11
เขาเกลียดนันทิยาจริงๆ หรือเปล่า คิดเพียงแค่ว่า โง่...เขานี่มันโง่จริงๆ ที่ปล่อยให้กายสาวหวานนุ่มยังกับผลไม้ทิพย์ไว้ข้างกายเสียตั้งนาน ไม่ยอมหยิบมากินทั้งที่กิ่งก้านมันยื่นมาถึงปากแล้ว แต่รับรองได้ว่านับจากนี้ไป ไม่มีทางที่จะปล่อยให้แม่สมันเนื้อหวานนี้หลุดรอดมือไป
จุมพิตร้อนผ่าวขยับเคลื่อนขึ้นไปซุกไซ้ลำคอระหง สองมือใหญ่ลากไล้ไปตามลำแขนกลมกลึง เกี่ยวเอาสายเสื้อชั้นในสายเล็กเคลื่อนลงมาปลดปล่อยปทุมถันอวบอิ่มที่สปริงตัวขึ้นทันควัน เมื่อหลุดออกจากที่ผูกมัด สองมือใหญ่ช้อนเต้าอวบสล้างจนมันชูชันอยู่ตรงหน้า ปลายลิ้นร้อนผ่าวลากไล้ไปบนกลีบปากหนาร้อน ความร้อนในกายภามยิ่งทวีสูงขึ้นเหมือนกับปรอทที่มันถูกไฟร้อนจนสสารในกายวิ่งลิ่วไปสู่จุดสูงสุดแห่งความต้องการ
“อ๊ะ...อือ...พี่ภาม...”
สุดท้ายนันทิยาก็สะกดกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่ได้ เมื่อปลายนิ้วยาวใหญ่และร้อนระอุเหมือนกับถ่านไฟลากไล้เป็นวงกลมจากฐานทรวงไล่ขึ้นไปจนถึงปลายยอดที่มันกำลังไหวระริก ดวงตากลมโตที่หลับพริ้มเมื่อครู่จำต้องลืมขึ้นมอง พร้อมประจุไฟที่มันลามเลียไปทั่วร่าง
ปลายลิ้นเล็กไล้เลียริมฝีปากด้วยความกระหายอยากที่พุ่งลิ่วมาอย่างที่เธอไม่รู้ว่ามันมาจากไหนและระงับมันเอาไว้ไม่ไหว ในท้องเหมือนกับมีลูกไฟไหลวิ่งพล่านอยู่ จิกปลายนิ้วไปกับพื้นพรมกำมะหยี่นุ่มๆ ระบายความวาบหวิวปั่นป่วนจนเส้นขนตามเรือนกายลุกชัน
“เรียกทำไมไทนี่ อยากให้ฉันทำอะไรล่ะ” ภามถามเสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่า ปลายลิ้นสากระคายตวัดไล้ปลายยอดทรวงสลับขบเม้มด้วยริมฝีปากจนนันทิยาสะดุ้งเฮือก พร้อมเสียงที่มันหลุดออกมาจากริมฝีปาก พร้อมปลายนิ้วยาวใหญ่ที่มันคลึงเคล้นเสียดสีปลายยอดทรวง
เสียงร้องหวานนุ่มและเซ็กซี่ที่หลุดออกจากเรียวปากอวบอิ่มแดงก่ำ ทำให้คนที่พยายามระงับสติเอาไว้หลุดกระเจิงไปจนแทบกู่ไม่กลับ ความคิดในสมองเริ่มจะแปรพักตร์ออกเป็นสองฝ่าย...ไปต่อให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย สวรรค์บนดินที่เขาใฝ่ฝันหา หรือจะหยุดทุกอย่างเอาไว้เพียงแค่นี้ เพราะเท่านี้นันทิยาก็คงขลาดกลัว จนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขาแล้ว ในสมองตีกันยุ่งเหยิง สุดท้ายภามก็ตัดสินใจได้ว่าควรที่จะหยุดทุกอย่างเอาไว้เพียงแค่นี้ก่อน...
แต่เพียงแค่วันนี้เท่านั้นนะ การที่เขาจะมีอะไรกับนันทิยาอย่างน้อยมันก็ควรที่จะอยู่ในที่ทางอันเหมาะสม...ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ก็เพียงแค่เขาจะได้มีเวลาเริงรักกับอีกฝ่ายทั้งคืนโดยไม่มีใครเข้ามาขัดจังหวะมันก็เท่านั้น
ภามรู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่าจะได้เชยชมนันทิยาอย่างแนบชิด สอดแทรกกายแกร่งที่แข็งขืนขยายใหญ่เพียงแค่ได้จูบในช่องทางลี้ลับอุ่นระอุนุ่ม ริมฝีปากหนาร้อนระอุทาบดคลึงดูดซับความหวานจากโพรงปากนุ่ม ฝ่ามือใหญ่เคล้นคลึงทรวงอวบอิ่มอย่างเป็นเจ้าของ ขออีกนิดละ ขอกินผลไม้รสหวานนุ่มนี่อีกนิด..นิดเดียวเท่านั้น
ด้วยความหลงใหลในความหวานตรงหน้าจนลืมตัว ภามเผลอปล่อยสองแขนเรียวเพื่อมากอบกุมสองเต้าอวบอิ่ม และนั่นก็เป็นโอกาสของนันทิยา แม้เธอจะเร่าร้อนกับเพลิงไฟที่อีกฝ่ายปลุกปั่น แต่ความเจ็บที่อีกฝ่ายทำไว้ก็แทรกเข้ามาฉุดรั้งไม่ให้ปล่อยอารมณ์ไปกับเพลิงไฟอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น
สองมือเล็กเคลื่อนตัวมาโอบรอบกายใหญ่ สอดแทรกปลายนิ้วไปในเส้นผมหนานุ่ม จิกทึ้งเหมือนกับว่าเธอหลงใหลในสิ่งที่เขาป้อนให้ และก่อนที่ภามจะได้ตั้งตัว ปลายนิ้วยาวเรียวก็กดลากจากแก้มสากระคายไล่ลงไปถึงลำคอแกร่งเต็มๆ และออกแรงผลักร่างหนาใหญ่ให้ถอยห่างแล้วลุกขึ้นไปยืนหลบอยู่มุมห้อง
กายโปร่งบางเนื้อตัวสั่นเทา สองแขนโอบรัดรอบตัวเองปกปิดเรือนกายจากสายตาคมกริบ ลมหายใจหอบแรงเร็ว ขบกัดจนริมฝีปากอวบอิ่มแดงก่ำไม่แพ้วงหน้า ในดวงตาเป็นประกายโกรธเกรี้ยวและหวาดหวั่นระคนหวานเร่าร้อนปนเศร้ามองภามอย่างตัดพ้อต่อว่า
“พี่ภามทำอย่างนี้กับไทนี่ทำไม ไม่รักไทนี่ไม่ว่า แต่มารังแกกันแบบนี้ทำไม” นันทิยาถามเสียงเศร้าและแหบเครือ แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ยิบ พยายามสะกดกลั้นน้ำตาที่มันเอ่อไหลออกมาให้ย้อนกลับไปทางเก่า ไม่ยอมให้น้ำตามันไหลออกมาให้ภามสะใจเล่น
ปลายมือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้แก้มสากทั้งสองข้างที่มันปวดแสบปวดร้อนจากเล็บยาวๆ และคิดว่ามันคงจะแดงเป็นรอยเหมือนกับถูกแมวข่วนไปเรียบร้อยแล้ว ปลายลิ้นสากระคายกระทุ้งกระพุ้งแก้ม กลอกตาไปมาแต่ก็ไม่อาจจะละสายตาจากเรือนกายที่มองเห็นภายนอกว่าโปร่งบางคงจะไม่มีเนื้อมีหนัง แต่ใครจะคิดเล่าว่าพอปราศจากเสื้อปกปิดแล้วกลับกลมกลึงและน่าจับต้องไปทุกสัดส่วนน่ะ
“ฉันทำตามที่เธอต้องการไงไทนี่ จะแปลกอะไรถ้าฉันจะนอนกับคู่หมั้นน่ะ เธอเองก็อยากให้ฉันนอนด้วยจนตัวสั่นไม่ใช่หรือไง”
“ไม่...พี่ภามเข้าใจผิด ไทนี่ไม่เคยต้องการแบบนี้ ไทนี่...ไทนี่จะถอนหมั้นพี่ภาม” นันทิยาตอบกลับเสียงสั่น พยายามเค้นน้ำเสียงที่เบาหวิวให้ดังพอที่อีกฝ่ายจะได้ยิน กายสาวสั่นสะท้านกับสายตาโลมเลียที่ไล่มองทุกส่วนอย่างไม่ให้เกียรติ สองมือเล็กทั้งสั่นและเย็นจัดหยิบจับเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“เหรอ...” ภามตอบกลับและหัวเราะหึหึ ก่อนจะเปล่งออกมาดังลั่นห้องเหมือนกับได้เจอเรื่องสนุกๆ สองมือใหญ่สอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เมื่อก่อนตอนที่นันทิยาพยายามไล่จับเขารู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอหญิงสาวเปลี่ยนใจเป็นถอยหนี มันเป็นการยั่วยุให้เขาอยากที่จะเข้าใกล้
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มแต้มบนวงหน้าคมคร้าม สายตาคมกริบกวาดมองทั่วกายโปร่งบางอย่างมีความหมาย “สายไปเสียแล้วละไทนี่ ถ้าคิดว่าจะมายั่วให้อยากแล้วจากไปนะ เตรียมตัวไว้ได้เลยไทนี่จ๋า...ไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ฉันจะต้องได้เธอมาบำเรอความสุขบนเตียง เราจะมีความสุขกันสักเดือน...สองเดือน หรือว่าจะสามเดือนดีจ๊ะไทนี่จ๋า”
นันทิยาหวีดร้องและขยับหนีเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ขยับเหมือนจะมุ่งตรงมาหา แต่ภามกลับเดินหัวเราะออกไปจากห้อง แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งสายตาโลมเลียระคนเร่าร้อนไว้ให้ ประตูห้องทำงานปิดลงพร้อมกับกายโปร่งบางที่มันทรุดลงกองกับพื้นกำมะหยี่นุ่มๆ อย่างหมดแรง แพสายน้ำตาไหลอาบสองแก้ม พร้อมเสียงสะอื้นฮักที่มันมิอาจหยุดยั้งเอาไว้
ควรจะรู้ตัวได้เสียที่นะไทนี่ สำหรับภามเธอเป็นได้แค่ไหน
“พี่นนท์คิดว่าพี่ภามจะทำอะไรพี่ไทนี่หรือเปล่าคะ” รสรินที่เดินตามชานนท์ไปยังห้องทำงานของชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก ด้วยแววตาของพี่ชายที่ติดตาเธอ มันเป็นความโกรธเกรี้ยวกราดมากกว่าความรักและความผูกพันที่สมควรจะมีระหว่างสองคนที่เติบโตมาด้วยกัน
ชานนท์ผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างหนักอก ด้วยมองออก ยังไงภามก็ไม่ได้รักผู้เป็นพี่สาว ติดโมโหโกรธเกลียดด้วยซ้ำ คิดว่างานนี้นันทิยาจะต้องเจอกับศึกหนัก แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือพี่สาวยังไง คงได้แต่คอยให้กำลังใจและปลอบโยนยามเมื่อเจ็บปวดท้อแท้ และเตือนให้รีบถอนตัวถอนใจออกมาในเร็ววันเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มผลักประตูห้องทำงาน ก่อนใบหน้าหล่อคมจะตื่นตระหนกและซีดเผือดลงทันตา เมื่อมีใครอีกคนรอเขาอยู่ในห้องทำงาน
“นนท์ขา ทำไมมาช้าจังเลยล่ะค่ะ น้อยหน่ามารอตั้งนานแน่ะ”
ไม่เพียงแค่พูดแต่แม่สาวร่างอวบอั๋นในชุดเปิดหน้าโชว์หน้าอกหน้าใจเกินวัยสาวสะพรั่ง เว้าหลังให้เห็นแผ่นหลังเนียนนุ่ม กระโปรงหรือก็สั้นแค่คืบจนแทบจะปกปิดส่วนสงวนเอาไว้ไม่มิด ก็ถลาลุกจากที่นั่งเดินมาหาชานนท์พร้อมรอยยิ้มหวานละมุนในทันที
“ตายโหง! ‘ตายแน่กู...’ ” ชานนท์อุทานหน้าเสียเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองนัดผู้หญิงไว้ในห้องทำงาน ศีรษะทุยหันไปด้านหลังอย่างช้าๆ เมื่อรับรู้ถึงรัศมีแห่งความโกรธที่แผ่กระจายมาห้อมล้อมเรือนกาย