E-Fortuity นายคือความบังเอิญของฉัน | 5/1

1769 Words
หลังจากที่ฉันส่องอินสตาแกรมนายอีธานนั่นเสร็จก็ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอน ก่อนนอนก็มีแชตคุยกับแพรและซีเพื่อนัดเจอกันพรุ่งนี้ก่อนเข้าห้องเชียร์ เมื่อได้ข้อสรุปว่าเจอกันหน้าคณะ ฉันก็ปิดไฟนอนเลย เช้าวันต่อมาฉันก็มายืนอยู่หน้าคณะเพื่อรอแพรกับซี “ดี” พอซีมาถึงเขาก็เอ่ยทักทายฉันแบบสั้นสุด ๆ ฉันจึงยิ้มแหยทักเขากลับไป “หวัดดี” “ไมมึงมาเช้าจังวะ?” “ก็ปกตินะ” ฉันตอบซีไปตามความจริง ปกติฉันเป็นคนที่ชอบตื่นเช้า แล้วก็กระตือรือร้นสุด ๆ ไม่แปลกที่ฉันจะมาถึงก่อนเวลานัดทุกครั้ง “เหรอวะ” เราสองคุยกันแค่นี้ แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรต่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็หันมามองเราสองคน แต่ฉันว่ามองซีมากกว่า เพราะเขาหล่อไง สาว ๆ ก็พากันมองเป็นธรรมดา “โทษ ๆ กูมาช้าไปหน่อย รถแม่งติดฉิบ” ไอ้แพรมาถึงในสภาพหอบแฮก มันรีบวิ่งมาจากที่จอดรถเพราะกลัวพวกฉันจะรอนานแล้วด่ามันน่ะสิ “ไม่เป็นไรมึง เข้าไปข้างในกันเถอะ” ฉันตอบไอ้แพรไปไม่ถือโทษโกรธ แล้วเราสามคนก็พากันเดินเข้ามาข้างใน พอเรามาถึงหน้าห้องเชียร์ พี่ ๆ ก็ให้พวกเราลงชื่อก่อนจะให้เข้าไปในห้อง “น้อง ๆ ลงชื่อตรงนี้ เสร็จแล้วเดินไปรับป้ายชื่อกับพี่เขานะคะ” “ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับแพรขานรับคำพี่เขาไป และพอลงชื่อเสร็จ ฉันก็เดินไปไปหาพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ถือป้ายคล้องคอไว้ “ชื่อเล่นอะไรครับ?” พี่เขาถามฉัน “ใบหม่อนค่ะ” พอฉันบอกพี่เขาไป พี่เขาก็ก้มลงไปเขียนชื่อฉันลงบนป้ายชื่อ แล้วยื่นป้ายชื่อมาให้ฉันเมื่อเขียนเสร็จ “ยินดีต้อนรับนะครับ น้องใบหม่อน” พี่เขาคลี่ยิ้มหวานให้ฉัน ฉันจึงยิ้มตอบและรับป้ายชื่อมา “ขอบคุณค่ะ” พอเราสามคนได้ป้ายชื่อกันครบแล้วก็เดินเข้ามาในห้องเชียร์ พอเข้ามาก็เห็นพี่ปี 3 หน้าตาโหด ๆ ยืนเรียงกันอยู่บนเวทีหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพี่ที่เขาน่าจะเป็นประธานฝ่ายวินัยนี่ล่ะ ถ้าฉันจำไม่ผิด “น้องที่เข้ามาใหม่ นั่งประจำที่ครับ” พี่เขาตะโกนพูดกับพวกฉันและคนอื่น ๆ ที่เดินตามกันมา พวกฉันจึงรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบมาก เพราะไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย น่าจะเพราะรังสีความโหดของพี่ ๆ ฝ่ายวินัยอ่ะ ขนาดฉันยังเกร็งเลย ประมาณสิบห้านาทีต่อมา หลังจากที่ปี 1 ทุกคนมากันครบแล้ว พี่ประธานฝ่ายวินัยก็เริ่มพูดขึ้น “สวัสดีอีกรอบครับปีหนึ่ง ผมชื่อธาวินอยู่ปีสาม เป็นประธานฝ่ายวินัย เราคงได้เจอกันแล้วตอนวันปฐมนิเทศ หน้าที่ของพวกผมคือคอยควบคุมพฤติกรรมและระเบียบวินัยของพวกคุณในช่วงที่เข้าห้องเชียร์และรับน้องปีนี้ ผมหวังว่าในระยะเวลาที่เข้าห้องเชียร์หรือรับน้องนี้จะไม่มีปัญหาหรือการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น