คู่สนทนาของหล่อนเค้นเสียงออกมาอีก นานหลายวินาทีกว่าเจ้าหล่อนตรงหน้าจะสามารถควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติได้
“ถึงแล้วค่ะ โต๊ะนี้คือโต๊ะที่คุณแมทธิวจองเอาไว้ เชิญคุณมะลิตามสบายนะคะ”
พนักงานสาวเลื่อนเก้าอี้ให้หล่อนอย่างสุภาพ ก่อนจะค้อมศีรษะให้อีกครั้งเป็นเชิงอำลา แต่มะลิยังไม่ปรารถนาจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้เดินจากไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ...”
“คุณมะลิยังต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือคะ”
มะลิส่ายหน้าน้อยๆ ยิ้มบางๆ ให้กับพนักงานสาวตรงหน้า “คุณชื่ออะไรคะ มะลิอยากรู้จักชื่อของคุณน่ะค่ะ”
“เวเวอร์ลี่ เดเมอริตค่ะ”
น้ำเสียงที่ตอบออกมานั้นเรียบรื่นไร้ที่ติ ก่อนที่ร่างสมส่วนในชุดพนักงานประจำภัตตาคารหรูจะหายไปจากสายตา วูบหนึ่งมะลิรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่เวเวอร์ลี่ปิดบังเอาไว้ ความจริงแล้วหล่อนไม่ใช่คนฉลาดอะไรเลย แต่แววตาที่เต็มไปด้วยไฟของผู้หญิงคนนั้นทำให้หล่อนพอจะรู้ว่ารอบกายของตัวเองเต็มไปด้วยไฟแค้น ไฟแค้นที่รอวันปะทุขึ้นมา
มะลิสูดลมหายใจเข้าไปในปอดเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ กายของตัวเอง ผู้คนมากมายกำลังจ้องมายังหล่อน แม้ว่าตรงนี้จะมีกระจกใสๆ กั้นเอาไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวแค่ไหน แต่กระแสแห่งความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนก็ยังทำให้หล่อนรู้สึกวิงเวียน
หล่อนไม่ชอบเลยที่ต้องมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ และก็ไม่ชอบเลยที่ต้องสวมชุดที่เน้นเนื้อตัวอย่างชุดที่กำลังสวมใส่อยู่ แต่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของแมทธิวได้ ผู้ชายที่เป็นแม้กระทั่งเจ้าของลมหายใจของหล่อน ผู้ชายใจร้ายที่หล่อนเกลียดไม่ลงแม้แต่ครั้งเดียว
“คุณผู้หญิงครับ... ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ”
เสียงสุภาพของบุรุษแปลกหน้าที่หล่อนไม่เคยรู้จักดังขึ้น มะลิเงยหน้าจากฝ่ามือของตัวเอง มองมนุษย์ผู้ชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ คือว่าตรงนี้...”
“ผมเห็นคุณนั่งเหงามานานเกือบสิบนาทีแล้ว ให้ผมนั่งเป็นเพื่อนแก้เหงานะครับ” ผู้ชายคนนั้นไม่รอให้หล่อนเอ่ยปฏิเสธ เขาทรุดกายลงนั่งทันที มะลิเต็มไปด้วยความลำบากใจ และก็ยิ่งประหม่าเมื่อเห็นสายตาของผู้ชายตรงหน้าเอาแต่จ้องเนื้อตัวของหล่อนอย่างไม่คิดเกรงอกเกรงใจ
“เอ่อ... ดิฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อนค่ะ”
“ผมจะไปส่ง...”
“ไม่ต้องค่ะ ดิฉันไปเองได้...”
แม้จะทำเสียงแข็งแค่ไหนแต่หนุ่มตรงหน้าก็ยังไม่ละความพยายาม ไม่ช้าข้อมือของหล่อนก็ถูกเขารวบเอาไว้แน่น มะลิดิ้นรนแต่ก็ไม่สามารถกู้อิสรภาพกลับคืนมาได้
“ปล่อยนะคะ”
ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ปล่อยหล่อน แถมยังถือวิสาสะถึงหล่อนเข้าไปชิดตัวอีกต่างหาก มะลิพยายามโก่งตัวหนี แต่ก็ยังมีผลเช่นเดิมนั่นก็คือไม่สำเร็จ หล่อนมองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตอนนี้สายตาหลายคู่ที่เคยจ้องมองมายังหล่อนนั้นไม่มีอีกแล้ว
“ปล่อยค่ะ... ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย”
“คุณสวยมากรู้ตัวไหม และผมก็ปรารถนาจะสานสัมพันธ์กับคุณ”
ใบหน้าของเขาก้มต่ำลงมาหา มะลิผลักไส ดิ้นรน แต่ดูเหมือนชะตากรรมของหล่อนจะยังไม่สิ้นสุดเมื่อแรงเรี่ยวของหล่อนลดน้อยลงทุกขณะ
“แต่ฉันไม่ต้องการ... ปล่อยนะคะ...”
“เสียใจด้วยครับ ตรงนี้เป็นโต๊ะวีไอพีที่เป็นส่วนตัวมาก แม้จะมีคนมองเข้ามาเขาก็จะคิดว่าพวกเราเป็นคู่รักกัน”
“ไม่นะ...”
“ปล่อยเธอซะไอ้ระยำ!” เสียงกระด้างราวกับแผดขึ้นมาจากขุมนรกแบบนี้ไม่มีทางเป็นใครไปได้นอกจาก...
“คุณแมทธิว...”
ความดีใจของหล่อนถูกกลืนหายไปทันทีเมื่อได้ประสานสายตาดุดันของผู้ชายที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าเขาถมึงทึง กระด้าง ดุดัน แมทธิวเดินเข้ามาหาและกระชากร่างของหล่อนออกจากอ้อมกอดของคนหยาบคายอย่างไม่ปรานี
“ผม... ขอโทษครับ ผมไม่คิดว่าเธอจะเป็น...”
ผู้ชายคนที่ลวนลามหล่อนละล่ำละลักออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ก็ใครจะไม่กลัวกันล่ะในเมื่อคนที่อยู่ในอังกฤษทุกคนต้องรู้จักแมทธิว บราวน์กันทั้งนั้น และแน่นอนว่ากิติศัพท์ความเหี้ยมโหดของเขาก็ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน
“เธอเป็นผู้หญิงของฉัน...”
“ครับ ผมขอโทษครับ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว” ผู้ชายคนนั้นก้มศีรษะให้กับแมทธิวด้วยความหวาดกลัว แต่แมทธิว บราวน์กลับไม่หยิบยื่นความปรานีให้เลยแม้แต่น้อย หล่อนเห็นเขาหันไปส่งสัญญาณเรียกลูกน้องของตัวเองเข้ามา
“เอาไอ้หมอนี่ไปโยนทิ้งหน้าโรงแรม และห้ามให้มันเข้ามาที่นี่อีก”
“ครับ คุณแมทธิว...”
ร่างของผู้ชายคนนั้นถูกหิ้วปีกออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นปากประตู แมทธิวก็เรียกให้ลูกน้องของตัวเองหยุดซะก่อน
“คุณแมทธิวต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือครับ”
รอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของแมทธิวเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด “ทำยังไงก็ได้ให้มันเข้าไปหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลสักสามสี่วัน...”
“ครับ คุณแมทธิว...”
ลูกน้องของแมทธิวรับคำและหิ้วปีกผู้ชายคนนั้นออกไปราวกับเขาเป็นเศษขยะก็ไม่ปาน มะลิเงยหน้าขึ้นมองคนใจร้ายแล้วก็อดพูดออกมาไม่ได้
“มัน... เอ่อ รุนแรงไปนะคะ เขา... ยังไม่ได้ทำอะไรมะลิ”
ร่างของหล่อนถูกผลักให้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่ปรานี ขณะที่คนตัวโตก้มต่ำลงมาหา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาลน่ากลัว
“จะต้องให้ฉันเห็นมันขย่มเธอเสียก่อนใช่ไหม ถึงค่อยขยี้มันน่ะ”
แม้ว่าแก้มนวลจะแดงก่ำด้วยความอับอายมากแค่ไหน แต่แมทธิวก็ยังไม่หยุดโจมตีหล่อนด้วยวาจาหยาบคาย
“หรือว่าทุกอย่างที่ฉันเห็น... มันคือสิ่งที่เธอปรารถนา แม่ดอกมะลิ”
ชื่อของหล่อนถูกเค้นออกมาจากไรฟันขาวสะอาดของแมทธิวแผ่วเบา เบาปานเสียงของลมหายใจ แต่ไหงมันกลับดังกึกก้องในโสตประสาทของหล่อนนักนะ มะลิตัวสั่นเทาเมื่อกระแสความอำมหิตของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายพุ่งใส่หน้า
“ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ มะลิไม่ได้...”
“อย่ามาตอแหล และไอ้ชุดระยำนี้ล่ะ ใครใช้ให้เธอใส่มันมา จะมาหาผัวในห้องอาหารนี้หรือไง”
จากที่ถูกผลักให้นั่งลงกับเก้าอี้ ตอนนี้ร่างของหล่อนถูกกระชากให้ขึ้นมาเผชิญหน้ากับจอมมัจจุราชอีกครั้ง ท่าทางของเขาโกรธจัดเลยทีเดียว แต่ว่าเขาโกรธเรื่องอะไรกันล่ะ? โกรธที่หล่อนแต่งตัวแบบนี้ หรือว่าโกรธที่หล่อนถูกชายอื่นลวนลาม แต่เขาจะโกรธทำไม ในเมื่อ... เขาไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรกับหล่อนแม้แต่นิดเดียวไม่ใช่หรือ
ก็คงแค่หวงของ... คำตอบนี้ทำให้มะลิขมขื่นยิ่งนัก แมทธิวก็แค่หวงของ แม้ของสิ่งนั้นจะไม่ใช่ของที่เขาปรารถนาก็ตาม
“อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะตอนที่เธอคุยกับไอ้หนุ่มอิตาลีนั่นน่ะ ระริกระรี้หน้าชื่นตาบาน ฉันน่ะอยากให้คุณแม่มาเห็นนักจะได้รู้สักทีว่าสาวน้อยที่คุณแม่บอกว่าดีนักดีหนาน่ะร่านแค่ไหน”
เขาก้มหน้าลงมากระซิบที่ซอกหูของหล่อนแผ่วเบา จากนั้นก็ออกแรงลากหล่อนให้ออกประตูด้านข้างของห้องอาหาร มุ่งหน้าไปยังลิฟท์ตัวใหญ่ที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลนัก
“แต่มะลิไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณแมทธิวกล่าวหานะคะ มะลิก็แค่พูดคุยกับคุณอันโตนิโอตามประสาคนเคยรู้จักเท่านั้นเอง”
“อย่ามาแก้ตัว... คิดว่าฉันตามเธอไม่ทันหรือไง ผู้หญิงแพศยาแบบเธอน่ะ อ้าปากฉันก็เห็นไปถึงหว่างขาแล้วล่ะ ตอนนี้คงอยากได้ผัวจนตัวสั่นสินะ ใช่ไหม” ประตูลิฟท์ยังไม่เปิด แมทธิวที่ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าโกรธเกรี้ยวเรื่องอะไรนักหนาจึงผลักร่างอรชรของมะลิให้กระแทกเข้ากับผนังเต็มแรง จากนั้นก็ตามเข้าไปประกบ
“ไม่ใช่นะคะ มะลิไม่ได้เป็นแบบนั้น...”
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่เคยคิดจะเชื่อผู้หญิงแพศยาแบบเธอ”
ใบหน้าหล่อลากดินก้มต่ำลงมาหา มะลิตัวสั่นเทา ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เขาจะทำอะไรหล่อน นี่เขาจะทำอะไรหล่อนกันแน่
“อย่าค่ะ... อย่าทำอะไรมะลิเลย...”