บทที่ 7 เบาะแส

1330 Words
หลายวันต่อมา... “งานอะไรก็ได้เจ๊ ฉันทำได้ทั้งนั้น” มะปรางพูดกับเจ๊แก้วผู้จัดการร้านผับที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชุมชน เธอตัดสินใจนั่งวินมาถึงตัวอำเภอเพื่อมาหางานทำ อีกทั้งอาจจะได้เบาะแสเพิ่มเติม “งานที่แล้วก็เพิ่งกระทืบลูกค้ามาเพราะเพื่อนโดนลวนลาม งานนี้มันหนักกว่ามากนะ แกจะไม่เอาปืนมายิงลูกค้าเจ๊เลยเหรอ” “ให้ฉันล้างถ้วยล้างจานหลังร้านก็ได้เจ๊ รับรองว่าฉันจะไม่มาเพ่นพ่านในนี้เด็ดขาด” “แกมาถึงที่นี่เพื่อที่จะมารับจ้างล้างจานจริง ๆ เหรอ มันคุ้มค่าเดินทางแกเหรออีมะปราง” “ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรทำนี่เจ๊” “อ้าวดูสิว่าใครมา” หนึ่งในสามสาวที่เพิ่งมาใหม่เอ่ยทักทายมะปรางอย่างเป็นกันเอง “หวัดดีพี่โส” มะปรางยกมือไหว้ทั้งสามคนเหนือหัวอย่างหยอกล้อ​ เพราะรู้จักกันเป็นอย่างดี “โอ๊ยยัยเด็กบ้านี่ เรียกพี่โสเดี๋ยวแม่ตบปากแตกเลย ฉันเจนนี่ย๊ะ” “ส่วนพี่...ชื่อโบวี่” “ส่วนพี่ก็...ชื่อหนูเล็ก มากับเจนนี่แล้วก็มากับโบวี่” “รู้แล้ว ๆ แนะนำตัวเป็นทางการตลอด​ แหม...วันนี้​แต่งตัว​สวยเชียวนะ” “อย่ามาอวย​เดี๋ยวเงินหมดกระเป๋า​ ว่าแต่แกมาทำอะไรที่นี่อีมะปราง จะมาแย่งงานพวกฉันเหรอ” เจนนี่เท้าเอวถาม ก่อนที่หนูเล็กจะช้อนปลายคางของมะปรางขึ้นเล็กน้อย “หน้ามันก็เอาเรื่องอยู่นะ แต่งนิดแต่งหน่อยก็รับแขกได้แล้ว” “อีหนูเล็ก เสียงดังนะมึง!” เจ๊แก้วผู้จัดการร้านพูดปรามพลางทำหน้าขึงขังใส่ทั้งสามคน “อะไรนักหนาเจ๊ ห่วงมันจังเลยเด็กคนนี้” โบวี่พูดแทนเพื่อน “ไปทำงานได้แล้วไป เสียเวลาทำมาหากิน​” ผู้จัดการร้านไล่คนของตัวเองให้รีบออกไป ทั้งสามคนเลยต้องรีบเดินเลี่ยงออกไปยังหลังร้านเพื่อแต่งตัวสำหรับทำหน้าที่ของตัวเอง “น่าสนอยู่นะเจ๊ รายได้ดีแน่เลย” มะปรางพูดพร้อมทำท่าทางชะเง้อมองไปยังหลังร้าน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อีมะปราง!” “ปรางล้อเล่น ว่าแต่เจ๊จะให้ฉันทำงานที่นี่หรือเปล่า” “กลับไปต้มเหล้าเถื่อนขายเหมือนเดิมน่าจะได้เงินดีกว่าล้างจานนะ” “ชู่ว! เบา ๆ สิเจ๊” มะปรางส่งเสียง​ชู่ออกจากริมฝีปาก​ พลางมองซ้ายมองขวา​ “เรื่องแบบนี้ใครเขาให้พูดในที่สาธารณะกัน” “ฉันกับแกเคยอยู่ในจุดที่เอาตัวไม่รอดมาครั้งหนึ่งแล้วนะอีมะปราง ฉันไม่อยากให้แกกลับมาวนลูปอยู่ที่เดิม” “เจ๊ไม่อยากให้ฉันวนลูป แล้วทำไมเจ๊ยังทำงานแบบนี้อยู่” “ฉันมันไม่ยอมหยุดเองตั้งแต่วันนั้นทั้งที่ฉันทำได้ แกโชคดีแล้วนะ แกอยู่ในจุดที่แกอยู่ตอนนี้มันดีที่สุดแล้ว เพราะที่ฉันเป็นอยู่มันทรมานมาก” “มีใครอยู่เบื้องหลังงานนี้หรือเปล่าเจ๊” มะปรางเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางกระซิบกระซาบเสียงเบา ก่อนจะโดนอีกฝ่ายแผดเสียงดังกลับมา “แกไปให้พ้น ๆ จากที่นี่เลยนะ ถือว่าเจ๊เตือนด้วยความหวังดี เจ๊เห็นว่าแกเป็นน้องนะอีมะปราง” “เจ๊พูดอะไรมาฉันก็ไม่เข้าใจหรอก เจ๊ก็รู้ว่าฉันมันโง่ จบแค่มอหกเองจะเอาความรู้มาจากไหน แค่มีงานให้ทำก็บุญหัวนักหนาแล้ว” “ที่นี่ไม่มีงานให้คนไม่มีสมองอย่างแกทำหรอก กลับบ้านไปเลยไป” เจ๊แก้วชี้นิ้วไล่ตะเพิดมะปรางอีกครั้ง ก่อนจะกระทืบเท้าปึงปังเดินจากไป โดยไม่เหลียวหลังมามองเด็กสาวที่มาของานทำอีก “เสียเวลาชะมัด” มะปรางบ่นอุบเมื่อไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือมาสักอย่าง ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนเอ่ยทักทายและเชิญชวน “จะรีบไปไหนล่ะ มานั่งดื่มด้วยกันก่อนสิ” มะปรางหันไปมองยังต้นทางของเสียง จึงเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนสีเดียวกันกับเสื้อ กำลังนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เพียงลำพัง “พี่...คนนั้น” เรติกาวางแก้วน้ำสีอำพันลงกับโต๊ะ เธอเอียงศีรษะเล็กน้อยพร้อมผายมือเชิญชวนให้เด็กสาวนั่งลง “รู้จักพี่ด้วยเหรอ น้อง...มะปราง” “ก็พี่ที่พยายามจะมาช่วยปราง ตอนที่ปรางกำลังตีกับพวกลูกค้าวันนั้นไงคะ” “เห็นด้วยเหรอ ช่างสังเกตนะเรา” “ขอบคุณนะคะที่พยายามจะช่วยปราง ทั้งที่เรื่องนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่” “น้องก็ช่วยเหลือเพื่อนทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้องเหมือนกัน พี่โคตรนับถือใจน้องเลย” “ค่ะ งั้นปรางขอตัวกลับก่อนนะคะ” “จะรีบไปไหนนั่งคุยด้วยกันก่อน เพื่อนพี่กำลังจะมาถึงแล้ว เดี๋ยวพี่แนะนำเพื่อนให้รู้จัก” “ไม่ดีกว่าค่ะ” “เอานาถือว่าคนกันเอง มะปรางเอาเหล้าหน่อยไหม หรือเอาเบียร์?” “งั้นเอาเบียร์ก็ได้ค่ะ แต่ปรางไม่ดื่มเยอะนะคะ” “คออ่อนเหรอเราอ่ะ หมดแก้วนี้พี่ให้พันหนึ่ง หมดสองแก้วเอาไปสองพัน หมดเท่าไหร่เอาไปเท่านั้น” คำพูดของเรติกาทำเอาดวงตาเด็กสาวลุกวาวเป็นประกาย อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า “ลืมแนะนำตัว พี่ชื่อพี่เรย์นะ” “มะปรางค่ะ” เอ้า! ชนแก้ว!!! “เรื่องที่ให้สืบเป็นไงบ้าง” เตชินเอ่ยถามเพื่อนสาวทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “พวกมันเกี่ยวข้องกันหมดเลย” คาริสาพูดพร้อมถอดหน้ากากออก เธออธิบายรายละเอียดและข้อมูลที่รู้มาขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ภายในรถ “ไอ้ดำรงกับไอ้ชูวิทย์ผู้อำนวยการโรงเรียน พวกมันสองคนเป็นเพื่อนกัน ไอ้ชูวิทย์มันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับไอ้เจษฎา แล้วไอ้เจษฎามันก็รู้จักกับพวกไอ้ไมเคิล พ่อค้ายารายใหญ่ที่แกยัดเข้าคุกเมื่อห้าปีก่อน แต่มันโดนตัดสินจำคุก 20 ปีไม่ใช่เหรอ?” “แกเห็นตัวไอ้ไมเคิลหรือยัง” “ได้ยินแค่เสียง อาทิตย์หน้าพวกมันมีนัดเจอกันด้วย ตอนนี้ยังไม่ทราบสถานที่ ฉันได้ติดเครื่องดักฟังไว้กับมือถือของไอ้เจษฎาแล้ว นาวินกำลังดักฟังข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวก็คงรายงานเข้ามาเองแหละ” “อืม” เตชินพยักหน้ารับรู้ เป็นจังหวะเดียวกับที่คาริสาแต่งตัวเสร็จพอดี “จำเป็นต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้ไหม” ครืด! ครืด! คาริสาไหวไหล่อย่างสะทกสะท้านในคำพูดของเพื่อนหนุ่ม ก่อนจะกดรับสายคนที่โทรเข้ามา “ว่าไง” ‘อยู่ไหน? เมื่อไหร่จะมาถึง’ “ใกล้ถึงแล้ว” ‘เร็ว ๆ นะ มีอะไรจะอวดพวกแกด้วย’ “เออ...อย่าเพิ่งเมาล่ะ เดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี” ‘พี่เรย์ คุยกับใครคะ’ เสียงอ้อแอ้ของผู้หญิงที่เล็ดลอดเข้ามาในสาย ทำให้สองหนุ่มสาวที่อยู่ภายในรถเดียวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย และคิดเป็นตุเป็นตะไปเรื่อย “เสียงใคร” เตชินเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ‘พี่เรย์ ปรางดื่มหมดแก้วที่สิบแล้วนะ ปรางต้องได้หนึ่งหมื่นนะคะ’ “มะปราง!” เตชินอุทานออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่คาริสายกมือขึ้นมาปิดปากอย่างนึกไม่ถึงว่าเรติกาจะพามะปรางมาสังสรรค์ด้วย ‘แค่นี้ก่อนนะ รีบมาล่ะ’ ไม่รอให้เตชินได้พูดอะไรเรติกาก็วางสายทิ้งในทันที “ยัยเรย์นี่มันเอาเรื่องนะ” คาริสาพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น โดยไม่สนว่ามีสายตาอำมหิตจากคนข้าง ๆ แผ่มองมาอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD