ตอนที่4

1108 Words
ในที่สุดวิศรุตก็ต้องจำใจเข้ามาภายในบ้านของน้ำผึ้งอย่างไม่มีทางเลือก เขาเดินเข้ามาภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเกษมราช เจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลหลายใหญ่ของเมืองไทย “สวัสดีครับคุณป้า” เมื่อพบมธุรสนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องโถง เขาก็ยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท “สวัสดีจ้ะพ่อวิศ... นั่งก่อนสิจ๊ะ” “ขอบคุณครับ” วิศรุตหย่อนกายลงนั่งบนโซฟานุ่ม โดยมีน้ำผึ้งนั่งลงข้างๆ เจ้าหล่อนจงใจนั่งแนบชิดกับเนื้อตัวของเขา ทั้งๆ ที่โซฟาก็ออกจะตัวใหญ่ แต่จะขยับหนีก็ไม่ได้ เพราะเกรงใจมธุรส “พายัยผึ้งไปลองชุดแต่งงานมาเหรอพ่อวิศ” “ใช่ครับ” “แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ชุดถูกใจหรือเปล่าจ๊ะ” “ถูกใจครับ” จะให้เขาตอบยังไงล่ะ ตอบความจริงออกไป มีหวังสองครอบครัวแตกหักกันแน่นอน “พี่วิศชอบชุดมากเลยค่ะคุณแม่ แล้วก็เลือกชุดเจ้าบ่าวสีขาว เข้ากับชุดเจ้าสาวของผึ้งเลยนะคะ พี่วิศนี่ตาถึงจริงๆ เลย” น้ำผึ้งพูดออกมาด้วยความพึงพอใจ ใบหน้ารูปไข่ของเจ้าหล่อนเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มหวาน น้ำผึ้งโตขึ้นมาแล้วจริงๆ ต่างจากเมื่อก่อนมากมายนัก มันนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้มองน้ำผึ้งอย่างพิจารณาแบบนี้ ในขณะที่เขากำลังไล่สายตาสำรวจเสี้ยวหน้านวลอยู่นั้น เจ้าหล่อนก็หันมามองพอดี ทำให้เขาต้องรีบเหลือกตาไปทางอื่นแทน “วันนี้พี่วิศจะฝากท้องที่นี่นะคะคุณแม่” “อะไรของเธอน่ะน้ำผึ้ง” เขารีบเอนใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวทันที “ก็พี่วิศไม่ยอมไปดินเนอร์ข้างนอกกับผึ้งนี่คะ เราก็เลยต้องดินเนอร์ด้วยอาหารฝีมือป้าอิ่มที่บ้านของผึ้งแทน” เจ้าหล่อนยิ้มหวาน ดวงตาทอประกายความสุขออกมามากมาย หล่อนคงสนุกมากสินะที่แกล้งขัดอกขัดใจเขาได้แบบนี้ “งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวป้าจะเข้าไปบอกแม่อิ่มให้ทำของโปรดของพ่อวิศให้นะ” “ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมทานอะไรก็ได้ครับ” “ไม่ได้สิ นานๆ มากินข้าวที่บ้านป้าที ก็ต้องกินของโปรดสิ เดี๋ยวป้ามานะ คุยกับน้องไปก่อน” มธุรสลุกขึ้นจากโซฟาแล้วก็รีบเดินออกไปทันที เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน วิศรุตก็หันมาพูดจาตำหนิน้ำผึ้ง “ไหนตกลงกันว่าแค่เข้ามาสวัสดีคุณป้ายังไงล่ะน้ำผึ้ง” น้ำผึ้งอมยิ้ม แล้วก็พูดเสียงออดอ้อนคนตัวโตเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆ “ก็ผึ้งอยากให้พี่วิศอยู่ด้วยนานๆ นี่คะ” “แล้วไม่คิดว่าพี่มีธุระอื่นบ้างหรือไง” หล่อนส่ายหน้าไปมา “พี่วิศไม่มีธุระอะไรหรอกค่ะ เพราะถ้ามีคุณเลขาฯ ก็คงโทรมาแล้วล่ะ จริงไหมคะ” ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ไม่รู้จะหาคำไหนมาใช้กับน้ำผึ้งดี “พี่วิศดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนสิคะ” เขายื่นมือไปหยิบแก้วน้ำที่คนรับใช้ยกมาวางให้ขึ้นดื่มอึกใหญ่ จนในที่สุดก็หมดแก้ว จากนั้นก็วางแก้วลงกับโต๊ะเหมือนเดิม และลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “พี่วิศจะไปไหนเหรอคะ” “จะไปเดินเล่นน่ะ” “ผึ้งไปด้วยค่ะ” “อย่าเลย” เขาปฏิเสธ และก้าวยาวๆ เดินออกไปจากบ้านทันที แต่น้ำผึ้งจะเชื่อฟังได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหล่อนอยากอยู่ใกล้เขาตลอดเวลานี่นา “ผึ้งไปด้วยค่ะ” หล่อนรีบวิ่งตามเขาไปทันที และก็วิ่งไปทันในที่สุด วิศรุตเดินมายังสวนหย่อมข้างบ้าน เขามองไปยังต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง จำได้ว่าเขากับน้ำผึ้งเป็นคนปลูกด้วยกัน หญิงสาวยาวมายืนข้างกายของชายหนุ่ม และก็มองตามสายตาคมเข้มไปที่ต้นไม้ใหญ่ “ผึ้งดูแลอย่างดีเลยนะคะ ต้นไม้ของพวกเรา” วิศรุตละสายตาจากต้นไม้ มามองคนข้างตัวนิ่ง ความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาในหัวอีกครั้งและชัดเจน น้ำผึ้งเกิดมาเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรงนัก และตั้งแต่ทารกหล่อนก็มักจะร้องไห้ตลอดเวลา งอแงจนคุณลุงกับคุณป้าจนปัญญาจะหาทางรักษา แต่วันนั้นเมื่อพ่อกับแม่ของเขา พาเขาไปเยี่ยมครอบครัวของหล่อน และทันทีที่ทารกน้อยเห็นเขา หล่อนก็หยุดร้องไห้ และก็ยิ้มให้กับเขา คุณลุงกับคุณป้าแปลกใจมาก และก็ดีใจมากเช่นกัน ทั้งสองครอบครัวจึงทำสัญญากันเอาไว้ ว่าโตขึ้นจะให้น้ำผึ้งแต่งงานกับเขา ตอนนั้นเขายังไม่สิบขวบเต็มเลย ทำให้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่สัญญากันเอาไว้ มันจะกลายเป็นเรื่องผูกมัดที่น่าอึดอัดใจในตอนนี้ “คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่วิศ” “เปล่า” เขาส่ายหน้าไปมา และก็ก้าวเท้าเดินไปหยุดใต้ต้นไม้ใหญ่ น้ำผึ้งรีบเดินตามไปหยุดข้างกายของวิศรุตเหมือนเดิม “แต่สำหรับผึ้งนะคะ พอเห็นต้นไม้นี้ทีไร ผึ้งก็คิดถึงความสุขในวัยเด็กของตัวเองทุกทีเลยค่ะ” วิศรุตเอียงหน้ามามองคนที่ตัวเล็กกว่ามาก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา “ตอนเด็กผึ้งมีความสุขมากเลยนะคะ เพราะว่าไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีพี่วิศเสมอเลย ไม่เหมือนตอนนี้...” “ก็ตอนนี้เราโตแล้ว ก็ต้องมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นสิ” “ไม่ใช่เพราะเราโตแล้วหรอกค่ะ แต่เพราะพี่วิศชอบหลบหน้าผึ้งต่างหากล่ะคะ” หล่อนอดตัดพ้อคนตัวโตไม่ได้ “พี่งานยุ่ง” “พี่วิศเอางานมาอ้างต่างหากล่ะคะ แต่คอยดูเถอะ หลังจากที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว ผึ้งจะทำให้พี่วิศหลงผึ้งจนโงหัวไม่ขึ้นเลยล่ะค่ะ” วิศรุตได้ยินคำพูดของหญิงสาวแล้วก็รู้สึกขบขันไม่น้อย “พี่เนี่ยนะจะหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้น” “ใช่ค่ะ รับรองหลงมากๆ แน่นอนค่ะ” “ทำไมพี่นึกถึงภาพนั้นไม่ออกเลยล่ะ” แล้วชายหนุ่มก็หัวเราะร่วน จนหญิงสาวอดหมั่นไส้ไม่ได้ “ทำเป็นหัวเราะไปเถอะค่ะ เดี๋ยวหลงผึ้งเมื่อไหร่ ผึ้งจะแกล้งให้เข็ดเลย...” “คงมีวันนั้นหรอกนะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่คนตัวโต แต่ก็โกรธเคืองคนปากร้ายไม่ลงสักที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD