7
ภามเลยตวัดสายตาเหมือนกับคมมีดไปมองนันทิยาที่ซุกหน้ากับอกน้องชาย ราวกับต้องการให้ชานนท์กางปีกปกป้องเหมือนกับพ่อนกปกป้องลูกสาว แต่คิดหรือว่าเขาจะกลัว ได้เลยแม่ตัวดี คิดจะใช้รสรินเป็นเครื่องมือเพื่อให้ตัวเองได้สมความตั้งใจใช่ไหม เธอจะต้องเจอดีแน่นอน
กรามหนาขบจนแก้มนูน ความอึดอัดคับแค้นแน่นอยู่ในอก พร้อมกับความโกรธและเกลียดที่พุ่งลิ่วๆ มาตั้งแต่แรกที่ได้เห็นหน้านันทิยา
สายตาที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด รังเกียจเหมือนกับเธอเป็นตัวอะไรที่น่าขยะแขยงทอดมองมาแน่วนิ่ง บอกว่าเธอนั่นแหละคือคนที่ผิด แล้วยังจะฝากความอาฆาตแค้นเอาไว้อีก ทำเอานันทิยาถึงกับกลัวจนเส้นขนตามเรือนกายลุกชัน ตัวสั่นเทาจนต้องรีบหาที่พึ่งพิงก็เป็นอกกว้างและล่ำสันของน้องชายนั่นเอง อย่างน้อยถึงชานนท์จะให้ความเคารพรักนับถือภามเพียงใด แต่ชายหนุ่มก็ย่อมที่จะยอมให้อีกฝ่ายหันมาทำร้ายคนสายเลือดเดียวกันไม่ได้
กายหนาใหญ่เอนตัวอิงเก้าอี้ทำงานตัวนุ่ม ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนลาดไหล่เนียนนุ่มไล่ลงไปถึงต้นแขนกลมกลึง
“ว่าไงจ๊ะ มาทำไมไม่บอกพี่ล่ะ จะได้ไปรับ”
“ถ้าน้องรสบอก พี่ภามจะเคลียร์คิวจากผู้หญิงหน้าหนาที่มาให้ท่าพี่ถึงห้องทำงานไปรับน้องรสได้หรือคะ ถ้าน้องรสบอกก็อดได้เห็นของดีแบบนี้ซิคะ” รสรินโต้กลับอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ จิกสายตาคมกริบเหมือนเหล็กแหลมพุ่งไปยังแม่สาวหน้าหนาที่เชิดหน้าไม่คิดจะมองพื้น
หญิงสาวเบะเบ้หน้าอย่างสงสาร นี่คงยังไม่รู้ตัวว่าถูกเธอด่าว่ากระทบ และคงไม่รู้ถึงนิสัยขี้เบื่อของพี่ชายเธอ ที่ตอนแรกก็หวานใส่ซะจนมดยังต้องชักแถวหนี แต่ถ้าเบื่อขึ้นมาเมื่อไหร่ พ่อเจ้าประคุณสรรหาวิธีการมาไล่ทั้งนุ่มนวลสำหรับคนที่รู้ตัวและพูดง่ายโดยไม่ต้องบอก พร้อมของกำนัลเล็ก น้อยๆ ที่เกือบจะตั้งตัวได้ ส่วนคนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าเขาเบื่อและถูกโละทิ้ง ตามตื๊ออย่างน่าเกลียดก็จะถูกไล่ด้วยยุทธวิธีต่างๆ อย่างไม่กลัวจะถูกเขาตราหน้าว่ารังแกผู้หญิง
“ไม่ใช่จะว่านะพี่ชาย แต่ช่วยเอาผู้หญิงของพี่ไปเก็บไกลๆ น้องรสเร็วๆ นะคะ เห็นแล้วมันรำคาญขัดลูกหูลูกตา”
ไม่ใช่ความรู้สึกของเธอเพียงคนเดียว แต่เป็นอีกคนที่เธอนั้นเข้าใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บร้าวปวดแปลบที่อัดแน่นสุมอยู่ในทรวง
ดวงตากลมโตปรายไปมองนันทิยาแล้วก็ยิ่งทวีความสงสาร ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำที่มองภามอย่างเศร้าสร้อยน้อยใจ แล้วพอหันกลับมามองพี่ชายซึ่งดูเหมือนจะพอใจกับสิ่งที่ได้เห็น จมูกโด่งได้รูปกดลงบนพวงแก้มแม่ผู้หญิงหน้าหนาที่ดูจะพอใจเป็นอย่างมาก ถึงกับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก มันคงเป็นเหมือนกับคมมีดบาดหัวใจอีก
มันน่านัก มันน่าเอาเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อกับแม่ให้ช่วยกันหาไม้หน้าสามตีพี่ภามให้หัวแตกเลือดอาบซิบเชียว รสรินตวัดค้อนส่งให้พี่ชายวงโต พร้อมจมูกโด่งเป็นสันที่มันยู่ย่น
‘คอยดูนะ ถ้าพี่ไทนี่ทนไม่ไหวเมื่อไหร่และตัดสินใจถอนหมั้นพี่ภามแล้วก็หนีไปละก็ อย่ามาให้น้องรสช่วยนะ จะสมน้ำหน้าให้เข็ดเลย’
“ทำไมล่ะ นี่มันความสุขของพี่นี่นา แทนที่น้องจะเอาเวลามาสนใจพี่ สู้เอาเวลาไปสนใจเจ้านนท์ดีกว่าไหม รายนั้นก็ไม่ได้ต่างจากพี่สักเท่าไหร่นะ” ภามโยนกลองร้อนๆ ไปให้ชานนท์ที่สะดุ้งเฮือกและกำลังจะอ้าปากเถียงว่าไม่จริง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันยัยน้องสาวตัวดีของเขานั่นแหละ ปากไวเหลือเกิน ตอบกลับมาก็ฉะฉาน น่าจะให้ไปทำงานในฝ่ายการตลาดหรือไม่ก็เร่งรัดหนี้สินซะเหลือเกิน
“โห...พี่ภามเล่นกันอย่างนี้ได้ไงนะ พี่เองนั่นแหละที่เป็นคนชวนผม” ชานนท์ตอบกลับ ก่อนดวงตาคมกริบจะเลิกขึ้นลงเมื่อรู้ว่าหลุดปากพูดอะไรออกไป และอย่างร้อนตัวก็รีบต้องเคลียร์กับรสรินเสียก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายดึงจนหูยาน
“น้องรสครับ น้องรสอย่าไปเชื่อพี่ภามนะ พี่ไม่เค้ยไม่เคยเลยที่จะทำอย่างที่พี่ภามว่า”
“ค่า...น้องรสรู้ว่าพี่นนท์น่ะ ไม่เค้ยไม่เคยอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพียงแค่คนเดียว แต่นอนด้วยหลายคนใช่ไหมคะ” รสรินตอบกลับอย่างรู้เท่าทัน อย่าคิดว่าเธอไปเรียนต่างบ้านต่างเมืองแล้วจะไม่รู้เรื่องของคนที่บ้านนะ สายน่ะมีตั้งหลายคน ไม่ได้มีแต่นันทิยานี่นา เพราะคนนี้นะยังไงก็ต้องเข้าข้างน้องชายตัวเองอยู่ดีนั่นแหละ
ชลดาใช้โอกาสที่ไม่มีใครสนใจเธอ กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะหยุดอยู่กึก เมื่อจำได้ว่าหนึ่งในสองคนเป็นคนที่เคยเข้าไปทำร้ายเธอในห้องนอนของภาม
สายตาแห่งความรักที่มอบให้ชายหนุ่มแต่สายตาแห่งความโกรธระคนเกลียดที่มอบมาให้เธอทำให้ชลดาอยากที่จะแกล้งให้อีกฝ่ายกระอักเลือด ปลายนิ้วยาวเรียวยกขึ้นลากไล้วงหน้าคมคร้าม เรื่อยลงจนถึงเหนือปากหนา แล้วก็อดที่จะหัวเราะคิกคักไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายเล่นด้วย ริมฝีปากหนาอ้างับปลายนิ้วเล็ก ปลายลิ้นร้อนระอุตวัดไล้หยอกกระเซ้าจนหัวใจเต้นแรงรัวเร็ว พวงแก้มนุ่มแดงปลั่ง ดวงตากลมโตเป็นประกายพราวระยับ
“นนท์...พาพี่ไปจากที่นี่ที พี่ไม่ไหวแล้ว” นันทิยาบอกน้องชายเสียงสั่นเครือ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยเป็นสีแดงซีดเผือดเช่นเดียวกับวงหน้าที่ตอนนี้ซีดจนจะเหมือนกระดาษ
ภามใจร้ายกับเธอเกินไปแล้ว เกินไปจนเธอรับไม่ไหวแล้ว ดวงตากลมโตแดงก่ำฉ่ำน้ำที่มันปกปิดซุกซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้ไม่มิดตวัดส่งคำตัดพ้อต่อว่าไปให้ภาม อย่างทนกับภาพอันบาดตาและบาดใจไม่ไหวแล้ว ทำไมเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ เลยถูกเขาทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ครับพี่ไทนี่” ชานนท์รับปากทันที ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นกับซับน้ำตาอุ่นร้อนที่ไม่ได้ไหลออกจากสองตา แต่ซึมอยู่บริเวณขอบตาอันแดงก่ำ ก่อนมือใหญ่วางทับบนมือเล็กบีบกระชับเบาๆ
นับตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมหา’ ลัยย่างเข้าปีที่สอง นันทิยาเสียต้องน้ำตากับความเจ้าชู้ของภามที่ควงหญิงไม่ซ้ำหน้า เขาอยากให้พี่สาวตัดใจจากภามได้เสียที จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่อย่างนี้ แต่รู้ดี การตัดใจจากคนที่รักนั้นมันยากเย็นเพียงใด ก็เขายังไม่เคยที่จะทำได้เลยนี่นา...ดวงตาคมกริบส่งประกายแห่งความรักมอบไปให้กับรสริน ก่อนจะรีบเมินหลบเมื่ออีกฝ่ายหันมามอง
“นนท์อยู่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปไหน พี่มีเรื่องงานจะคุยด้วย” เพราะได้ยินนันทิยาเอ่ยพูดกับน้องชาย ภามเลยดักทางเอาไว้เสียก่อน
“ดาจ๋า...คุณกลับไปก่อนนะดาครับ ผมคุยกับน้องสาวและเคลียร์งานกับน้องชายให้ก่อน” ปลายมือใหญ่จับรั้งปลายคางมนให้แหงนหงายขึ้นรับจุมพิตอย่างถนัดถนี่ แต่ปรายสายตาไปมองนันทิยา อยากสาแกใจที่ทำให้อีกฝ่ายช้ำชอกได้
‘ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะอดทนได้แค่ไหนไทนี่’
“แล้วผมจะโทรหานะ หากว่างานเสร็จไว ผมอาจแวะไปหาคุณนะ” ภามส่งเสียงหวานนุ่มทุ้มให้กับชลดาอีกรอบ
นันทิยาใช้ฟันขบกัดริมฝีปากไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาจนได้กลิ่นเลือดคาวๆ ปลายเล็บแหลมคมกดลงบนฝ่ามือ แต่สิ่งที่ทำไป ร่างกายไม่ได้เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว
ใบหน้าสวยรีบหันไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าของคนใจร้ายอยู่ เหลือบสายตาขึ้นมองเพดานห้อง ไม่ยอมให้น้ำตาที่เอ่อล้นคลอเบ้าไหลลงมาให้อับอายและสะใจภาม
หัวใจคนเราไม่เหมือนกับก้อนหิน ที่ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวด แต่ถ้าถูกทำร้ายมากๆ เข้า เจ็บมาก เจ็บจนเกินกว่าจะทนเจ็บได้อีก มันก็จะเป็นเหมือนกับก้อนหิน ที่จะมีเพียงแค่ความชาชินและเฉยเมย