5
เพียงแค่ร่างหนาใหญ่เดินไปเกือบจะถึงห้องของภาม ไม่ทันจะลับเหลี่ยมโค้งก็ต้องหยุดกึก เมื่อหูแววได้ยินเสียงคุ้นเคย ที่ไม่ว่าจะจากกันไปนานถึงสองปีครึ่งเขาก็ยังจำน้ำเสียงหวานนุ่มนั้นได้เสมอ
“พี่ไทนี่พูดจริงๆ นะคะ” รสรินเอ่ยถามว่าที่พี่สะใภ้น้ำเสียงจริงจัง พวงแก้มนุ่มอิ่มเต็มด้วยเลือดฝาดป่องออกเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำรับรองที่ได้ยิน ก็ชานนท์น่ะเจ้าชู้ขึ้นชื่อลือชาขนาดนั้น จะเป็นไปได้หรือไงที่จะไม่มีสาวๆ คอยพะนอแนบชิด
ดวงตากลมโตที่กะพริบปริบๆ มองมา ทำเอานันทิยาถึงกับแอบกลืนน้ำลายในลำคอ เพราะคำพูดที่พูดออกไปนั้นไม่มีคำไหนจริงเลยสักนิด ชานนท์มีหญิงรายรอบไม่เว้นแต่ละวัน เคียงข้างไม่เว้นแต่ละคืน บางคืนไม่กลับบ้านด้วยซ้ำ แต่ยังไงชายหนุ่มก็เป็นน้องชาย แค่ช่วยปกปิดให้ทั้งสองคนที่รักกับที่คนหนึ่งแสดงออกอย่างเต็มที่ แต่อีกคนต้องปกปิดความรู้สึกเอาไว้ภายใน เพราะความไม่เท่าเทียมของฐานะ การดูถูกเหยียดหยามจากคนที่อยู่รายรอบให้สบายใจ ดีกว่าบอกความจริงแล้วให้ทั้งคู่ต้องรบรากัน
สองมือเล็กยื่นไปจับมือเล็กเรียวของรสริน “จริงๆ จ้ะ” ย้ำเสียงนุ่มอีกครั้ง
‘พี่ช่วยเธอได้เท่านี้นะนนท์ ส่วนที่เหลือก็เคลียร์กับน้องรสเอาเองแล้วกัน’
“ค่า....” รสรินแย้มยิ้มหวานนุ่ม
“ความจริงน้องรสก็รู้หรอกนะคะ พี่ไทนี่พูดให้น้องรสสบายใจและเข้าข้างพี่นนท์ แต่ก็นะ...เห็นพี่ไทนี่ยืนยันหนักแน่นแบบนี้ น้องรสเชื่อก็ได้ค่ะ นี่ถ้าไม่ใช่พี่ไทนี่พูด น้องรสไม่เชื่อนะคะ ก็พี่นนท์น่ะเจ้าชู้เข้าไส้ไม่ต่างจากพี่ภามเลย”
รสรินพูดเสียงใสแจ๋วราวกับนกแก้วกับนันทิยาที่ยืนยันอย่างหนักแน่นเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ชานนท์ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลแม้แต่นิดเดียว แต่แอบเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางไขว้กันไว้พร้อมพยักหน้าหงึกๆ เหมือนกับกิ้งก่า ก็เธอรู้นิสัยคู่หมั้นดี มีหรือที่จะทำตัวเป็นฤๅษีชีไพรไม่สนใจผู้หญิงน่ะ เป็นไปไม่ได้เลย ให้เงินสิบบาทซื้อขนมกินได้เลย ลับหลังส่งเธอขึ้นเครื่องบิน ชานนท์จะต้องวิ่งรี่ปรี่ไปหาแม่สาวๆ ที่เขาเคยควงเป็นประจำนั่นแหละ
“ตายโหงแล้ว!” ชานนท์ร้องครางในลำคอ เมื่อคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกลับได้เจอในวันที่เขาได้นัดกับสาวน้อยอีกคนว่าจะไปเล่นจ้ำจี้กันนี่ก็เกือบจะได้เวลานัดที่จะไปทานอาหารตอนเที่ยงกันแล้วด้วย ไหนคืนนี้จะมีนัดกับพี่ภามไปปาร์ตี้ชายหาดกับสาวๆ ให้มันรุ่งสางกันไปเลยอีก
“พี่ไทนี่นะพี่ไทนี่ ทำกับน้องชายคนนี้ได้ยังไงครับ...ทำไมถึงไม่บอกกันก่อนว่าน้องรสมาถึงวันนี้ โหย...ตายแน่ๆ เลยเรา”
แฟ้มเอกสารยกขึ้นปิดหน้าก็คงจะไม่ทันแล้ว เมื่อรสรินหันหน้ามาจ๊ะเอ๋กับเขาพอดีพร้อมส่งรอยยิ้มหวานๆ ที่มันละลายหัวใจเขาเหมือนกับขี้ผึ้งถูกลนด้วยไฟ
“พี่นนท์ขา...น้องรสคิดถึ้งคิดถึงพี่นนท์ม้ากมากเลยค่ะ”
รสรินวิ่งรี่ไปโถมตัวเข้ากอดชานนท์ที่ยืนอึ้งตัวแข็งเหมือนกับถูกใครเอาปูนมาราดขาไว้ จมูกโด่งได้รูปสูดเอากลิ่นกายหอมด้วยโคโลญจนเต็มปอด อยากที่จะเอาเปรียบอีกนิดด้วยการมอบจูบหวานๆ ให้ แต่เดี๋ยวไก่ตื่นหนีไปเสียก่อน แล้วเธอจะอดได้ชานนท์เป็นสามี หญิงสาวคิดติดตลก กลอกตามองไปทั่วกับพวงแก้มอิ่มเต็มที่มันป่องออกเล็กน้อย
“โอ๊ย!! เบาๆ น้องรสเบาๆ ครับ พี่หายใจไม่ออกแล้ว”
ใบหน้าคมคร้ามค่อนไปทางขาวแดงก่ำตลอดไปจนถึงใบหู ในหัวใจเต้นตึกตักๆ รัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง จะเบี่ยงหนีก็ทำไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายนั้นโถมกอดบดเบียดมาทั้งตัวจนส่วนนูนเด่นที่ใหญ่ด้วยไซส์ 36 คับซีเสียดสีกับแผ่นอกกว้าง
“แหม...ทีกับน้องรสละทำเป็นหวงเนื้อหวงตัว แต่ทีกับสาวๆ พวกนั้นละก็ไล่จูบไล่หอม มันน่านักเชียว”
รสรินพูดทีเล่นทีจริง พร้อมตวัดค้อนใส่ชานนท์วงโต อีกทั้งปลายนิ้วหยิบและบิดเนื้อบนแขนใหญ่พอให้เจ็บเหมือนกับมดกัด กลับมาคราวนี้เธอคงจะต้องจัดการกับคนตรงหน้าจริงๆ จังๆ เสียที ปล่อยปละละเลยให้เล่นสนุกมานานแล้ว ถึงคราวที่จะต้องเอาจริงเอาจังเสียที
หึ...รสรินยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากด้านหนึ่ง นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ ‘อย่าหวังว่าจะรอดจากน้ำมือน้องรสคนนี้ไปได้นะคะพี่นนท์ขา หื่นและอึดมากใช่ไหมคะ น้องรสก็รับรองได้เลยว่าพี่นนท์จะต้องหมดแรงคาอกน้องรสแน่นอนค่า’
ชานนท์เสียววูบในใจ หนาวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อได้เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยที่รสรินส่งมาให้
หญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไรแน่นอนและเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวกับเขา ดวงตาคมกริบปรายไปมองพี่สาวเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนกับเขาโดนปล่อยเกาะ เมื่ออีกฝ่ายส่ายศีรษะและยกไหล่ขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบ
‘ขอโทษด้วยนะนนท์ คราวนี้พี่ช่วยไม่ได้จริงๆ ’
“น้องรสถอยไปก่อนได้ไหมครับ พี่นนท์หายใจไม่ออก” ชานนท์พยายามเลี่ยงที่จะแตะเนื้อต้องตัวอันหอมกรุ่น ที่ชวนทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานผิดปกติ
“ไม่ถอยได้ไหมคะพี่นนท์ขา...” ไม่เพียงแค่ปากแต่สองแขนเรียวยาวยิ่งโอบกระชับกอดรัดกายใหญ่สนิทแน่นขึ้น พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมปล่อยชานนท์ให้เป็นอิสระอย่างที่เธอไม่ชอบเลยสักนิด แต่ก็นะ เดี๋ยวไก่ตื่นหนีหมดอดกินลูกเจี๊ยบกันพอดีซิ
“แหม...น้องรสล้อเล่นแค่นี้เอง ทำเป็นหน้าบึ้งใส่ ถอยก็ได้ ชิ...”
พูดแง่งอนและเสียมิได้ แต่ฤทธิ์ของเธอนั้นก็มีใช่น้อย ก่อนที่จะยอมถอยห่างจากชานนท์ปลายจมูกเล็กโด่งได้รูปที่รับเชื้อมาจากทั้งพ่อและแม่กดลงไปบนแก้มสากระคายและริมฝีปากอวบอิ่มที่มันปัดไล้ผ่านริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายอย่างจงใจ พร้อมเสียงหัวเราะใสแจ๋ว
“แหม...ไม่เห็นจะหอมเลย ไม่รู้สาวๆ ชอบหอมพี่นนท์ได้ยังไง ใช่ไหมคะพี่ไทนี่”
ท้ายสุดหญิงสาวก็หันไปหาลูกคู่ที่ยืนยิ้มเฉยจนเป็นเฉื่อยชา ประกายในดวงตากลมโตที่เคยสดใสร่าเริงก็หม่นหมองและหดหู่ มองแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย
“จริงซิ น้องรสว่าจะถามอยู่แล้วเชียว พี่ไทนี่เป็นอะไรคะ ทำไมไม่ค่อยพูดค่อยจาเลย แถมหน้าตาก็เศร้ามากด้วย หรือว่าพี่ภามรังแกเอาอีกแล้วใช่ไหมคะ ไม่ได้ละ เดี๋ยวน้องรสจะต้องจัดการพี่ภามซะหน่อย โทษฐานที่ทำร้ายพี่สาวสุดที่รักของน้องรส”
รสรินเอ่ยเสียงหวานนุ่ม กายโปร่งขนาดส่วนสูงน้อยกว่านันทิยาเล็กน้อยโถมตัวเข้ากอดร่างโปร่งบาง แนบซบใบหน้ากับลาดไหล่กว้าง
“โอ๋...พี่ไทนี่ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวน้องรสจัดการพี่ภามให้เองค่ะ” วงหน้ารูปไข่ตวัดมองไปที่ชานนท์พร้อมทำหน้าตาบึ้งตึงเครียดขึงใส่
“พี่นนท์ดูแลพี่สาวน้องรสยังไง ถึงปล่อยให้พี่ภามรังแกเอาน่ะ” เธอยังพ่วงความโกรธมาใส่ชานนท์ที่ไม่ยอมดูแลพี่สาว ปล่อยให้ถูกพี่ชายเธอรังแกทางด้านจิตใจบ่อยๆ
“พี่เปล่านะ” ชานนท์รีบปฏิเสธทันทีและรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องให้มันห่างไกลจากตัวเองมากที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะถูกหางเลขหนักจนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะหาทางเล่นงานเขายังไงถึงให้สาสมกับโทษทัณฑ์
“น้องรสเพิ่งมาถึงใช่ไหม ดูซิหน้าตาแดงเชียวและมันแผลบเชียว แถมผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงด้วย พี่ว่าไปพักก่อนดีกว่าไหม”
“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลยพี่นนท์ มาให้น้องรสชำระความเสียดีๆ ”
รสรินตอบกลับอย่างรวดเร็ว มือเล็กเรียวคว้ามือใหญ่ของชานนท์ข้างหนึ่งและอีกมือคว้าแขนเรียวยาวของนันทิยามุ่งเดินไปห้องพี่ชายเพื่อชำระความผิดในทันที