เพราะถ้ามีเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้น พวกคุณก็รู้นะครับว่าจะต้องถูกลงโทษ” พี่ธาวินประกาศบนเวที เรียกความเกรงกลัวให้กับพวกเราไม่น้อย เพราะทุกคนต่างนั่งเงียบกริบและตั้งใจฟัง “เข้าใจไหมครับ!?” อยู่ ๆ รองประธานฝ่ายวินัยก็ตะโกนถามขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด “ค่ะ/ครับ” “ในระหว่างที่พวกคุณซ้อมเชียร์ พวกผมจะคอยจับตามองดูพวกคุณทุกคนด้านข้าง หากใครไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษ…เชิญประธานฝ่ายสันทนาการครับ” พอพี่ธาวินพูดจบก็เดินลงเวทีไป แล้วพี่ฝ่ายสันทนาการก็ขึ้นมาพูดต่อ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจและพากันนั่งเกร็งคือพี่ฝ่ายวินัยทุกคนมายืนทำหน้าโหดอยู่แนบด้านข้างแถวซ้ายขวา และในกลุ่มพวกพี่วินัยฉันเห็นนายคนนั้นด้วย ‘อีธาน’ เขายืนอยู่ตรงแถวฉันพอดี หน้าเขาตอนนี้คือนิ่ง โหด และดูน่ากลัวมาก “แก ๆ พี่อีธานกับพี่ติณ EXTRA ว่ะ หล่อฉิบหาย” แพรกระซิบพูดกับฉัน “อือ” ฉันครางตอบแพรไปเสียงเบา พยายามไม่ทำตัวล่อกแล่กเพราะกลัวพี่วินัยจะว่าเอา “ดูพี่ติณดิแก แบบหน้าโหดแต่คือหล่อมากกก” แพรยังพูดไม่หยุด ฉันจึงหันหน้ากะว่าจะดุมัน เพราะตอนนี้พี่สันทนาการกำลังชี้แจงกฎระเบียบของห้องเชียร์อยู่ “มึงงะ…” แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ความซวยก็บังเกิดขึ้นซะก่อนค่ะ “คุยอะไรกันครับ?” นายอีธานพูดถามขึ้นเสียงดัง ทำให้ฉันที่กำลังพูดรีบหุบปากลงอย่างทันทีทันใด คนทั้งห้องเชียร์จึงหันมามองทางฉันกับแพรเป็นตาเดียว ฉันกับแพรรีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็ว เราปิดปากเงียบกริบ เพราะไม่รู้จะตอบอะไรและอับอายแบบมาก ๆ จะให้ตอบว่าคุยเรื่องผู้ชายหรือไงล่ะ “ผมถามว่าคุยอะไรกัน เป็นใบ้กันเหรอครับ?” นายอีธานถามเสียงดุขึ้น ไม่รู้จะทำเสียงดุไปทำไมก็ไม่รู้ คนยิ่งกลัว ๆ อยู่ “ผมถามทำไมไม่ตอบ!” “ปะ..เปล่าค่ะ” เมื่อโดนเค้นเอาคำตอบไม่หยุด ฉันจึงจำใจต้องตอบเขาไปด้วยเสียงสั่นระริก “เปล่าได้ไง ก็ผมเห็นพวกคุณสองคนคุยกัน” “...…” ฉันเม้มปากแน่น ไม่รู้จะตอบอะไรไปแล้ว เงียบปากดีกว่า ให้แพรมันได้ตอบบ้าง “ใช่ไหม?” “ค่ะ พวกเราคุยกันค่ะ” เมื่อแพรมันเอาแต่เงียบและไม่ยอมตอบอะไรไปเลย ฉันก็เลยต้องเป็นคนตอบเขาไป เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปถามพี่ธาวิน “ลงโทษยังไงดีครับประธาน?” “เดี๋ยวนะคะ แค่คุยกันต้องลงโทษเลยเหรอคะ?” จู่ ๆ ยัยแพรที่ก่อนหน้านี้เงียบเป็นเป่าสากก็ตะโกนถามไปด้วยน้ำเสียงติดหัวร้อนนิดหน่อย “ใช่ เพราะพวกคุณรบกวนเพื่อนที่เขากำลังตั้งใจอยู่” นายอีธานหันมาตอบพวกฉันด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ก่อนจะหันไปถามพี่ธาวินอีกครั้ง “ว่าไงครับประธานที่เคารพ?” “คนที่เหลือคิดว่าสองคนนี้ต้องโดนทำโทษอะไรครับ เพราะสองคนนี้รบกวนพวกคุณ?” พี่ธาวินไม่ตอบเขา แต่เอ่ยถามเพื่อนคนอื่นแทน “...…” ทั้งห้องเชียร์เงียบกริบไปหลายนาที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา “งั้น…” พี่ธาวินกำลังจะพูดสรุปขึ้น แต่ทว่าก็มีเสียงเล็กดังแทรกขึ้นมาซะก่อน “หนูคิดว่า…วิ่งรอบสนามค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดเสนอขึ้น ทำให้ทั้งห้องหันไปมองเธอคนนั้น รวมทั้งฉันกับแพรด้วย เเต่เดี๋ยวนะ! วิ่งรอบสนามเหรอ? ฉันโคตรเกลียดการวิ่งเลย ขาฉันยิ่งสั้นอยู่ ถ้าวิ่งเสร็จเตรียมปวดขาไปอีกวันสองวันได้เลย ม่ายน้าาา ไม่เอาได้ไหม T.T “…ก็ดี งั้นพวกคุณสองคนทำตามที่เพื่อนคนนี้เสนอ..ไปวิ่งรอบสนามหนึ่งรอบ!” พี่ธาวินประกาศพูดบอกฉันกับแพรขึ้น “เดี๋ยวนะคะ แค่พูดกันเอง ถึงขนาดให้วิ่งรอบสนามเลยเหรอ” เสียงแพรแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “คุณไม่เห็นด้วยเหรอ?” พี่ธาวินหรี่ตาถามกลับ “ใช่ค่ะ ฉันไม่เห็นด้วย” “งั้น…เพิ่มอีกหนึ่งรอบ โทษฐานที่คุณขัดคำสั่งผมและเพื่อน” “เดี๋ยวนะ!” แพรทำหน้าเหวอทันที ฉันเองก็เหวอด้วย รอบเดียวก็คาดว่าน่าจะเหนื่อยจนแทบตายแล้วนะ ให้วิ่งสองรอบฉันเตรียมลาโลกเลย “ทำไมครับ? หรือจะเพิ่มอีกสองรอบดี” พี่ธาวินพูด เมื่อเห็นแพรเหมือนจะไม่ยอมรับบทลงโทษนี้ “...…” ฉันกับแพรจึงต้องหุบปากเงียบทันที ไม่กล้าโต้แย้งอะไรกลับไป “ว่าไงครับ?” เสียงนายอีธานถามเอาคำตอบจากพวกฉันด้วยใบหน้ากวนประสาท “ก็ได้ค่ะสองรอบสนาม” ฉันพูดตอบพี่ธาวินไปอย่างใจกล้า แม้ในใจจะร้องประท้วงว่าไม่เอาก็ตาม “แต่มึง…” ไอ้แพรเหมือนจะไม่พอใจที่ฉันตอบรับบทลงโทษนั้น ฉันจึงรีบพูดขัดมันขึ้นก่อน “ช่างเถอะมึง ไปวิ่งเถอะ แค่สองรอบเอง” “เออ ๆ” เมื่อเห็นฉันส่งสายตาเว้าวอน มันจึงจำใจยอมรับบทลงโทษด้วย “คุณสองคนไปวิ่งรอบสนามสองรอบ ปฏิบัติ” สิ้นเสียงสั่งของพี่ธาวิน ฉันกับแพรก็เดินออกมาจากห้องเชียร์อย่างอิดโรย “คุณอีธานไปดูสองคนนั้นไว้” และก็ได้ยินเสียงสั่งของพี่ธาวินดังขึ้นอีกครั้งตามหลัง ให้นายอีธานนั่นมาเฝ้าฉันสองคน พอมาถึงสนามพวกฉันก็รู้สึกท้อเลย เพราะสนามโคตรกว้าง แบบกว้างมาก ๆ ขาลากแน่เลยฉัน “กูจะล้างแค้นอีนั่น!” แพรพูดขึ้นอย่างเจ็บแค้นเคืองโกรธ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันหมายถึงใคร “ใคร?” “อีคนที่เสนอให้เราวิ่งไง ดูก็รู้ว่ามันหมั่นไส้เรา เลยเสนอให้วิ่ง” “ทำไมคิดงั้นอ่ะ?” “ก็ตอนจะเดินออกมากูหันไปมองหน้ามัน มันแสยะยิ้มสมน้ำหน้าส่งให้กู เห็นแล้วกูขึ้นเลยเนี่ย แม่ง!” ฉันก็คิดว่าเพื่อนคนนั้นคงหมั่นไส้เราสองคนเหมือนกันแหละ เพราะอยู่ ๆ ก็เสนอให้วิ่ง ทั้ง ๆ ที่โทษคือแค่คุยกันเอง วิธีทำโทษมีตั้งเยอะแยะไม่เสนอ มาเสนอให้วิ่ง โคตรจะทำร้ายกันเลย เฮ้อ~ “ไอ้พี่ประธานวินัยอีกคน ไปเห็นด้วยกับมันอีก” “เออ ๆ ช่างเถอะมึง” “ทำไมพวกน้องไม่วิ่ง?” ฉันที่กำลังยืนทำใจกับแพรอยู่นาน นายอีธานก็พูดขึ้นพลางยืนกอดอกทำหน้านิ่งมองดูเราสองคน “กำลังจะวิ่งค่ะ” ฉันหันไปตอบเขา แล้วลากแพรให้วิ่งตามมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD