บทที่ 7 อย่าคิดว่าเล่นเป็นคนเดียวสิ

1495 Words
“ใครจะมองหนูยังไงแม่ไม่สนใจ ถึงบ้านใหญ่เซียวจะจน แต่ไม่เคยขอใครกิน ไม่เคยทำร้ายใคร เราก็อยู่แต่เราก็พอนะลูก แต่เมื่อไหร่ที่พวกเรามีเหลือพอจะแบ่งปัน แม่ก็อยากให้หนูแบ่งให้พ่อและพี่ชายใหญ่ของหนู ยังไงทั้งสองคนก็คือครอบครัวนะลูก” เธอไม่อยากให้ลูกสะใภ้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนอกตัญญู อย่างน้อยๆ ชุยหลายก็เป็นเพื่อนรุ่นน้องของสามีเธอ “ขอบคุณมากนะคะแม่” ชุยเหมยฮวารู้สึกอิ่มเอมและอบอุ่นในหัวใจ เธอคิดไม่ผิดที่จะยืนหยัดอยู่กับครอบครัวของสามี ชาวบ้านได้มองภาพนี้รู้สึกเกิดความสงสารชุยเหมยฮวาขึ้นมา เมื่อคิดว่าที่ว่าที่ผ่านมา คงจะโดนแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่กลั่นแกล้งจนต้องเผยนิสัยร้ายกาจให้เห็น “เมื่อก่อนทำดีกับลูกเลี้ยงต่อหน้าคนอื่น ฉันก็เห็นเหมยฮวาคล้อยตามนางเมิ่งเสียตลอด สงสัยโดนขู่มาตั้งแต่เด็ก พอมีสามีและแม่สามีรักด้วยใจจริง จึงรู้ว่าที่ผ่านมานั้นเป็นความรักจอมปลอมของนางเมิ่งเสียมอบให้ ดีแล้วล่ะเหมยฮวา หล่อนมีแม่สามีที่ดี ฉันดีใจด้วย” นางจื่อซื่อเห็นใจในโชคชะตาของชุยเหมยฮวาขึ้นมาดื้อๆ ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็ส่ายหน้าให้กับสองแม่ลูกอย่างนางเมิ่งเสียและชุยเผยหราน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตัวเองเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรร้ายแรง เมื่อทุกคนแยกย้ายกันหมดแล้ว ชุยเหมยฮวาจึงเดินเข้าหาสองแม่ลูกอีกครั้ง “อย่าคิดว่าเล่นละครเป็นคนเดียวสิ ฉันร้ายได้มากกว่าที่เธอคิดแต่ร้ายต่อหน้านะไม่เล่นลับหลังใคร แต่เพราะการกระทำของพวกเธอทำให้ฉันเล่นละครเป็น ต้องขอบคุณมากจริงๆ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่กลับไป คราวนี้ทั้งสองคนได้โชคเลือดแน่ จำไว้!” นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานกลัวแววตาของชุยเหมยฮวา ทั้งสองไม่ต้องรอให้เริ่มนับก็รีบวิ่งออกจากบ้านใหญ่เซียวแบบไม่เหลียวหลัง “ฮ่า ๆ ๆ” ชุยเหมยฮวาและนางเมิ่งหลานสองแม่สามีกับลูกสะใภ้หันมามองหน้ากันและหัวเราะสุดเสียง “สองคนนี้ต้องเจอแบบนี้แหละแม่” “แล้วจิกมือตัวเองจนเลือดซิบขนาดนั้นเจ็บไหม ไปทำแผลก่อนดีกว่า” นางหลินหลานห่วงลูกสะใภ้ ไม่น่าทำให้ตัวเองเจ็บเลย “ไม่เจ็บหรอกค่ะแม่ หนูทายาและปิดแผลไม่นานก็หายแล้ว” ชุยเหมยฮวามีปลาสเตอร์ยาในมิติ ในห้องนอนและห้องทำงานของเธอนั้นมีอุปกรณ์ทำแผลทุกอย่างเพราะชาติก่อนเธอซุ่มซ่ามอย่าบอกใครเชียว “ได้สิ ถ้าอย่างนั้นแม่ให้อาหารไก่ กลับไปดูแปลงผักข้างบ้านก่อนนะ อย่าลืมทำแผลด้วยล่ะ” นางหลินหลานกล่าวจบจึงเดินไปทางเล้าไก่ข้างบ้าน ปล่อยให้ลูกสะใภ้เข้าไปทำแผลเอง ส่วนตัวเองกลับไปจัดการงานที่คั่งค้างต่อ เวลาผ่านเลยมาจนเกือบเย็น ชุยเหมยฮวาจึงเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับทุกคน เธอตั้งใจทำผัดไทยแสนอร่อยสูตรของเธอ น้ำซอสนั้นเธอคิดค้นมาด้วยตนเอง อีกทั้งยังโรยด้วยกากหมูตบท้าย สูตรนี้อร่อยอย่าบอกใครเชียวล่ะ นอกจากผัดไทยแล้วเธอยังทำหมูสามชั้นคั่วพริกเกลืออีกอย่าง รวมถึงผลไม้ตบท้ายเพื่อให้ทุกคนล้างปาก ในระหว่างที่กำลังจะทำผัดไทยแต่สิ่งที่เธอลืมหยิบออกมาจากมิติคือซอสสูตรพิเศษของเธอ “แย่จัง ดันลืมซอสสุดพิเศษเสียได้ แล้วนี่จะเป็นผัดไทยได้ยังไง” ชุยเหมยฮวาเคาะหน้าผากตัวเองหนึ่งครั้งให้กับความขี้หลงขี้ลืมของตน ไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้ซอส ดังนั้นจึงมองซ้ายมองขวา จนคนที่แอบมองอยู่ต้องรีบหลบ เมื่อเห็นว่าอยู่คนเดียวและไม่มีใคร ชุยเหมยฮวาจึงเอาซอสออกมาจากมิติ ทำให้เซียวหย่งเสียนที่มองอยู่ตกใจไม่น้อย แต่ไม่นานก็ตั้งสติได้ และรู้ว่าหญิงสาวที่ทำอาหารอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ภรรยาตัวเองอีกแล้ว เขาไม่รู้ว่าชุยเหมยฮวาคนเดิมนั้นไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้ผูกใจรักใคร่ แต่ยังไงก็คือภรรยาของเขา อย่างน้อยต้องสอบถามเพื่อความกระจ่าง แต่ถ้าหากเทียบกับภรรยาคนเดิม จะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรือเป็นคนเลวก็ได้ ความรู้สึกลึก ๆ เขาอยากให้คนตรงหน้าเป็นภรรยาของเขาต่อไป ชุยเหมยฮวาไม่รู้เลยว่าความลับของตนเองนั้นโดนเห็นพร้อมหลักฐานไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาหารด้วยรอยยิ้มและความสุขพร้อมกับร้องเพลงไปด้วยเหมือนที่เคยทำชาติก่อน กลิ่นอาหารตลบอบอวลไปหมด ยิ่งหมูสามชั้นผัดพริกเกลือกลิ่นนี่โชยออกมานอกบ้าน ทำให้ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาหยุดมองกัน พร้อมกับดมกลิ่นของอาหารพร้อมกับกลืนน้ำลาย “อาซวน วันนี้บ้านนายทำอะไรกิน กลิ่นโชยออกมาหอมทั่วไปหมด” ชาวบ้านคนหนึ่งพอรู้รักมักคุ้นเอ่ยอย่างเป็นกันเอง “เมียเจ้าใหญ่นะสิ บอกจะทำเนื้อเพื่อบำรุงพวกเรากินกับทำอาหารที่ชื่อผัดไทยให้กิน” เซียวจ้ายซวนยืดอกยอมรับ เขาไม่อายแต่ภูมิใจด้วยซ้ำ ในเมื่อลูกสะใภ้ต้องการทำอาหารบำรุงทุกคน และยังเปลี่ยนนิสัยตัวเอง แบบนี้ใครบ้างไม่อยากอวด ก่อนหน้านี้เหมยฮวาจะเป็นยังไงเขาไม่อยากจะเก็บมาคิดอีก คนเราต้องอยู่กับวันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้น ส่วนอดีตหากปล่อยวางได้ก็ควรจะปล่อยวาง “นายโชคดีมากนะที่เมียหย่งเสียนปรับปรุงตัวเอง ฉันอิจฉานายจริง ๆ แล้วนี่เอาไม้มาทำอะไรตั้งเยอะแยะ” “เมียเจ้าใหญ่อยากขายอาหารเลยร้องขอให้ฉันกับเจ้าใหญ่ทำรถเข็นให้” “ดี ดีจริงๆ ในที่สุดเมียหย่งเสียนก็รู้จักทำมาหากินเสียที” ลุงจางเอ่ยอย่างดีใจกับครอบครัวบ้านใหญ่เซียว หากสะใภ้คิดช่วยทำมาหากินก็ดีไม่น้อย นอกจากทำไร่ทำนา ไม่นานคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แม้ว่าบ้านใหญ่เซียวจะไม่เข้าขั้นอดยากแต่ก็ไม่มีเหลือเก็บเหมือนคนอื่น เมื่อลุงจางเดินจากไป ยังคงมีชาวบ้านหลายรายเดินผ่านและพูดคุยกับเซียวจ้ายซวนไม่หยุด รวมถึงนางหลินหลานด้วย ทั้งสองคนยืดอกภูมิใจขึ้นมาดื้อๆ เพราะว่าตอนที่เซียวหย่งเสียนแต่งชุยเหมยฮวาชาวบ้านได้แต่เห็นใจที่แต่งเมียสุดร้ายกาจเข้ามา แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไปแล้ว ลูกสะใภ้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ชุยเหมยฮวาเมื่อทำอาหารเสร็จ เธอจึงแบ่งอาหารใส่ตะกร้าเพื่อเอาไปให้พ่อเจ้าของร่างและพี่ชายที่บ้านชุย แต่พอหันหน้ากลับมาที่ประตูห้องครัวกลับเห็นสามียืนมองด้วยสายตาล้ำลึกและไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงร้องอุทานออกมา “อุ๊ย! พี่หย่งเสียน เข้ามาเงียบๆ ตกใจหมดเลย” ชุยเหมยฮวายกมือลูบอกตัวเองด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าสามีจะเดินเข้ามาเงียบๆ “จะไปไหน?” เขาเพียงแค่ถามกลับ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะคุยอะไรจริง ๆ และเริ่มถามจากตรงไหนก่อน “ตั้งใจจะไปบ้านชุย เอาอาหารไปให้พ่อและพี่ใหญ่ พี่จะไปกับหนูไหม” เธอบอกความตั้งใจ ต่อให้จะเกลียดแม่เลี้ยงและน้องสาวของร่างนี้เพราะที่ผ่านมาหลอกใช้และทำลายชุยเหมยฮวาคนก่อนไม่น้อย แต่พ่อและพี่ใหญ่ทั้งสองคนเป็นคนดี ในเมื่อเธอมาอาศัยร่างนี้อยู่และเธอเป็นชุยเหมยฮวาคนปัจจุบัน หน้าที่ของลูกและน้องสาวเธอจะสานต่อเอง “อืม ไปสิ เอาตะกร้ามาพี่ถือให้” เมื่อรู้ความตั้งใจของคนตรงหน้า เซียวหย่งเสียนจึงตอบรับและยื่นมารับตะกร้าอาหารถือไว้เอง ก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกัน “นั่นจะไปไหนกันล่ะเจ้าใหญ่” นางหลินหลานเอ่ยถามเมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ถือตะกร้าออกมา “ไปบ้านชุยครับแม่ เหมยฮวาจะเอาอาหารไปให้พ่อตากับพี่ชายของเธอ เดี๋ยวเรากลับมานะครับ” เซียวหย่งเสียนเป็นคนตอบคำถามแม่ตนเอง “ดีแล้วลูก ไปเยี่ยมบ้านเดิมของสะใภ้บ้าง” นางหลินหลานยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาช่วยสามีทำงานต่อ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD