ครอบครัว

1285 Words
พราวนภาจอดรถลูกรักของตัวเองหน้าคอนโดหรูตอนห้าทุ่มครึ่ง เพราะระยะทางมันค่อนข้างไกล ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆนอนหลับสนิท เสียงลมหายใจดังออกมาเบาๆ ทำให้เธอไม่กล้าปลุกเขาเลย “ริว ริว” “ริว! ตื่น ถึงแล้ว พี่จะกลับบ้าน ง่วง” พราวนภาเพิ่มเสียงขึ้นจากเดิม จนคนหลับสะดุ้งตื่น มองเธอด้วยใบหน้างัวเงีย ก่อนจะมองรอบตัว เมื่อเห็นว่าตรงหน้ารถคือคอนโดขนาดใหญ่ ก็เบ้ปาก พี่พราวมาส่งที่นี่จริงๆแฮะ! “นอนด้วยกันไหม?” “ไม่! พี่จะกลับแล้ว” “ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ!” “รีบๆลงไปสิ พี่จะได้ไม่กลับดึกมากไปกว่านี้” “เหอะ! หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง” “ขอบคุณนะ แต่พี่เหนื่อยจริงๆ” พราวนภามองคนที่มีท่าทางน้อยอกน้อยใจ ด้วยสายตารู้สึกผิด “ขับรถดีๆนะ” “อืม” คิริวมองรถที่เคลื่อนออกไปด้วยสายตาเป็นห่วง ถ้าไม่ติดว่ารถเขาจอดอยู่ข้างบน ซึ่งค่อนข้างใช้เวลามากในการขึ้นไป เขาคงขึ้นไปเอามันขับตามไปส่งเธอแล้ว ปล่อยให้เธอขับรถกลับเองดึกๆดื่นๆแบบนี้ เป็นห่วงชะมัด นึกว่าจะค้างด้วยกันซะอีก โคตรเซง! พราวนภาขับรถมาถึงบ้านเกือบตีสอง เพราะเธอขับช้ากว่าตอนที่ไปส่งคิริวมาก จอดรถเสร็จก็รีบเดินหนีเข้าบ้าน เพราะไม่อยากปะทะกับใครตอนนี้ แต่เหมือนเธอจะคิดผิด เพราะตอนนี้ทั้งพ่อทั้งแม่เลี้ยง กำลังนั่งเรียงกันอยู่ในห้องรับแขกที่เธอต้องเดินผ่านขึ้นไปข้างบน “พราวมาคุยกับพ่อหน่อย” อรรถพรเอ่ยรั้งลูกสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดได้ทัน ทำให้พราวนภาจำต้องเดินเข้าไปหา ทั้งที่ตั้งใจแล้วว่ายังไงก็จะเดินหนีขึ้นข้างบน แต่น้ำเสียงราบเรียบของพ่อทำให้เธอไม่กล้าทำแบบนั้น เดินไปนั่งลงที่โซฟาอีกตัว ก้มหน้าลงนิดๆ เหมือนที่เคยทำเวลาทำผิดมาแล้วถูกพ่อจับได้ “วิขอตัวนะคะ” “ไม่ต้อง นั่งอยู่นี่แหละ” อรรถพรพูดแบบนั้น วริษาจำต้องนั่งลงที่เดิม ผู้นำของบ้านมองลูกสาวเพียงคนเดียวก่อนจะถอนใจ เมื่อตอนเย็นเขาได้รับโทรศัพท์จากบุคคลหนึ่ง ทางนั้นแจ้งว่าพราวนภาก่อเรื่องให้ลูกสาวของท่านเสื่อมเสียชื่อเสียง ให้เขาพาตัวพราวนภาไปกราบขอโทษให้ได้ ไม่งั้นท่านไม่จบเรื่องง่ายๆแน่ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อธุรกิจที่เขาทำด้วย “รู้ใช่ไหมว่าสร้างเรื่องอะไรไว้ ถึงได้กลับมาเอาป่านนี้” เขาเลี้ยงเธอมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทำไมจะไม่รู้นิสัยของลูกสาว แม้ช่วงหลังๆจะห่างเหินกันไป เพราะเจ้าตัวเริ่มตีตัวออกห่าง แต่ก็ยังอยู่ในสายตาเขาอยู่ตลอด “เขาว่าไงละคะ” “พราว!” ท่าทีไม่สำนึกผิด ทำให้ท่านอดขึ้นเสียงใส่ลูกสาวตัวดีไม่ได้ ไม่ใช่ว่าพราวนภาจะไม่เคยทำผิด พราวนภามักจะมีเรื่องแบบนี้มาให้เสมอ แม้บางครั้งจะไม่ใช่เธอเริ่มก่อน แต่ก็ต้องสำนึกบ้างว่าไม่ควรใช้กำลังตัดสินปัญหา “พราวถามว่าเขาให้พราวทำยังไง ให้ไปกราบตีนลูกเขาเหรอ” สิ่งที่พราวนภาพูดมาไม่เกินจริง จนอรรถพรกัดฟันแน่น รู้ดีว่าลูกสาวไม่ยอมทำแบบนั้นแน่ ถึงต้องนั่งรอเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอมานานหลายชั่วโมง ตั้งแต่ทราบเรื่องจนถึงตอนนี้ แต่กระนั้นลูกสาวตัวดีก็ยังมีทีท่าว่าจะไม่ยอมให้ใครทั้งนั้น “ไปทำให้มันถูกต้องซะพราว ตบหน้าเขาขนาดนั้น ก็ต้องไปขอโทษเขา” “พราวจะทำก็ต่อเมื่อทางนั้นมาขอโทษพราวก่อน พ่อไม่ถามเขาเหรอคะว่าเรื่องมันเริ่มต้นยังไง ทำไมไม่ถามทางนั้นบ้างล่ะ ว่าใครสมควรขอโทษใคร” พราวนภาลุกขึ้นยืนเมื่อหมดธุระที่จะพูด รู้อยู่แล้วว่าทางนั้นต้องติดต่อมาที่บ้าน และกดดันพ่อเธอทุกทาง แต่เธอคิดว่าสิ่งที่ทำนั้น ไม่ได้เกินไปเลยสักนิด ตบครั้งเดียวมันน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเธอเอ็นดูอินทิรามาก่อน เธอตบไปมากกว่านี้ “พ่อไม่คิดเลยว่าพราวจะเป็นคนแบบนี้” “ทำไมพราวจะเป็นคนแบบนี้ไม่ได้ค่ะ พราวก็แค่ปกป้องตัวเอง” “ปกป้องตัวเองด้วยการทำร้ายคนอื่นอย่างนี้เหรอพราว พ่อสอนให้พราวเป็นคนแบบนั้นเหรอ!” “พ่อไม่ได้สอนค่ะ พราวเป็นของพราวเอง ไม่ต้องมีใครหน้าไหนมาช่วยรับสิ่งที่พราวทำทั้งนั้น พราวก่อเอง พราวจะรับผิดชอบเอง แต่ไม่ใช่การไปขอโทษทางนั้นแน่นอนค่ะ” พราวนภาพูดยาวๆจนต้องหอบหายใจ มือไม้สั้นเพราะคุมอารมณ์ไม่ไหว มองหน้าคนเป็นพ่อที่มีสีหน้าไม่ต่างเธอเลย “น้าว่าพราวไปขอโทษเขาดีกว่า รู้ไหมว่าถ้าไม่ทำ มันส่งผลต่อธุรกิจของพี่อรรถ” วริษาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อยากช่วยสามีพูดอีกแรง เพราะไม่อยากให้ธุรกิจที่ทำอยู่โดนผลกระทบด้วย ทางนั้นค่อนข้างเส้นใหญ่ จะทำอะไรก็คงง่ายอยู่แล้ว ไม่อยากให้งัดข้อกันนัก เพราะฝ่ายที่เสียเป็นเรามากกว่า ก็แค่ยอมเสียศักดิ์ศรีสักหน่อย เรื่องก็น่าจะจบแล้ว “หึ! ก็เพราะยอมก้มหัวให้อำนาจที่กระทำแบบมิชอบไง ถึงได้อุดอู้อยู่แบบนี้” เพี๊ยะ! มือหนักๆของคนเป็นพ่อวาดลงไปบนแก้มขาวใสจนเป็นรอย นอกจากไม่สำนึก ยังลามปามอีก เขาไม่เคยสอนให้พราวนภาเป็นแบบนี้สักครั้ง “เหอะ! ก็แค่พูดความจริง ทำรับไม่ได้” “พราว!” “ทำไม คิดว่าตบพราวแล้วพราวจะหยุดพูดเหรอ พราวพูดผิดตรงไหน ถ้าพ่อไม่ยอมก้มหัวให้พวกมัน ป่านนี้ธุรกิจของพ่อก้าวกระโดดไปไกลแล้ว เพราะมัวแต่กลัวคนแบบนั้นไง ถึงได้อยู่แบบนี้” ที่บ้านเธอทำธุรกิจส่งออก ส่งออกทุกอย่างที่พอจะส่งไปขายได้ ลูกค้ามีเยอะเลย แต่ผลกำไรกลับน้อยนิด เพราะอะไรนะเหรอ เพราะโดนคนในหน่วยงานหน่วยงานหนึ่ง หักผลประโยชน์ที่ควรจะเป็นของพ่อเธอ ไปเป็นของตัวเองยังไงล่ะ รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่สมควร แต่พ่อเธอหลับหูหลับตายอม เพราะเกรงกลัวอำนาจคนพวกนั้น “แกไม่รู้อะไร แกอย่ามาพูดมากนะพราว” “เหอะ! พราวไม่พูดไม่ใช่ว่าพราวโง่ พราวไม่ใช่พ่อที่จะดูคนไม่ออก ว่าคนไหนดี คนไหนไม่ดี” พราวนภาเบนสายตาจากคนเป็นพ่อ ไปหยุดนิ่งอยู่ที่ใบหน้าของวริษาที่เป็นแม่เลี้ยง ใบหน้าที่สงบนิ่งมาตลอดซีดลงทันที ที่โดนเธอพูดแบบนั้นใส่ เพี๊ยะ! “เมื่อไหร่จะเลิกลามปามวิ!” “เมื่อไหร่เหรอ! น้าวิเลิกทำตัวเป็นปลิงเมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้นแหละ” พราวนภาหันหลังเดินหนีขึ้นข้างบนอย่างรวดเร็ว แต่ต้องชะงักเท้าลง เมื่อเห็นน้องคนเล็กยืนน้ำตาคลออยู่หัวบันไดบ้านเธอยิ้มให้น้องชายเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะเดินผ่านเข้าห้องตัวเอง ลงกลอนแน่นหนา ก่อนจะปล่อยน้ำตาที่อดกลั้นมาตลอดไหลริน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD