินไป ถ้ารู้ยัยนั่นต้องช่วยฉันจนตัวเองลำบากอีกคนแน่" ฉันบอกแล้วหลุบตามองต่ำ อีกอย่างฉันไม่อยากให้คนใกล้ตัวอย่างญานินมารับรู้เรื่องทุเรศๆของครอบครัวฉันด้วย ญานินรู้จักและเคยสนิทกับครอบครัวฉันแต่นั่นแค่ตอนที่แม่อยู่ มันรักและเคารพพ่อแม่ฉันมาก ถ้ารู้ว่าครอบครัวของฉันที่เคยอบอุ่นกลายเป็นแบบนี้ ไม่รู้นินจะรู้สึกยังไง อีกอย่างช่วงนี้มันยุ่งวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องแฟนเก่าและเรื่องรับน้องด้วย ถ้ารับเรื่องของฉันไปอีกคงไม่ดี "อืม ถ้ามีอะไรบอกฉันนะ ฉันจะช่วยแกเต็มที่" "อื้ม ขอบคุณ" "ทำไมช่วงนี้มาสายตลอดเลยยะหล่อน" ใบเฟิร์นหันไปแซวญานินที่เพิ่งจะเข้ามาในห้องเรียน อีกนิดเดียวก็จะเข้าสายกว่าอาจารย์แล้ว "ก็ปกตินี่" ญานินเป็นคนขี้เซาพอๆกับพี่นธีนั่นแหละ พี่น้องกันก็ต้องมีเหมือนกันบ้าง แต่เรื่องหนึ่งที่ไม่เหมือนคือความมีอัธยาศัย ยัยนี่พูดมากและเป็นมิตรกว่าพี่นธีเยอะ แต่พื้นฐานชีวิตดี พ่อแม่สั่งสอนมาดีทั้งคู่จึงมีนิสัยและการเรียนดีไม่มีขาดตกบกพร่องเลย ตั้งแต่คบกับญานินมาเรายังไม่เคยทะเลาะหรือมีปัญหากันเลยซักครั้ง "ฉันว่าไม่ปกติ วันนั้นหลังจากแกไปกับพี่ทศกัณฐ์ก็ไม่ปกติอีกเลย" ใบเฟิร์นยังคงจับผิดเพื่อนต่อ "พูดอะไของแกเนี่ย คิดมากไปแล้ว" "เลิกแซวมันเถอะหน้าแดงไปถึงหูแล้ว" ฉันส่ายหน้าเบาๆแล้วจึงหันไปมองอาจารย์ที่กำลังจะเข้าสอน บทสนทนาของพวกเราก็หยุดลงแค่นั้นจนกระทั่งเลิกเรียน "พรุ่งนี้ตรวจกิจกรรมแล้วนะ ญานินของแกเรียบร้อยมั้ย" ใบเฟิร์นถามเพื่อน "แน่นอน" "เบื่อการรับน้องที่สุดเลย กะอีแค่หัวเข็มขัดกับติ้งฉันจ่ายเงินซื้อก็ได้มั้ย" ยัยนั่นยังคงบ่นไม่หยุด "ซื้อแล้วมันไม่ภูมิใจไง" ฉันหัวเราะเบาๆแล้วพูดออกมา "เบื่อจริงๆ" หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จฉันก็ปลีกตัวออกมาจากเพื่อน บอกว่ามีธุระต้องไปทำแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นธุระกับพี่นธี จะว่าไปแล้วฉันไม่มีเบอร์โทรหรือช่องทางติดต่อกับเขาเลย นอกจากการเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คที่พี่เขาแทบจะไม่อัพเดทอะไร จึงไม่รู้ว่าจะเล่นมันอยู่หรือเปล่า ออนไลน์เมื่อ...สองวันที่แล้ว เลยทำได้แค่นั่งรออยู่ที่ห้องรับรองแขกล่างคอนโดเพื่อรอให้เขามาเพราะตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาบ่ายโมงที่เรานัดกันไว้แล้ว "นิเนย" เสียงใสๆที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ฉันรีบหันไปมองทันที "แกมาทำอะไรที่นี่" "ฉัน..." ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ร่างสูงของใครอีกคนก็ก้าวเขามาพร้อมกับสีหน้านิ่งเรียบญานินจึงหันไปสนใจเขาแทน "พี่นธี! ลงมาพอดีเลยดีแล้วนินจะได้ไม่ต้องเหนื่อย นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ" "อะไร"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD