บทที่ 3 บุญคุณ VS ความแค้น (1)

905 Words
“ผมไม่อยากเชื่อเลยคุณ ผู้หญิงแกร่ง พูดตรงอย่างคุณจะกลัวเลือด” สิงหราชขำจนน้ำตาเล็ด หัวเราะจนไหล่สั่น หลังจากล่วงรู้ความลับของคนป่วย ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงปากเก่งห้าวหาญอย่างกับชายชาตรีจะกลัวเลือด กลัวถึงขั้นเป็นลมหมดสติไม่สมกับเป็นคนแกร่งเลยสักนิด “ฉันเป็นคนก็ต้องมีเรื่องให้กลัวบ้างสิ คุณไม่มีเลยรึไง” คนป่วยส่งค้อนวงโต รู้สึกอับอายขายขี้หน้าไม่น้อยที่ศัตรูมารู้ความลับสำคัญ เธออุตส่าห์บอกจตุพงศ์ว่าห้ามพูดเรื่องกับใคร แต่ลูกจ้างชายใจหญิงกลับบอกความลับนี้ให้สิงหราชรู้ มันน่าหักเงินเดือนนัก ตื่นขึ้นมาแทนที่จะเห็นลูกจ้างนั่งอยู่ข้างเตียงเจ้านาย กลับเห็นศัตรูนั่งขำเพราะเรื่องกลัวเลือด รู้ถึงไหนอายถึงนั่น สิงหราชบอกว่าจตุพงศ์กลับไปจัดการเรื่องข้าวของพร้อมทำความสะอาด เมื่อเจ้านายกลับบ้านจะได้ไม่ต้องเห็นเรื่องที่ทำให้รำคาญใจ คำถามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งไม่น้อยเพราะตัวเองมีเรื่องที่กลัวเหมือนกัน แต่ใครจะไปยอมรับกันเล่า เกิดเธอรู้ว่าเขากลัวแมลงสาบ อายกันพอดี มีหวังได้ถูกล้อไปจนถึงชาติหน้าแน่ “ไม่มี คนอย่างผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” “ดูจากสายตาแล้ว ฉัน-ไม่-เชื่อ อย่าให้รู้ละกันว่าคุณกลัวอะไร ฉันจะล้อไปยันลูกบวชเลย” “คุณไม่มีทางรู้แน่นอน” “แสดงว่ามี ถ้าให้ฉันเดา คนสำอางอย่างคุณต้องกลัวหนูไม่ก็พวกแมลงสาบ” หญิงสาวหรี่ตาจับผิดชายหนุ่ม การเดาของเธอทำให้เขาแอบเกร็ง เธอเดาถูกได้อย่างไร เก่งเกินไปแล้วแม่คนปากร้าย แต่ถ้าหากเขาไม่ยอมรับเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี “โอ๊ยของแบบนั้นใครจะไปกลัว ผมชายแท้ ไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ คุณไม่ต้องมาสงสัยหรอก” ชายแท้นี่แหละตัวดี กลัวแมลงสาบว่าหนักแล้ว ยังกลัวจิ้งจกอีกต่างหาก ไม่ได้ข้อมูลสำคัญขนาดนี้เขาจะต้องปิดเป็นความลับ จะให้ศัตรูมาล้วงลับถึงตับไตไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวโดนล้อกันพอดีเสียทรงหมด “อย่าเผลอให้ฉันรู้แล้วกัน อ้อจริงสิฉันกลับบ้านได้รึยัง” “เห็นหมอบอกว่าหลังน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้” “ขอบคุณที่ช่วย ฉันจัดการตัวเองได้คุณกลับไปเถอะ” ธารธาราเป็นพวกรู้จักบุญคุณคน ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าสิงหราช ทว่าวันนี้เขาช่วยเธอหลายอย่างจึงยอมยกมือขึ้นมาไหว้คนแก่กว่าด้วยความเต็มใจ เธอไม่อยากติดค้างบุญคุณเขาไปมากกว่านี้จึงไล่เขากลับก่อน ส่วนตัวเองค่อยให้จตุพงศ์มารับ “ไม่กลับ ช่วยแล้วต้องช่วยให้ถึงที่สุด คุณจะกลับยังไงน้องจีซูก็ไม่อยู่” “ฉันหาทางเองได้ก็แล้วกัน อีกอย่างไม่อยากติดหนี้บุญคุณไปมากกว่านี้” “แต่ผมอยาก ยังไงก็ติดหนี้บุญคุณไปแล้ว ติดเพิ่มอีกสักนิดจะเป็นไรไป” “เอาเป็นว่าคุณอยากให้ฉันตอบแทนบุญคุณยังไงก็บอกมา” “ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ขอติดไว้ก่อนแล้วกัน ว่าแต่ผู้ชายที่มาอาละวาดใช่พ่อคุณจริงดิ ดูคุณกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยกันนะ” เขาพอจะรู้เรื่องสองพ่อลูกมาจากจตุพงศ์บ้างแล้ว แต่อยากได้ยินหญิงสาวเล่าด้วยตัวเองมากกว่า ธารธาราหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที เมื่อคิดถึงพฤติกรรมของบิดาที่ไม่เอาการเอางาน เมาทีไรก็อาละวาดทุกครั้ง “ลงรอยก็แปลกแล้ว เอาเป็นว่าฉันกับพ่อไม่ถูกกัน เวลาเมาเป็นแบบนี้แหละ ชอบหาเรื่อง แต่รอบนี้หนักสุด” ปกติก็ชอบเมาแล้วมาอาละวาดที่สวนทว่าไม่ถึงขั้นขว้างปาข้าวของ พ่อของเธอนอกจากติดการพนันแล้วยังติดเหล้าอย่างหนัก ติดขนาดที่ว่า ถ้าวันไหนไม่ดื่มจะมีอาการกระสับกระส่าย มือไม้สั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือที่เรียกกันว่าโรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) นั่นแหละ “เห็นพ่อคุณพูดถึงพ่อเลี้ยงอำพล เขาอยากได้ที่ดินด้วยใช่ไหม” เรื่องนี้เขาก็พอรู้มาเหมือนกันแต่ไม่คิดว่าพ่อของหญิงสาวจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เขาพอจะเดาได้รางๆ ว่าทำไมบิดาของเธอถึงมาอาละวาดทำลายข้าวของแบบนั้น เป็นเพราะลูกสาวไม่ยอมขายที่ดินนี่เอง “อืม นอกจากคุณก็มีพ่อเลี้ยงนี่แหละที่อยากได้จนตัวสั่น” คนป่วยกลอกตามองบนเริ่มรู้สึกไม่อยากเก็บที่ดินเจ้าปัญหาเอาไว้แล้ว ถ้าเปลี่ยนที่ดินเป็นเงินก็น่าจะดีเหมือนกัน พ่อขี้เมาจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับตัวเองเสียที “ที่ตรงนั้นทำเลทอง ใครก็อยากได้ทั้งนั้น ว่าแต่พ่อคุณไปรู้จักกับไอ้พ่อเลี้ยงสันดานเสียนี่ได้ยังไง” “คนมันสันดานเดียวกัน จะรู้จักกันก็ไม่แปลก ดูท่าคุณจะไม่ชอบพ่อเลี้ยงเหมือนกันนะ เรียกไอ้ด้วย” “มันพยายามเข้ามาจีบแม่ผม แต่แม่ผมไม่เล่นด้วย บอกตามตรง ผมล่ะเกลียดมันเข้ากระดูก” “แก่ขนาดนั้นแล้วยังอยากมีเมียอีก ตัณหากลับชะมัด แม่คุณคงสวยน่าดู ไม่งั้นตาแก่หัวล้านใส่ทองเต็มคอจะสนใจเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD