1 ปีผ่านไป
หลังจากไปเรียนภาษาจนพอใจแล้วรุจิรัตน์จึงเดินทางกลับประเทศของตนเพื่อมาหมั้นหมายกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย แต่จะบอกอย่างนั้นก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะจริงๆแล้วเธอรู้จักกับเขามาตั้งแต่เล็กๆแล้วสองครอบครัวจึงสนิทสนมกันเป็นพิเศษ
“สวัสดีค่ะพี่ต่อ ขอบคุณนะคะที่มารับตาหวานถึงสนามบินเลย”
“พี่ต้องมารับอยู่แล้วครับถ้าไม่มาน่ะผิดปกติ”
“ฮ่าๆจริงด้วยค่ะ ตาหวานหิวมากเลยค่ะพี่ต่อตาหวานอยากทานขนมร้านที่ยัยข้าวเคยพาไปทาน”
“อะ เอ่อน้องตาหวานไปอยู่เมืองนอกได้ติดต่อเพื่อนเมืองไทยบ้างไหมครับ”
“เพื่อนเมืองไทยใครหรอคะถ้าเป็นยัยขิงก็พอได้คุยบ้างค่ะแต่ยัยข้าวนี่เงียบหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วค่ะ สงสัยแอบไปแต่งงานมีสามีมีลูกน่ารักๆไปแล้วก็ได้นะคะ ถ้าติดต่อได้เมื่อไรนะตาหวานจะจัดการแน่นอนค่ะ”
“ครับๆชั่งเถอะครับพี่ไปส่งตาหวานที่บ้านนะครับ”
“ค่ะพี่ต่อ” แม้จะพยายามไม่นึกถึงเธอมาตลอดหลายเดือนแต่พอแฟนสาวเอ่ยถึงเพียงแค่ไม่ถึงห้านาทีในใจเขาก็รู้สึกร้อนรนเป็นอย่างมากถ้าหากว่าเธอนั้นหนีเขาไปแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเอง ชายหนุ่มตั้งแต่ที่ทราบว่าหญิงสาวไปทำแท้งเขากับมารดาก็มักจะอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้หนูน้อยที่ล่วงลับไปแล้วอยู่เสมอ ในใจยังคงยึดติดอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆแต่ก็ทำไม่ได้เลย
“เงียบจังเลยนะคะพี่ต่อมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าเอ่ย” ตาหวานอดจะเป็นห่วงชายหนุ่มข้างกายไม่ได้เพราะเขามีสีหน้ากังวลใจจนเธอจับความรู้สึกได้
“ตาหวานไปอยู่เมืองนอกมีหนุ่มมาจีบบ้างไหมครับ”
“จะว่าไปก็มีนะคะพี่ต่อ นี่อย่าบอกนะคะที่เงียบเนี่ยหึงตาหวานน่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามยิ้มๆ
“ครับก็ตาหวานน่ารักขนาดนี้พี่หึงไม่ได้หรอครับ”
“คิกๆได้สิคะพี่ต่อ พี่ต่อคะตาหวานขอถามอะไรหน่อยสิคะ”
“ได้สิครับ”
“พี่ต่อคิดยังไงกับตาหวานกันแน่คะ ขอความจริงนะคะตาหวานรับได้หมด”
“ตาหวานหมายถึงอะไรครับ” เขาไม่เข้าใจว่าสาวน้อยข้างกายต้องการคำตอบแบบไหน
“ตาหวานขอโทษนะคะที่ต้องบอกความจริงกับพี่ต่อ”
“ความจริงอะไรครับ”
“ตาหวานรู้ใจตัวเองแล้วค่ะว่าตาหวานรู้สึกกับพี่ต่อเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น”
“อะไรนะครับ”
“ตาหวานขอโทษค่ะแต่ตาหวานว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้เพราะตาหวานพิสูจน์แล้วค่ะ”
“…”
“ตลอดระยะเวลาที่ตาหวานหายไปพี่ต่อหลงลืมตาหวานไปพี่ต่อรู้ตัวบ้างไหมคะ ตาหวานรู้ค่ะว่าลึกๆแล้วเราสองคนไม่ใช่คู่รักที่คนภายนอกมองว่าเราสองคนน่ะเหมาะสมกัน”
“ครับพี่ยอมรับว่าพี่ก็คิดกับตาหวานเพียงแค่พี่น้องเหมือนกันครับ”
“ขอบคุณที่บอกความจริงกับตาหวานนะคะ”
“แล้วเรื่องงานหมั้นของเราล่ะครับ”
“เพราะแบบนี้ไงคะตาหวานถึงได้บินกลับมาเมืองไทย ตาหวานมาเพื่อยุติเรื่องราววุ่นๆระหว่างสองครอบครัวค่ะ ไม่อย่างนั้นตาหวานคงยังไม่กลับมาเมืองไทยหรอกค่ะ” ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาชายหนุ่มงัดเอาความสามารถของตนมาจัดการกับปัญหาของบริษัทและเปลี่ยนแนวทางการบริหารใหม่จนปัจจุบันบริษัทอยู่ในสถานการณ์ปกติแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องหมั้นกับรุจิรัตน์เพราะเรื่องเงินอีกแล้ว
“พี่ขอโทษครับที่ความจริงแล้วพี่หมั้นกับตาหวานก็เพื่อกอบกู้ธุรกิจของที่บ้านพี่เอาไว้ครับ” เขากล่าวขอโทษและสารภาพความจริงออกมา
“เรื่องนั้นไม่ต้องขอโทษตาหวานหรอกนะคะเพราะคุณพ่อก็บอกตาหวานตั้งแต่แรกแล้วตาหวานตั้งใจช่วยพี่ต่อค่ะ”
“ขอบคุณนะครับน้องสาวคนสวยของพี่”
“ขอบคุณพี่ต่อที่ดูแลตาหวานมาตลอดระยะเวลาหลายปีเลยเช่นกันค่ะ”
“เรื่องนั้นพี่ยินดีครับ พี่ไม่มีน้องสาวน่ารักๆนี่หน่าพี่เลยอยากดูแลตาหวานให้ดี” ทั้งสองคนยิ้มให้กันเต็มใบหน้าเมื่อได้พูดสิ่งที่ค้างคาในใจออกไป รุจิรัตน์เดินทางไปที่บ้านของชายหนุ่มพร้อมด้วยบิดาของตน
“ตาหวานขอยกเลิกการหมั้นค่ะ”
“อะไรนะลูก” คัทลียาแทบไม่เชื่อหู นางเอ็นดูรุจิรัตน์มากๆและอยากให้สาวสวยคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้
“เราอย่าไปบังคับหนูตาหวานเขาเลย” บิดาของชายหนุ่มรีบห้ามปราบภรรยา
“เรื่องจิตใจมันบังคับกันไม่ได้จริงๆนะศาล” บิดาของรุจิรัตน์เอ่ยกับบิดาของชายหนุ่ม
“อืม ในเมื่อหนูตาหวานตัดสินใจดีแล้วลุงก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของหนูตาหวานนะลูก” ธนศาลตอบกลับน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะคุณลุง ขอบคุณที่ทุกคนยังให้ตาหวานได้มีโอกาสเลือกนะคะ”
“ถ้าหมดเรื่องแล้วฉันขอพาลูกสาวกลับก่อนนะ เดินทางมาเหนื่อยๆไม่ได้พักเสียที”
“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัยล่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ตาหวานขอตัวก่อนนะคะพี่ต่อ”
“ครับ”
“นี่คุณแม่จะไปไหนครับ”
“แม่จะไปวัดน่ะ”
“ผมไปด้วยครับ เดี๋ยวผมขับรถไปให้นะครับ”
“คุณกับลูกนี่ไปวัดบ่อยจังเลยนะ ที่วัดมีอะไรน่าสนใจหรอตาต่อ” คนเป็นพ่อถามยิ้มๆ
“ไปทำบุญสงบจิตสงบใจไงครับพ่อ พ่อก็รู้ว่าแม่เขาอยู่บ้านก็เหงาๆ”
“เอาเถอะๆ พ่อฝากต่อดูแลแม่เขาดีๆล่ะ”
“ครับพ่อ"