“เฮียเตเขาคงไม่ได้ชอบปรางหรอก เพราะถ้าเขาชอบปราง เขาคงไม่ทิ้งปรางไปตั้งหลายปี” เด็กสาวที่กำลังเมาได้ที่พูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ปนเสียงโศกเศร้าอย่างไม่ปิดบัง
“เฮียมันเคยบอกรักมะปรางไหม” เรติกาเอ่ยถาม เมื่อมะปรางพรั่งพรูความจริงออกมาจนหมดเปลือก
“ม่ายเคย แต่เฮียเขาชอบบอกว่าปรางเป็นเด็กของเฮีย”
“แกนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะไอ้เต!”
“ม่ายเลว เฮียเตเป็นคนดีแต่ปรางเป็นคนไม่ดี”
“เฮียมันทำอะไรกับมะปราง ทำไมดูหลงมันจัง”
“ม่ายเคยหลง ปรางแค่ใจอ่อนเวลาที่เฮียเขา... อึก! จูบตรงนี้” มะปรางยกมือขึ้นมาชี้หน้าผากมนของตัวเอง แล้วค่อยเลื่อนนิ้วมาชี้ที่ขมับบาง “แล้วก็จูบตรงนี้ด้วย เฮียเตชอบให้ปรางนั่งตัก แล้วชอบเรียกปรางว่าเด็กดี”
“มะปราง!” เตชินที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนเรียกชื่อของเธอเสียงดัง เพื่อห้ามปรามไม่พูดอะไรออกมา ขณะที่คาริสาก็ได้แต่ยกมือขึ้นมาปิดปาก เพราะมาทันได้ยินที่มะปรางพูดในประโยคสุดท้าย
เพื่อนหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าห่วยแตกเรื่องความรัก แท้ที่จริงแล้วเล่ห์เหลี่ยมและคารมคมคายเชี่ยวชาญยิ่งกว่าผู้ชายเจ้าชู้บางคนเสียอีก
“คะ...คุณมาได้ยังไง มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” มะปรางหันไปมองเตชินด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
“เธอนั่นแหละทำอะไรของเธอ ทำไมถึงได้ดื่มเหล้าเมามายขนาดนี้”
“ทำไมเรียกเธออ่ะ” เด็กสาวเอ่ยทวงด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยในสรรพนามที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม เธอแบะปากคว่ำลงราวกับจะร้องไห้ “คุณอายเหรอที่รู้จักกับหนู อึก! หนูเป็นได้แค่เด็กดีของคุณแค่นั้นเองเหรอ”
“มะปรางกลับบ้าน เดี๋ยวไปส่ง” เตชินพูดพร้อมฉุดแขนของเธอให้ลุกขึ้นยืน แต่อีกฝ่ายกลับบ่ายเบี่ยงและขัดขืน
“ไม่กลับ! หนูไม่กลับไปกับคุณ หนูมาเองได้หนูก็กลับเองได้ ไม่ต้องพึ่งคุณ” มะปรางสะบัดมือออกจากเกาะกุมพลางสะอื้นไห้ด้วยความน้อยใจ เธอหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วงุดหน้าลงจนเกือบทิ่มกับโซฟา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เธอควบคุมสติและร่างกายของตัวเองไม่ได้ “หนูจะนอนให้สร่างเมาที่นี่แหละ”
“ไม่ได้! กลับบ้านเดี๋ยวเฮียไปส่ง”
“ไม่ต้องมายุ่งกับหนู ถ้าอายที่รู้จักกับหนูก็ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย หนูไม่รู้หรอกว่าเพื่อนของเฮียสองตัวมันแสบกว่าหนูซะอีก”
“เอ้า! ทำไมกลายเป็นความผิดของพวกฉันล่ะ” เรติกาเอ่ยประท้วงเมื่อโดนพาดพิงถึง
“แกมันตัวดีเลยยัยเรย์”
“อย่ามาว่าพี่เรย์ของหนูนะ” มะปรางแยกเขี้ยวพร้อมตีที่ท่อนแขนของเตชินอย่างแรง
เพี๊ยะ!
“โอ๊ย! เฮียเจ็บนะ สนิทกันขนาดนั้นเลย?”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”
“เงียบปากไปเลยนะยัยเรย์” เตชินแหวใส่เพื่อนสาวเสียงเขียว ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเว้าวอน “เด็กดีครับ”
“ไม่ต้องมาแตะต้องตัวหนู อึก! เมื่อกี้ยังเรียกว่าเธออยู่เลย” มะปรางเอ่ยพูดเสียงสั่นพลางแสดงท่าทีกระเง้ากระงอดใส่ชายหนุ่ม
พรึ่บ!
เตชินอุ้มเด็กสาวให้ขึ้นมานั่งบนตักแกร่งอย่างถือวิสาสะ โดยไม่สนใจว่ามีเพื่อนสาวสองคนนั่งมองอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบผมของเด็กสาวเบา ๆ แล้วดันศีรษะทุยเล็กมาแนบอก
“ฮือ ปล่อยหนูนะ หนูยังไม่หายโกรธคุณ”
“หนูโกรธเฮียเหรอ” มะปรางพยักหน้าให้พร้อมทุบตีที่หน้าอกแกร่งอย่างระบายอารมณ์ โดยไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บมากแค่ไหนกับกระทำเอาแต่ใจของตัวเอง
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
“หนูโกรธคุณ โกรธมากด้วย คุณไม่จริงใจกับหนู อึก!”
เธอซบใบหน้าลงที่กลางอกแกร่งของเขา หลังจากอารมณ์คุกรุ่นเบาบางลง เตชินไม่ได้ตอบโต้อะไรเธอเลย เขาก้มลงไปจูบตรงกลางกระหม่อมน้อยของเธออย่างแผ่วเบา
“เฮียขอโทษ กลับบ้านกับเฮียนะครับเด็กดีของเฮีย”
คาริสากับเรติกามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นภาพที่หาดูได้ยากสำหรับพวกเธอ
“หมดสนุกเลย ฉันอุตส่าห์แต่งตัวจัดเต็มมา ยังไม่ได้ดื่มสักแก้วเลยด้วย” คาริสาบนอุบหลังจากที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ในรถมาสักพัก
“เอ้าน๊า ไว้ไปดื่มที่บ้านพัก เผื่อมีหนังสดให้ดู ดื่มไปดูหนังสดไป” เรติกาซึ่งเป็นคนขับรถตอบกลับเพื่อนสาว พลางมองเตชินด้วยสายตาที่มีเลศนัยแอบแฝง
“โรคจิตนะยัยเรย์ ฉันไม่ดูด้วยหรอกเดี๋ยวเป็นตากุ้งยิง”
“เฮีย...” เด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังกับเตชินเอ่ยเรียกเขาเสียงแหบแห้ง
“ครับ”
“หนูรักเฮียนะ”
เตชินมองหน้าเพื่อนสาวสองคนอย่างเลิ่กลั่ก เมื่อมะปรางพูดในสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมา หัวใจดวงแกร่งของเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง มะปรางขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา เธอดันตัวลุกขึ้นไปโอบรัดลำคอของชายหนุ่มหลวม ๆ แล้วพูดอีกครั้ง
“เฮียไม่ได้ยินที่หนูพูดเหรอ หนูรักเฮียเตนะคะ”
“คนเมามักจะพูดความจริงเสมอ” คาริสาเอ่ยพูดเมื่อเห็นเพื่อนหนุ่มมองมาที่เธอ ราวกับขอความคิดเห็น
“ทำไมเฮียเงียบ หรือว่าเฮียไม่ได้ยินที่หนูพูด หนูรักเฮีย ได้ยินไหมว่าหนูรักเฮีย รักแค่เฮียคนเดียวมาตั้งนานแล้ว ได้ยินไหม”
เด็กสาวตะโกนพูดที่ข้างหูของเขา หวังให้เขาได้ยินในสิ่งที่เธอพูด แล้วยอมตอบกลับมาสักที
“ได้ยินแล้ว” มะปรางยิ้มหยาดเยิ้มเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง เตชินลูบผมของเธอเบา ๆ แล้วก้มไปกระซิบบอกกับเธออีกครั้ง “เฮียได้ยินแล้วครับ”
“แกมันเลว! ทิ้งเด็กอย่างมะปรางได้ลงคอ” เรติกาพูดกระแหนะกระแหนเพื่อนหนุ่ม
“ตอนนั้นมะปรางยังเด็กมาก จะให้ฉันพรากผู้เยาว์หรือไง?”
“ก็น่าจะกลับมาหากันบ้าง ไม่ใช่หายหน้าไปเลย” มะปรางโพล่งขึ้นพร้อมทุบที่หน้าอกของเขาอย่างแรง
“ขอโทษครับ”
“นึกว่าหลับไปแล้ว” เรติกาพูดแล้วหันไปยิ้มกริ่มกับคาริสา
“เด็กคนนี้ก็ใช้ได้อยู่นะ ทำไมแกไม่ดึงเธอเข้าองค์กร?” คาริสาเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“แกก็น่าจะรู้นะเคส กฎขององค์กรแกจำได้ทุกข้อนี่” คาริสาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ เพราะหนึ่งในกฎขององค์กร คือห้ามไม่ให้หัวหน้ากับลูกศิษย์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน
วันต่อมา...
“อื้อ!” มะปรางส่งเสียงกระเส่าออกมาในลำคอ หลังจากที่ภาพเมื่อคืนตัดไป เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“เด็กดีของเฮียตื่นแล้วเหรอครับ จุ๊บ” เตชินหยัดแขนทั้งสองข้างลงบนเตียงนุ่มแล้วก้มลงไปจูบปากอวบอิ่มเบา ๆ เพื่อทักทาย หลังจากที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เขาก็มานั่งดูเธอที่ยังหลับอยู๋ได้สักพักใหญ่ ๆ
“ฝันดีจัง”
“ปวดหัวไหม หายแฮงค์หรือยัง เฮียชงกาแฟดำมาให้” เตชินเดินไปหยิบถ้วยกาแฟที่ตระเตรียมไว้มาให้กับคนที่ยังไม่สร่างเมา กลิ่นหอมของกาแฟทำให้มะปรางทำจมูกฟุดฟิดเพื่อความแน่ใจ ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน
“มะ...ไม่ได้ฝันนี่นา หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เมื่อคืนหนูเมา เฮียไม่อยากพาหนูกลับบ้านเพราะหนูเมามาก เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่ แต่เฮียให้เพื่อนของเฮียช่วยจัดการเรื่องแม่มะลิให้แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“เมื่อคืน... หนูไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ ใช่ไหม” เธอพูดเสียงอ่อนลง ขณะที่เตชินวางแก้วกาแฟไว้ตรงหัวเตียง
“เมื่อคืนมีเด็กขี้เมาสารภาพรักเฮียด้วย เด็กคนนั้นบอกว่า... หนูรักเฮียมาก รักแค่เฮียคนเดียวมาตั้งนานแล้ว”
“...”
“เห็นรอยช้ำตรงคอเฮียไหม เมื่อคืนเด็กขี้เมาคนนั้นดูดคอเฮียจนหลับไปเลย”
“หนูไม่รู้ หนูไม่รู้อะไรทั้งนั้น” มะปรางยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป เธอเงยหน้ามองเตชินอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะงุดหน้าลงด้วยความเขินอาย “เมื่อคืนหนูเมามาก คุณอย่าถือสาหนูเลยนะ”
“เรียกเฮียก่อนสิ แล้วเฮียจะคิดซะว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เฮีย... อย่าถือสาหนูเลยนะ หนูไม่รู้หนูเมาอ่ะ”
เตชินอมยิ้มละไม ก่อนจะยื่นกาแฟดำให้เธอดื่ม ซึ่งมะปรางรับมันมาดื่มด้วยใบหน้าที่ร้อนเห่อ เธอได้แต่หลุบหน้าลงต่ำทุกครั้งที่เตชินมองมา