ตอนที่ 6

1499 Words
6 เพราะหลงมัวในตัวหญิงที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ภามไม่ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานที่มันเปิดออก สองมือใหญ่ลากไล้ฟอนเฟ้นอกสาวอวบอิ่ม ปลายนิ้วยาวเรียวกดขยี้คลึงเคล้นปลายยอดทรวงนูนเด่นที่ดุนดันตัวเสื้อชั้นในลูกไม้สีบานเย็นบางเบาจนปกปิดอะไรไว้ไม่มิด ริมฝีปากหนาร้อนทาบทับดูดเม้มยอดปทุมถันตวัดไล้จนชลดาถึงกับส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างสะกดกลั้นความวาบหวิวไว้ไม่ไหว สองมือเล็กเรียววาดไล้สะเปะสะปะไปตามเรือนกายแข็งแกร่ง สอดแทรกเข้าไปในตัวเสื้อ เพื่อจะได้สัมผัสถึงผิวกายแข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แหงนหงายศีรษะไปด้านหลังด้วยลมหายใจที่มันหอบสะท้าน ในช่องท้องปั่นป่วนด้วยคลื่นปรารถนาที่มันโจมตีอย่างไม่มีหยุดยั้งให้ได้หายใจหายคอ “ว้าย!! ตายแล้ว” มือเล็กเรียวยกขึ้นปิดปากก่อนอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า โกรธแทนนันทิยาและอายกับความใจกล้าหน้าด้านของสองหนุ่มสาวที่ยังซุกไซ้คลอเคลียกันอยู่ตรงหน้า แดงก่ำจากทั้งวงหน้าไล่ไปถึงใบหูและลำคอ ฟันขาวสะอาดขบกัดจนพวงแก้มนิ่มนูนเด่น ประกายในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดเจิดจ้า ถึงว่าซิ ปล่อยให้เธอเคาะประตูจนมือหงิกแล้วนะ ภามก็ยังไม่มีคำอนุญาต จนต้องเสียมารยาเปิดเข้ามาเอง ก็มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับยัยผู้หญิงหน้าด้านที่ปล่อยให้ผู้ชายเชยชมอยู่นี่เอง สองมือเล็กเกือบจะกระชากศีรษะทุยที่ซุกไซ้อยู่กับอกแล้วเชียว แต่ถ้าทำอย่างนั้นมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ มันต้องมีวิธีการที่ดีกว่านั้น ขนาดเธอยังรู้สึกโกรธและเสียใจถึงเพียงนี้ แล้วนันทิยาเล่า จะโกรธจะเจ็บปวดสักเพียงไหน ไม่ต้องเหลือบสายตาไปมองก็รู้ว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงคงจะน้ำตาคลอเบ้า เรือนกายสั่นเทาและซบซุกกับอกน้องชายเพื่อขอความเข้มแข็งมาช่วยให้ผ่านพ้นมันไปได้ โดยที่ไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ ให้ภามโกรธจนหักคอทิ้ง สองมือเล็กเรียวยกขึ้นเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจกับสิ่งที่ได้เห็นสุดๆ สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อยากจะหาอะไรทุบหัวพี่ชายให้แบะแตกจนเลือดอาบ นี่ถ้าเธอไม่คิดว่าจะกลับบ้านก่อนกำหนด อย่างหนึ่งเพราะต้องการมาจับผิดชานนท์ด้วยว่ามั่วกับผู้หญิงคนไหนอยู่ในตอนนี้ และอยากที่จะเซอร์ไพร้ส์พี่ชายด้วย เลยเลือกที่จะโทรหานันทิยาและขอร้องให้อีกฝ่ายไปรับเธอ พร้อมเก็บมันไว้เป็นความลับก็คงจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ รสรินหันรีหันขวางด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านระคนสงสารนันทิยาที่ต้องมาพบเจอกับภาพนี้ มือเล็กยกขึ้นจับขมับด้านหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีแล้วกับสิ่งที่ได้เห็น เรื่องที่ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของพี่ชายที่ไม่เคยจะสนใจความรู้สึกของว่าที่พี่สะใภ้คนนี้เลย แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ต่อให้รักสักเพียงไหน แต่ถ้าหากว่ามันเจ็บช้ำมากๆ เข้า วันหนึ่งนันทิยาอาจทนรับไม่ไหวหนีหายไป แล้วพี่ภามนั่นแหละจะนั่งร้องไห้ มีเพชรอยู่กับตัวแต่ไม่คิดจะสนใจ กลับไปสนใจก้อนกรวด ปลายลิ้นยาวกระทุ้งกระพุ้งแก้ม เดินนำหน้าคนอื่นๆ เข้าไปในห้อง ก็เธอมันหนังหน้าหนานี่นา ไม่อายหรอกนะที่จะเดินเข้าไปดูให้มันชัดๆ พร้อมกับ... “น้องรส...จะทำอะไรน่ะ” ชานนท์ที่ก้าวเดินตามมาติดๆ แขนหนึ่งโอบกอดพี่สาวไว้ไม่ให้ล้มลงกลางคัน อีกมือก็ยื่นไปคว้าแขนเรียวยาวเอาไว้และกระซิบถามด้วยความกลัวว่าภามจะโกรธเอา รสรินสะบัดแขนออกจากการจับกุม และหันไปชักสีหน้าใส่ชานนท์ที่ไม่คิดจะช่วยเหลือแล้วยังคิดจะห้ามเธอด้วยการดึงรั้งออกไปจากห้องอีกด้วย “ไม่คิดจะทำอะไรก็อยู่เฉยๆ เถอะน่า เดี๋ยวน้องรสก็เล่นงานพี่นนท์ด้วยอีกคนหรอก” หญิงสาวส่งเสียงแว้ดๆ ใส่ ควานหาโทรศัพท์มือถือราคาแพงที่มีกล้องตัวจิ๋วแต่คุณภาพกลับไม่น้อยนิด เพราะภาพถ่ายคมชัดแจ๋วเหมือนกับถ่ายจากกล้องถ่ายรูปราคาแพง “พี่ไทนี่ห้ามน้องรสหน่อยซิครับ” ชานนท์ขอร้องพี่สาว “ไม่เป็นไรนะครับพี่ไทนี่ ไม่เป็นไรครับพี่ ผมอยู่กับพี่ตรงนี้ครับ” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มอย่างปลอบประโลม เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่โกรธที่ภามทำอย่างนี้ แต่ก็จำต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ คนบางคนจะต้องให้สูญเสียก่อนถึงจะรู้ซึ้งว่าตัวเองต้องการสิ่งใด ชานนท์โอบประคองรอบกายโปร่งที่สั่นเทาและเย็นจัดเหมือนกับคนซึ่งแช่อยู่ในกองน้ำแข็งไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม มือใหญ่จับรั้งใบหน้าซีดเผือดแนบชิดอกกว้างไม่ให้มองภาพที่ทำให้หัวใจปวดร้าวและอ่อนล้า อยากจะบอกกับน้องชายว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร...ไม่ได้เป็นอะไรเลย มันก็แค่เจ็บเหมือนที่เคยเจ็บมา แต่มันพูดไม่ออก ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกจากริมฝีปากที่ขบกัดจนแดงก่ำเหมือนเลือดจะปริออก มือเล็กยกขึ้นกำสาบเสื้อเอาไว้จนเส้นเอ็นปูดโปน เจ็บจนน้ำตาหยุดไหลไปโดยปริยาย ดวงตาคู่สวยที่มันปิดลง ด้วยไม่อยากได้เห็นใบหน้าคนใจร้าย ด้วยน้ำตามันปรี่ไหลชโลมหัวใจจนเต้นอ่อนเหมือนคนไข้หนักที่กำลังจะสิ้นลมหายใจอยู่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้ว รสรินจับภาพไว้อย่างเรียบร้อยทุกช็อตทุกมุมไม่มีพลาด ก่อนเคลื่อนกายออกจากโต๊ะพี่ชาย พร้อมทำหน้าเป็น นัยน์ตาเป็นประกายไว้ต้อนรับอีกฝ่าย “ตายแล้ว!” เสียงแหลมปรี๊ดดังจากกลีบปากอวบอิ่ม “บัดสีบัดเถลิงจริงๆ เชียว เดี๋ยวนี้เขาใช้ห้องทำงานเป็นห้องระบายอารมณ์กันแล้วหรือคะนี่ นี่ถ้าไม่มาเห็นกับตาไม่รู้นะคะนี่” “หือ...” ภามออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะสำราญ แม้เสียงที่ดังมาจะหวานนุ่มคุ้นหู แต่เขาก็ไม่คิดถึงคนใกล้ คนที่กล้าทำอย่างนี้ก็นันทิยานั่นแหละ วงหน้าคมคร้ามจึงบึ้งตึงพร้อมดวงตาคมกริบเป็นประกายเกรี้ยวกราดมอบให้ แต่กลับกลายเป็นว่า... “ว้าย ตายแล้ว หล่อนเป็นใครยะ มาเสนอหน้าอะไรในห้องนี้” ชลดาที่เห็นคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาในห้องทำงานก่อนภามตวาดแว้ดใส่ พร้อมสายตาไม่เป็นมิตรตามไปอีกระลอก ถ้ามีเพียงแค่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่จ้องมองเหมือนกับไม่เคยพบเคยเห็น เธอจะโชว์ออฟให้เห็นไปเลยว่าภามชอบเธอขนาดไหน เชื่อว่าอีกไม่นานชายหนุ่มจะหลงรักและขอเธอแต่งงานแน่นอน “เฮ้ย!” ภามร้องเสียงดังลั่นอีกครั้งด้วยความตกใจจนสะดุ้งเกือบจะพลัดตกจากเก้าอี้เลยทีเดียว เมื่อเห็นคนที่ก้าวมายืนเท้าสองศอกบนโต๊ะทำงาน มืออยู่ที่ปลายคาง จ้องมองเขาและชลดาตาไม่กะพริบ จนเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายอาย เพราะอีกฝ่ายไม่คิดอายจนต้องรีบจัดเสื้อผ้าของชลดาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนโอบกอดร่างนุ่มนิ่มอวบอัดขอคู่นอนสาวที่เพิ่งจะได้ลิ้มชิมรสเพียงไม่กี่ครั้ง มันเลยยังไม่เบื่อในรสชาติจัดจ้านที่เสิร์ฟถึงปากอย่างถึงพริกถึงขิง และอีกทั้งจะใช้คนในอ้อมแขนไล่คนบางคนออกไปจากชีวิต “น้องรส มะ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ ทำไมถึงไม่บอกไม่กล่าวเลย พี่จะได้ไปรับ” ภามถามอย่างคนที่ยังเรียกสติกลับคืนมาได้ไม่ครบ เหมือนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ พร้อมสมองที่คิดไปไกลถึงความยุ่งยากที่จะตามมาไม่รู้จักสิ้น เพียงแค่นันทิยาคนเดียวที่ได้รับทั้งไฟเขียวและลูกยุจากบิดามารดาเขาก็แทบจะเอาไม่อยู่มือแล้ว นี่ดันพ่วงด้วยแม่ตัวแสบน้องสาวที่ทำตัวยิ่งกว่าแม่อีก วงหน้าคร้ามแกร่งเบ้เล็กน้อย พร้อมตวัดสายตาเกรี้ยวกราดคาดโทษส่งไปให้อีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งส่งยิ้มแหยๆ มาให้ “ผมไม่เกี่ยวนะครับพี่ภาม ผมเองก็ถูกลากมาเหมือนกัน” ชานนท์รีบบอก 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD