สองสามีภรรยาจึงเดินกันออกมาจากบ้านเพื่อไปบ้านเดิมของชุยเหมยฮวา ระหว่างทางมีเพียงชุยเหมยฮวาเท่านั้นที่ชวนคุย เซียวหย่งเสียนทำได้เพียงขานรับและพยักหน้าเบา ๆ ในความคิดของชายหนุ่มกำลังคิดว่า เขาควรจะถามเธอตอนไหนดี หรือว่ารออีกสักหน่อย ทั้งสองคนเดินมาพักใหญ่ก็มาถึงบ้านชุย และเจอกับชุยซีหานนั่งอยู่หน้าบ้านพอดี
“พี่ใหญ่!”
ชุยเหมยฮวาร้องเรียกพี่ชายเสียงดัง ทำให้ชุยซีหานแทบร่วงตกลงมาจากแคร่ การที่ได้ยินน้องสาวเรียกแบบนี้เขาคิดว่าเธอคงผิดปกติจริง ๆ เพราะตั้งแต่ที่แม่เลี้ยงแต่งเข้ามาน้องสาวคนนี้เชื่อฟังแม่เลี้ยงยิ่งกว่าอะไร และแทบจะไม่เข้าใกล้เขาเลยด้วยซ้ำ
“เสี่ยวฮวา มีอะไรหรือเปล่า เรียกซะเสียงดังเชียว” แม้ว่าจะตกใจ แต่เขาก็ยังยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้ ไม่ว่าเสี่ยวฮวาจะเป็นยังไงเธอก็คือน้องสาวที่เขารักมากที่สุด
“พ่ออยู่ไหมพี่ใหญ่ หนูทำอาหารมาให้พ่อกับพี่ด้วยนะ”
ชุยเหมยฮวายิ้มหวานให้และตลกกับท่าทางของพี่ชาย นี่คงไม่คิดว่าเธอผีเข้าหรอกใช่ไหม ก็แน่ละสิร่างเดิมช่างน่ารังเกียจจริง ๆ มีพี่ชายที่แสนดีแต่กลับหูเบาเชื่อคนอื่น เฮ้อ…ไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว
ชุยซีหานยืนน้ำตาคลอ นี่เสี่ยวฮวาพูดจาดี ๆ กับเขาแล้ว
“อยู่...อยู่สิ กำลังจะกินมือเย็นกัน เดี๋ยวพี่ไปตามให้นะ” เขาไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในบ้านและรีบจูงแขนพ่อออกมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“ใจเย็น ๆ สิเจ้าใหญ่ เดี๋ยวฉันก็ล้มหน้าทิ่มกันพอดี แกจะเร่งทำไมนักหนา ใครมาบ้านหรือยังไง” แม้จะบ่นลูกชายแต่พอเห็นว่าใครมาตาแก่เช่นเขากลับยิ้มกว้าง ดีใจจนน้ำตาซึม “เสี่ยวฮวา ลูกเขย”
“สวัสดีค่ะพ่อ หนูกับพี่หย่งเสียนเอาอาหารมาให้พ่อกับพี่ใหญ่ ดูสิทั้งสองคนผอมลงเยอะเลย” ชุยเหมยฮวานึกถึงรูปร่างของพ่อกับพี่ใหญ่ที่เมื่อก่อนมีเนื้อมีหนังมากกว่านี้ แต่วันนี้กลับดูผ่ายผอมลงมาก ลูกเช่นเธอเห็นแบบนี้เจ็บปวดใจไม่น้อย
“นี่อาหารครับพ่อตา เหมยฮวาทำเองทุกอย่าง”
เซียวหย่งเสียนวางตะกร้าอาหารไว้ตรงแคร่ ก่อนจะเปิดผ้าและหยิบถ้วยอาหารออกมา สองพ่อลูกบ้านชุยทำตาโต ทั้งสองคนนึกภาพตอนที่ชุยเหมยฮวาเข้าครัวไม่ออกจริงๆ
“กลิ่นหอมมาก นี่เสี่ยวฮวาน้องทำเองจริง ๆ เหรอ” ชุยซีหานถามย้ำอีกครั้งเผื่อว่าเมื่อครู่เขาฟังผิดไป
“ใช่ เหมยฮวาทำเอง มื้อกลางวันเธอก็ทำให้กิน ฉันและพ่อแม่ รสชาติอร่อยมาก” เซียวหย่งเสียนกล่าวย้ำเพื่อให้ทั้งสองคนมั่นใจ
“ดี ดีมาก ในที่สุดเสี่ยวฮวาของพ่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว” ชายแก่เช่นเขาน้ำตาซึม ไม่คิดไม่ฝันว่าลูกสาวคนนี้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริง ๆ
“หนูจะทำอาหารแบ่งมาให้พ่อกับพี่ใหญ่ทุกวันนะ และหนูตั้งใจจะทำอาหารขายที่ตลาดนัดและทางเข้าหมู่บ้านเรา ตอนนี้ให้พี่หย่งเสียนและพ่อสามีช่วยทำรถเข็นให้ จานนี้เรียกว่าผัดไทย หนูตั้งใจจะทำขายเพื่อเปิดตลาดก่อน อร่อยหรือไม่พ่อกับพี่ใหญ่บอกหนูด้วยนะคะ”
ชุยเหมยฮวาบอกกล่าวความตั้งใจของตัวเองแก่พ่อและพี่ชาย และคิดว่าหากเธอมีเงิน เธอจะทำให้พ่อกับพี่ชายสบายด้วย แต่ติดตรงที่แม่เลี้ยงและน้องต่างแม่นี่สิ เธอจะทำยังไง ก็ต้องอยู่ที่พ่อเธอแล้วละว่าจะเอายังไงเมื่อถึงวันนั้น พี่ใหญ่เธออายุยี่สิบห้าแล้วยังไม่แต่งเมียเสียที วันๆ อยู่แต่กับท้องไร่ท้องนา
“จริงเหรอพี่หย่งเสียน เสี่ยวฮวาพูดว่าจะขายอาหาร” ชุยซีหานหันมาถามคนที่เป็นน้องเขยตัวเองแทนที่จะถามน้องสาว
“อืม เหมยฮวาอยากทำอาหารขายเพื่อหารายได้เข้าครอบครัว ฉันกับพ่อเลยขึ้นไปตัดไม้ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะทำรถเข็นและโต๊ะขายของให้” เซียวหย่งเสียนพยักหน้ารับ
“พรุ่งนี้เสร็จงานแล้วพ่อกับเจ้าใหญ่จะไปช่วย วันนี้กลับกันก่อนเถอะ จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว” ชุยหลายบอกกับลูกสาว
“อาหารพวกนี้หนูเอามาให้พ่อกับพี่ใหญ่เท่านั้นนะ คนอื่นไม่เกี่ยว”
ชุยเหมยฮวาเห็นชายเสื้อของแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่เหมือนยืนแอบฟังอยู่ เธอจึงเน้นย้ำเพื่อให้คนในบ้านได้ยิน สองพ่อลูกบ้านชุยพยักหน้าอย่างแข็งขันว่าจะไม่ให้ใครกิน ทำให้ชุยเหมยฮวายิ้มกว้างพร้อมกับชวนสามีกลับเพราะไม่อยากให้พ่อและแม่สามีต้องรอนาน
เมื่อลูกสาวไปแล้ว สองพ่อลูกบ้านชุยจึงถืออาหารเข้ามาในบ้าน ทำให้นางเมิ่งเสียและชุยเผยหรานมองตาเป็นมัน ใครบ้างไม่อยากกินเนื้อ ฐานะของบ้านชุยไม่ได้มีเงินเหลือเก็บถึงขนาดต้องซื้อเนื้อมากินทุกวันนะ
“พี่หลาย ไม่คิดจะแบ่งให้ฉันกับลูกบ้างเหรอ เผยหรานก็ลูกพี่เหมือนกัน” นางเมิ่งเสียบ่นสามี เธอมองจานอาหารที่สามีและลูกติดของเขากินอย่างเสียดาย
ชุยหลายมองภรรยาเพียงแวบเดียวและตั้งหน้าตั้งตากินต่อ ในใจนั้นปลาบปลื้มมากเมื่อลูกสาวทำอาหารมาให้ แถมยังอร่อยมากด้วย
“ไม่ใช่ฉันไม่อยากแบ่ง แต่เธอก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอว่าเสี่ยวฮวาทำมาให้ฉันกับเจ้าใหญ่เพียงสองคน ฉันไม่สามารถแบ่งให้ใครได้หรอก เธอเองก็ทำอาหารแล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องทำเผื่อฉันกับเจ้าใหญ่นะ เพราะเสี่ยวฮวาบอกว่าจะทำมาให้ฉันและเจ้าใหญ่ทุกวัน”
ชุยหลายพูดตามปกติ และไม่สนใจอะไรอีก สองพ่อลูกบ้านชุยยังคงกินอาหารกันต่อ เมื่อถึงคำสุดท้ายทั้งคู่แทบจะแย่งกันเอง
นางเมิ่งเสียได้แต่แค้นใจลูกเลี้ยง ไม่รู้ว่านังเด็กนั่นเป็นอะไร ในเมื่อก่อนหน้านี้เชื่อฟังเธอยังกับอะไรดี เพียงแค่ได้ข่าวว่าล้มหัวฟาดฟื้นกลับลายเป็นคนละคน หรือว่าจะผีเข้าจริงๆ ไม่ได้การแล้ว เธอต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอจึงไปกินอาหารที่ตัวเองทำพร้อมกับคิดดูว่า แถวหมู่บ้านมีบ้านหมอผีที่ไหนบ้างเธอจะเอามาจัดการนังลูกเลี้ยงตัวดีที่ไม่เห็นหัวเธอ
กลับมาทางด้านของชุยเหมยฮวา เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอจึงเอาผัดไทยมาอุ่นให้ร้อนอีกครั้ง ก่อนจะยกมาที่โต๊ะอาหารเพื่อเรียกทุกคนมากินพร้อมกัน
เพียงคำแรกที่เซียวจ้ายซวนกินเข้าไป เขาพยักหน้าให้ทันที “ขายได้แน่ ผัดไทยจานนี้ของเหมยฮวาขายได้ พ่อเชื่อแบบนั้น”
เขากล้าเอาคอรับประกัน หากใครได้กินคงต้องกลับมาซื้ออีกแน่ มีครบทุกรสชาติ แถมยังมีเต้าหู้ กุ้งแห้ง และกากหมูอีก
“ใช่แล้ว แม่เห็นด้วยกับพ่อนะ เหมยฮวาทำขายเถอะ แม่ช่วยเต็มที่” พูดจบนางหลินหลานจึงรีบเดินเข้าห้องก่อนจะหยิบกล่องเงินที่มีทั้งหมดของบ้านเอามาให้ลูกสะใภ้ลงทุน เท่าที่ดูแม้ว่าจะไม่มีอะไรมาก แต่ก็ต้องใช้เงิน ถึงแม้ว่าเงินของที่บ้านจะมีน้อยนิด แต่ก็ช่วย ๆ กันไปก่อน
“หนูยังพอมีเงินอยู่ค่ะแม่ แม่เก็บเงินไว้เถอะนะคะ นี่เป็นเงินเก็บของบ้านเซียว หนูไม่กล้าเอา” ชุยเหมยฮวาไม่กล้ารับ ในเมื่อของทั้งหมดเธอเอามาจากร้านอาหารในมิติเธอไม่ได้เสียเงินซื้ออะไร
“รับไปเถอะ หากขายได้กำไรค่อยนำมาคืนแม่กับพ่อ เราครอบครัวเดียวกันต้องช่วยกันสิถึงจะถูก อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหมนอกจากรถเข็นและโต๊ะ บอกพ่อมา พ่อเป็นช่างไม้เก่าจะทำให้เอง” เซียวจ้ายซวนตบอกเพื่อเป็นการยืนยันถึงความสามารถของตน
“หากพ่อกับแม่คิดว่าหนูเป็นครอบครัว เรียกหนูว่าเสี่ยวฮวาเถอะนะคะ พี่หย่งเสียนด้วย เรียกเหมยฮวาดูห่างเหินยังไงไม่รู้”
ชุยเหมยฮวาบอก หากเรียกเหมยฮวาเหมือนชาวบ้านมันก็คงจะแปลกไปสักหน่อยเพราะพ่อและพี่ใหญ่ของร่างนี้เรียกเธอว่าเสี่ยวฮวา
“ตกลง” ทั้งสามคนตอบรับ
เซียวหย่งเสียนพยายามเหลือบมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ตอนนี้เขามั่นใจเต็มร้อยแล้วว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ชุยเหมยฮวาคนเก่า หากเธอคนนี้มาแทนที่แล้วชุยเหมยฮวาคนนั้นล่ะไปไหน ยิ่งคิดยิ่งสับสนจึงทำเพียงนั่งกินอาหารต่อโดยไม่พูดไม่จา ทุกคนไม่แปลกใจกับท่าทีของชายหนุ่ม ซึ่งปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว