หลังจากที่ฉันส่องอินสตาแกรมนายอีธานนั่นเสร็จก็ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอน ก่อนนอนก็มีแชตคุยกับแพรและซีเพื่อนัดเจอกันพรุ่งนี้ก่อนเข้าห้องเชียร์ เมื่อได้ข้อสรุปว่าเจอกันหน้าคณะ ฉันก็ปิดไฟนอนเลย
เช้าวันต่อมาฉันก็มายืนอยู่หน้าคณะเพื่อรอแพรกับซี
“ดี” พอซีมาถึงเขาก็เอ่ยทักทายฉันแบบสั้นสุด ๆ ฉันจึงยิ้มแหยทักเขากลับไป
“หวัดดี”
“ไมมึงมาเช้าจังวะ?”
“ก็ปกตินะ” ฉันตอบซีไปตามความจริง ปกติฉันเป็นคนที่ชอบตื่นเช้า แล้วก็กระตือรือร้นสุด ๆ ไม่แปลกที่ฉันจะมาถึงก่อนเวลานัดทุกครั้ง
“เหรอวะ”
เราสองคุยกันแค่นี้ แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรต่อ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็หันมามองเราสองคน แต่ฉันว่ามองซีมากกว่า เพราะเขาหล่อไง สาว ๆ ก็พากันมองเป็นธรรมดา
“โทษ ๆ กูมาช้าไปหน่อย รถแม่งติดฉิบ” ไอ้แพรมาถึงในสภาพหอบแฮก มันรีบวิ่งมาจากที่จอดรถเพราะกลัวพวกฉันจะรอนานแล้วด่ามันน่ะสิ
“ไม่เป็นไรมึง เข้าไปข้างในกันเถอะ” ฉันตอบไอ้แพรไปไม่ถือโทษโกรธ แล้วเราสามคนก็พากันเดินเข้ามาข้างใน
พอเรามาถึงหน้าห้องเชียร์ พี่ ๆ ก็ให้พวกเราลงชื่อก่อนจะให้เข้าไปในห้อง
“น้อง ๆ ลงชื่อตรงนี้ เสร็จแล้วเดินไปรับป้ายชื่อกับพี่เขานะคะ”
“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับแพรขานรับคำพี่เขาไป และพอลงชื่อเสร็จ ฉันก็เดินไปไปหาพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่ถือป้ายคล้องคอไว้
“ชื่อเล่นอะไรครับ?” พี่เขาถามฉัน
“ใบหม่อนค่ะ”
พอฉันบอกพี่เขาไป พี่เขาก็ก้มลงไปเขียนชื่อฉันลงบนป้ายชื่อ แล้วยื่นป้ายชื่อมาให้ฉันเมื่อเขียนเสร็จ
“ยินดีต้อนรับนะครับ น้องใบหม่อน” พี่เขาคลี่ยิ้มหวานให้ฉัน ฉันจึงยิ้มตอบและรับป้ายชื่อมา
“ขอบคุณค่ะ”
พอเราสามคนได้ป้ายชื่อกันครบแล้วก็เดินเข้ามาในห้องเชียร์ พอเข้ามาก็เห็นพี่ปี 3 หน้าตาโหด ๆ ยืนเรียงกันอยู่บนเวทีหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือพี่ที่เขาน่าจะเป็นประธานฝ่ายวินัยนี่ล่ะ ถ้าฉันจำไม่ผิด
“น้องที่เข้ามาใหม่ นั่งประจำที่ครับ”
พี่เขาตะโกนพูดกับพวกฉันและคนอื่น ๆ ที่เดินตามกันมา พวกฉันจึงรีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ที่ว่างอยู่ แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบมาก เพราะไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย น่าจะเพราะรังสีความโหดของพี่ ๆ ฝ่ายวินัยอ่ะ ขนาดฉันยังเกร็งเลย
ประมาณสิบห้านาทีต่อมา หลังจากที่ปี 1 ทุกคนมากันครบแล้ว พี่ประธานฝ่ายวินัยก็เริ่มพูดขึ้น
“สวัสดีอีกรอบครับปีหนึ่ง ผมชื่อธาวินอยู่ปีสาม เป็นประธานฝ่ายวินัย เราคงได้เจอกันแล้วตอนวันปฐมนิเทศ หน้าที่ของพวกผมคือคอยควบคุมพฤติกรรมและระเบียบวินัยของพวกคุณในช่วงที่เข้าห้องเชียร์และรับน้องปีนี้ ผมหวังว่าในระยะเวลาที่เข้าห้องเชียร์หรือรับน้องนี้จะไม่มีปัญหาหรือการทะเลาะเบาะแว้งเกิดขึ้น เพราะถ้ามีเหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้น พวกคุณก็รู้นะครับว่าจะต้องถูกลงโทษ” พี่ธาวินประกาศบนเวที เรียกความเกรงกลัวให้กับพวกเราไม่น้อย เพราะทุกคนต่างนั่งเงียบกริบและตั้งใจฟัง
“เข้าใจไหมครับ!?” อยู่ ๆ รองประธานฝ่ายวินัยก็ตะโกนถามขึ้นเสียงดังด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด
“ค่ะ/ครับ”
“ในระหว่างที่พวกคุณซ้อมเชียร์ พวกผมจะคอยจับตามองดูพวกคุณทุกคนด้านข้าง หากใครไม่ปฏิบัติตามจะมีบทลงโทษ…เชิญประธานฝ่ายสันทนาการครับ” พอพี่ธาวินพูดจบก็เดินลงเวทีไป แล้วพี่ฝ่ายสันทนาการก็ขึ้นมาพูดต่อ
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจและพากันนั่งเกร็งคือพี่ฝ่ายวินัยทุกคนมายืนทำหน้าโหดอยู่แนบด้านข้างแถวซ้ายขวา
และในกลุ่มพวกพี่วินัยฉันเห็นนายคนนั้นด้วย ‘อีธาน’ เขายืนอยู่ตรงแถวฉันพอดี หน้าเขาตอนนี้คือนิ่ง โหด และดูน่ากลัวมาก
“แก ๆ พี่อีธานกับพี่ติณ EXTRA ว่ะ หล่อฉิบหาย” แพรกระซิบพูดกับฉัน
“อือ” ฉันครางตอบแพรไปเสียงเบา พยายามไม่ทำตัวล่อกแล่กเพราะกลัวพี่วินัยจะว่าเอา
“ดูพี่ติณดิแก แบบหน้าโหดแต่คือหล่อมากกก” แพรยังพูดไม่หยุด ฉันจึงหันหน้ากะว่าจะดุมัน เพราะตอนนี้พี่สันทนาการกำลังชี้แจงกฎระเบียบของห้องเชียร์อยู่
“มึงงะ…” แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค ความซวยก็บังเกิดขึ้นซะก่อนค่ะ
“คุยอะไรกันครับ?” นายอีธานพูดถามขึ้นเสียงดัง ทำให้ฉันที่กำลังพูดรีบหุบปากลงอย่างทันทีทันใด คนทั้งห้องเชียร์จึงหันมามองทางฉันกับแพรเป็นตาเดียว
ฉันกับแพรรีบก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็ว เราปิดปากเงียบกริบ เพราะไม่รู้จะตอบอะไรและอับอายแบบมาก ๆ จะให้ตอบว่าคุยเรื่องผู้ชายหรือไงล่ะ
“ผมถามว่าคุยอะไรกัน เป็นใบ้กันเหรอครับ?” นายอีธานถามเสียงดุขึ้น ไม่รู้จะทำเสียงดุไปทำไมก็ไม่รู้ คนยิ่งกลัว ๆ อยู่ “ผมถามทำไมไม่ตอบ!”
“ปะ..เปล่าค่ะ” เมื่อโดนเค้นเอาคำตอบไม่หยุด ฉันจึงจำใจต้องตอบเขาไปด้วยเสียงสั่นระริก
“เปล่าได้ไง ก็ผมเห็นพวกคุณสองคนคุยกัน”
“...…” ฉันเม้มปากแน่น ไม่รู้จะตอบอะไรไปแล้ว เงียบปากดีกว่า ให้แพรมันได้ตอบบ้าง
“ใช่ไหม?”
“ค่ะ พวกเราคุยกันค่ะ” เมื่อแพรมันเอาแต่เงียบและไม่ยอมตอบอะไรไปเลย ฉันก็เลยต้องเป็นคนตอบเขาไป
เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วหันไปถามพี่ธาวิน “ลงโทษยังไงดีครับประธาน?”
“เดี๋ยวนะคะ แค่คุยกันต้องลงโทษเลยเหรอคะ?” จู่ ๆ ยัยแพรที่ก่อนหน้านี้เงียบเป็นเป่าสากก็ตะโกนถามไปด้วยน้ำเสียงติดหัวร้อนนิดหน่อย
“ใช่ เพราะพวกคุณรบกวนเพื่อนที่เขากำลังตั้งใจอยู่” นายอีธานหันมาตอบพวกฉันด้วยหน้าตาเคร่งขรึม ก่อนจะหันไปถามพี่ธาวินอีกครั้ง “ว่าไงครับประธานที่เคารพ?”
“คนที่เหลือคิดว่าสองคนนี้ต้องโดนทำโทษอะไรครับ เพราะสองคนนี้รบกวนพวกคุณ?” พี่ธาวินไม่ตอบเขา แต่เอ่ยถามเพื่อนคนอื่นแทน
“...…” ทั้งห้องเชียร์เงียบกริบไปหลายนาที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“งั้น…” พี่ธาวินกำลังจะพูดสรุปขึ้น แต่ทว่าก็มีเสียงเล็กดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“หนูคิดว่า…วิ่งรอบสนามค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดเสนอขึ้น ทำให้ทั้งห้องหันไปมองเธอคนนั้น รวมทั้งฉันกับแพรด้วย
เเต่เดี๋ยวนะ! วิ่งรอบสนามเหรอ?
ฉันโคตรเกลียดการวิ่งเลย ขาฉันยิ่งสั้นอยู่ ถ้าวิ่งเสร็จเตรียมปวดขาไปอีกวันสองวันได้เลย ม่ายน้าาา ไม่เอาได้ไหม T.T
“…ก็ดี งั้นพวกคุณสองคนทำตามที่เพื่อนคนนี้เสนอ..ไปวิ่งรอบสนามหนึ่งรอบ!” พี่ธาวินประกาศพูดบอกฉันกับแพรขึ้น
“เดี๋ยวนะคะ แค่พูดกันเอง ถึงขนาดให้วิ่งรอบสนามเลยเหรอ” เสียงแพรแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“คุณไม่เห็นด้วยเหรอ?” พี่ธาวินหรี่ตาถามกลับ
“ใช่ค่ะ ฉันไม่เห็นด้วย”
“งั้น…เพิ่มอีกหนึ่งรอบ โทษฐานที่คุณขัดคำสั่งผมและเพื่อน”
“เดี๋ยวนะ!” แพรทำหน้าเหวอทันที ฉันเองก็เหวอด้วย รอบเดียวก็คาดว่าน่าจะเหนื่อยจนแทบตายแล้วนะ ให้วิ่งสองรอบฉันเตรียมลาโลกเลย
“ทำไมครับ? หรือจะเพิ่มอีกสองรอบดี” พี่ธาวินพูด เมื่อเห็นแพรเหมือนจะไม่ยอมรับบทลงโทษนี้
“...…” ฉันกับแพรจึงต้องหุบปากเงียบทันที ไม่กล้าโต้แย้งอะไรกลับไป
“ว่าไงครับ?” เสียงนายอีธานถามเอาคำตอบจากพวกฉันด้วยใบหน้ากวนประสาท
“ก็ได้ค่ะสองรอบสนาม” ฉันพูดตอบพี่ธาวินไปอย่างใจกล้า แม้ในใจจะร้องประท้วงว่าไม่เอาก็ตาม
“แต่มึง…” ไอ้แพรเหมือนจะไม่พอใจที่ฉันตอบรับบทลงโทษนั้น ฉันจึงรีบพูดขัดมันขึ้นก่อน
“ช่างเถอะมึง ไปวิ่งเถอะ แค่สองรอบเอง”
“เออ ๆ” เมื่อเห็นฉันส่งสายตาเว้าวอน มันจึงจำใจยอมรับบทลงโทษด้วย
“คุณสองคนไปวิ่งรอบสนามสองรอบ ปฏิบัติ” สิ้นเสียงสั่งของพี่ธาวิน ฉันกับแพรก็เดินออกมาจากห้องเชียร์อย่างอิดโรย
“คุณอีธานไปดูสองคนนั้นไว้” และก็ได้ยินเสียงสั่งของพี่ธาวินดังขึ้นอีกครั้งตามหลัง ให้นายอีธานนั่นมาเฝ้าฉันสองคน
พอมาถึงสนามพวกฉันก็รู้สึกท้อเลย เพราะสนามโคตรกว้าง แบบกว้างมาก ๆ ขาลากแน่เลยฉัน
“กูจะล้างแค้นอีนั่น!” แพรพูดขึ้นอย่างเจ็บแค้นเคืองโกรธ แต่ฉันไม่รู้ว่ามันหมายถึงใคร
“ใคร?”
“อีคนที่เสนอให้เราวิ่งไง ดูก็รู้ว่ามันหมั่นไส้เรา เลยเสนอให้วิ่ง”
“ทำไมคิดงั้นอ่ะ?”
“ก็ตอนจะเดินออกมากูหันไปมองหน้ามัน มันแสยะยิ้มสมน้ำหน้าส่งให้กู เห็นแล้วกูขึ้นเลยเนี่ย แม่ง!”
ฉันก็คิดว่าเพื่อนคนนั้นคงหมั่นไส้เราสองคนเหมือนกันแหละ เพราะอยู่ ๆ ก็เสนอให้วิ่ง ทั้ง ๆ ที่โทษคือแค่คุยกันเอง วิธีทำโทษมีตั้งเยอะแยะไม่เสนอ มาเสนอให้วิ่ง โคตรจะทำร้ายกันเลย เฮ้อ~
“ไอ้พี่ประธานวินัยอีกคน ไปเห็นด้วยกับมันอีก”
“เออ ๆ ช่างเถอะมึง”
“ทำไมพวกน้องไม่วิ่ง?”
ฉันที่กำลังยืนทำใจกับแพรอยู่นาน นายอีธานก็พูดขึ้นพลางยืนกอดอกทำหน้านิ่งมองดูเราสองคน
“กำลังจะวิ่งค่ะ” ฉันหันไปตอบเขา แล้วลากแพรให้วิ่งตามมา