“หอมคิดดีแล้วใช่ไหมลูก? ” หงสาถามย้ำอีกครั้ง เพราะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันและพูดต่อ “จริงๆ หอมไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ พ่อจัดการกับไอ้ยศให้ลูกได้และผู้หญิงของมันก็ด้วย”
“หอมคิดดีแล้วค่ะพ่อ และอย่าทำแบบนั้นเลยค่ะพ่อ มันบาป อีกอย่างตอนนี้คุณพ่อกำลังจะเป็นคุณตาแล้วนะคะ ถือว่าปล่อยเขาทั้งสองไปเถอะค่ะ เป็นหอมเองที่เข้าไปวุ่นวายในชีวิตของเขาทั้งสอง” เธอบอกพ่อ
“ลูกสาวพ่อ...” แล้วหงสาก็รวบร่างน้อยของลูกสาวเข้ามากอดแนบแน่น มะลิลาเองก็กอดตอบคนเป็นพ่อเช่นกันพร้อมกับปล่อยเสียงสะอื้นไห้ดังออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มต้นใหม่ และเธอสัญญากับตัวเองว่าพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะเป็นคนใหม่ และทุกคนจะไม่ได้เห็นน้ำตาของเธออีกต่อไป
พัดยศไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เมื่อหัสดินได้โทรมาบอกว่ามะลิลาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เขาไม่อยากเชื่อกับข่าวที่เพิ่งได้รับจากหัสดิน และยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของเขามันเจ็บหน่วงอย่างบอกไม่ถูกว่ารู้สึกเสียใจกับการจากไปของมะลิลาหรือว่าดีใจกันแน่ที่ตัวเองจะได้เป็นอิสระ ตั้งแต่วันนั้นที่ร้านกระเป๋า เขาก็ไม่ได้เจอหน้าของเจ้าหล่อนอีกเลย ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยโผล่หน้าไปบ้านสักครั้งหลังแต่งงานกัน
“เป็นอะไรคะพี่ยศ” เพณิตาถามแฟนหนุ่มที่ยกมือกุมขมับ ก่อนหน้านี้เธอรู้แต่ว่าเขาคุยโทรศัพท์ แต่ไม่รู้ว่าคุยกับใคร
“หอมตายแล้วกี้” พัดยศเงยหน้าขึ้นบอกแฟนสาวที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้าตัวเองพร้อมกับมือใหญ่คว้าจับมือเล็กมาบีบแน่น
“ว่าไงนะคะ เกิดอะไรขึ้นคะ” หล่อนถามเสียงดังพร้อมกับดึงมือออกจากอุ้งมือหนาของแฟนหนุ่มมาทาบอกตัวเองทั้งๆ ที่ในใจนั้นยิ้มดีใจกับเรื่องที่ได้ทราบ และเรื่องวันนี้ที่มะลิลามาหาพัดยศจะถูกปิดตายไปกับชีวิตอันน่าสงสารของมะลิลา ให้มันตายไปพร้อมกับเธอและลูกในท้องของหญิงสาว และวันนี้เธอก็สั่งทุกคนที่บริษัทของพัดยศให้เก็บเป็นความลับด้วยเรื่องที่มะลิลามาที่บริษัท
“ผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ไอ้หินพี่ชายเธอโทรมาบอกแค่ว่าเกิดอุบัติเหตุ และตอนนี้ศพก็ตั้งอยู่ที่วัด…แล้ว ไอ้หินบอกว่าไม่ได้เอาไว้หลายวัน จะเผาพรุ่งนี้” พัดยศบอกแฟนสาว
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่ามันจะเป็นเรื่องจริง พรุ่งนี้พี่ยศไปลาเธอครั้งสุดท้ายหน่อยนะคะ” หล่อนแสร้งเป็นคนดีเห็นใจคนที่จากไป ทั้งๆ ที่ใจจริงไม่อยากให้พัดยศไปเลยสักนิด
“ครับ พี่จะไปส่งเธอครั้งสุดท้าย อย่างน้อยพี่กับเธอก็เป็นผัวเมียกัน” เขาบอกตอบ
“ให้กี้ไปด้วยไหมคะพรุ่งนี้”
“พี่ไปคนเดียวได้ แค่ไปลาเธอเท่านั้นเอง”
“อือ...งั้นวันนี้พี่ยศจะไปไหว้ศพเธอที่วัดไหมคะ? ”
“ไม่ล่ะ ไปพรุ่งนี้ตอนเผาทีเดียวดีกว่า” และมันเป็นคำตอบที่ทำให้เพณิตายกยิ้มพึงพอใจกับคำพูดของพัดยศ แต่พัดยศไม่มีโอกาสได้เห็นยิ้มของนางมารร้ายตนนี้
“งั้นเราก็กลับกันเถอะค่ะ เนี่ยก็เลยเวลาเลิกงานมาเยอะแล้วค่ะ”
“แล้วดินเนอร์คืนนี้? ”
“ไม่ไปแล้วค่ะ กี้รู้นะคะ ถึงแม้ว่าคุณยศไม่ได้รักเด็กคนนั้น แต่ก็เห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก คงรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจพี่ ขอบคุณนะกี้”
“เพราะกี้รักพี่ยศไงล่ะคะ ไปกันเถอะค่ะ วันนี้กี้ทำอาหารให้ทานเอง” แล้วหล่อนก็เดินอ้อมมาฉุดดึงร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืนแล้วเก็บกระเป๋าข้าวของสำคัญของเขาใส่กระเป๋าให้แล้วฉุดดึงพาออกจากห้องทำงานไป ส่วนพัดยศก็ยอมให้เพณิตาดึงลากไปตามใจ เพราะตอนนี้จิตใจของเขามันวุ่นวายสับสนไปหมดว่ารู้สึกยังไงกันแน่กับการจากไปของมะลิลา แต่ที่รู้ตอนนี้คือเขาเจ็บหน่วงในอก แต่บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บหน่วงเหมือนใจจะขาดแบบนี้ก็ไม่รู้
งานศพที่ไร้ศพถูกจัดขึ้นเงียบๆ มีเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้นที่มาร่วมงานศพในครั้งนี้ และเมื่อทุกคนวางดอกไม้จันทน์หน้าเมรุกันหมดทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหงสา หัสดิน และคนรับใช้ในบ้านสิบกว่าคนและบอดี้การ์ดอีกยี่สิบกว่าคนที่มาวางดอกไม้จันทน์ และปิดท้ายด้วยพัดยศ
“ผมมาลาคุณครั้งสุดท้ายแล้วนะหอม” มือใหญ่วางช่อดอกไม้จันทน์หน้าแท่นเมรุอย่างเบามือพร้อมหันไปมองรูปของภรรยาที่ตั้งอยู่ข้างๆ แท่นดอกไม้ แล้วมืออีกข้างที่ว่างก็ยกขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังจะหยดไหลทิ้ง แม้ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ว่าเป็นยังไง แต่ก็มั่นใจว่าไม่ได้ดีใจแน่ที่มะลิลาจากไป
“เพราะแก! เพราะแกคนเดียวทำให้ยัยหอมต้องจากไปแบบนี้” เสียงห้าวแข็งกระด้างดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่กระโจนเข้าหาน้องเขยที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตาครอบครัวตัวเอง หากไม่ใช่งานศพน้องสาวก็คงไม่โผล่หน้ามา แต่ยังไม่ถึงตัวของน้องเขยก็ถูกญาติคนอื่นๆ กอดรั้งไว้
“พอได้แล้วตาหิน” เสียงทุ้มของชายชราดังขึ้นห้ามปรามลูกชาย เพื่อให้นึกถึงคำขอร้องของลูกสาวของตนเอง ซึ่งหงสากับหัสดินก็สัญญากับมะลิลาแล้วว่าจะไม่ทำร้ายพัดยศ หลังจากวันนี้ไปจะต่างคนต่างอยู่อย่างที่มะลิลาต้องการอยากให้เป็น
“คุณท่าน ผมขอโทษ” พัดยศเอ่ยขอโทษพร้อมย่อตัวคุกเข่ากับพื้นหน้าแท่นดอกไม้จันทน์ แต่หงสาไม่ได้สนใจจะมอง เขาเดินหนีคนที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าตัวเองไปนั่งในศาลา เพราะหากยังอยู่ตรงนี้คงได้เอาไม้เท้าในมือฟาดทุบอีกฝ่ายแน่นอน
“คำขอโทษของมึงมันสายไปแล้วไอ้ยศ พูดไปน้องกูก็ไม่กลับมาแล้วไอ้เชี่ย!”
หัสดินผลักอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทางเดินตัวเองแล้วเดินตามพ่อไปนั่งในศาลา ส่วนพัดยศก็หันไปมองรูปของมะลิลาแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากตรงนี้
อีกมุมหนึ่งของวัด หญิงสาวที่มีหน้าตาคล้ายรูปตั้งหน้าเมรุพร้อมเผานั้นยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาตัวเองที่หลั่งรินไม่หยุด ใช่...นั่นคือ ‘งานศพของเธอ’ ที่ถูกจัดขึ้นเพื่ออำลาเธอครั้งสุดท้าย
“มันสายไปแล้วคุณยศ เรื่องของเรามันจบตั้งแต่ที่คุณเลือกผู้หญิงคนนั้นแล้ว” เธอพึมพำกับตัวเองแล้วตวัดผ้าที่คล้องคอขึ้นมาคลุมหน้าเดินออกจากมุมวัดไปเงียบๆ พร้อมกับโลงศพที่ไร้ศพถูกส่งเข้าเมรุ แล้วควันโขมงก็ลอยออกจากปล่องเมรุ…