บทที่ 6 เด็กแสบ

2082 Words
“ตอนนี้เรารู้แหล่งกบด่านของเป้าหมายแล้ว พวกมันยังมีพรรคพวกไม่มาก แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อีก” “พวกมันเหมือนรออะไรบางอย่าง ดูเหมือนทุกอย่างกำลังเพิ่งเริ่ม...” ซานออกความเห็น “จริง ๆ เรื่องนี้มีมานานมากแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกของมันส่วนใหญ่ถูกยัดเข้าคุกกันหมด แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหลือรอดเลยสักคน ที่แน่ ๆ ตอนนี้แกนนำของพวกมันบางส่วนกลับมาแล้ว หน้าที่ของพวกเราคือหาหลักฐานให้เพียงพอเพื่อยัดพวกมันกลับเข้าคุกอีกครั้ง” “หัวหน้าครับ ผมได้เวลาไปทำหน้าที่แล้ว” เซนพูดขึ้นแทรก เขาสวมใส่ชุดนักเรียนชายมัธยมปลาย เนื่องจากได้รับมอบหมายให้ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนของโรงเรียนในชุมชน เพราะเตชินเชื่อว่าต้องมีเด็กผู้ชายวัยเดียวกันในโรงเรียน ที่น่าจะรู้เรื่องราวแวดวงใน แม้มันอาจจะเป็นงานน่าเบื่อไปหน่อยแต่เซนก็ทำทุกอย่างเพื่อทีม “อย่าทำตัวฉลาดเกินเด็กวัยเดียวกันล่ะ” “ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก หัวหน้าไว้ใจได้” เตชินพยักหน้าให้กับเด็กฝึก บ่งบอกว่าเขาไว้ใจและมั่นใจในการทำงานของเซน “แต่งตัวหล่อเชียว ชุดนักเรียนเหมาะกับเซนมากเลย ลาออกจากองค์กรแล้วไปเรียนต่อก็ใช้ได้อยู่นะ” “ยัยเคส!” เตชินปรามเพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามา ก่อนจะส่งสัญญาณให้เซนออกไปทำหน้าที่ของตัวเองได้ “เพราะนิสัยชอบแหกกฎแบบแกไม่ใช่เหรอ ถึงทำให้แกเป็นได้แค่ลูกน้องของฉัน” “ฮึ...ไม่เจ็บสักนิด คนที่ไม่เคยทำผิดกฎองค์กรแบบแกไม่รู้หรอก ว่าการที่ได้ทำอะไรนอกกรอบมันสนุกและตื่นเต้นแค่ไหน ใช่ไหมวิน” ซานกับนาวินแอบยิ้มเจื่อน ถึงแม้ว่าคาริสาจะเป็นลูกน้องคนหนึ่งของเตชิน แต่ทั้งคู่ก็เคารพเธอราวกับว่าเป็นหัวหน้าองค์กรคนหนึ่งเช่นกัน “ครั้งเดียวก็เกินพอครับพี่เคส” นาวินเคยทำผิดกฎเพราะต้องการทำเรื่องท้าทายแบบรุ่นพี่ ทว่าบทลงโทษขององค์กรก็ทำเอาเขาจำไม่ลืมจนถึงทุกวันนี้ “ไม่ต้องมาปั่นหัวเด็กฝึกของฉัน ถ้าว่างมากเดี๋ยวจะหางานให้ทำ” “ใครมาทำงาน ฉันมาเที่ยว” “ช่วยไปสืบเรื่องของคนที่อยู่ในรายชื่อนี้หน่อย ว่าเกี่ยวข้องอะไรกับนายดำรง” เตชินพูดพร้อมยื่นไดร์ฟข้อมูลให้กับคาริสา “ไม่ทำ!” “ถ้าไม่ทำก็กลับบ้านไป” “ก็บอกว่าฉันมาเที่ยวไง” “ไอ้เต! จะกลั่นแกล้งอะไรยัยเคสอีก” เรติกาที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานเห็นว่าเตชินบังคับให้คาริสาทำงานโดยที่ไม่เต็มใจ เธอจึงปรี่เข้ามาช่วยเหลือเพื่อนสาว “พอเลย อย่าให้ท้ายเมียจนไม่ลืมหูลืมตา ถ้าจะมาป่วนก็กลับบ้านไป ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็ต้องช่วยทำงาน ถ้าไม่ช่วยฉันจะยื่นเอกสารรายงานบิ๊กบอสว่าพวกแกขัดขวางการทำงานของฉัน” “เต...” “ฉันไม่เกี่ยวนะ สายแล้วมีนัดวิดีโอคอลกับกรณ์น้อย” เรติกาวิ่งหายไปจากห้องทำงานทันที ปล่อยให้คาริสาต้องรับงานมาทำอย่างไม่เต็มใจนัก “วินไปทำงานกับพี่ไหม” “วินกับซานมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ว ส่วนหน้าที่ของแกก็ไปเตรียมตัวทำงานซะ” เตชินยื่นไดร์ฟข้อมูลให้คาริสาอีกครั้ง เขารู้ว่าคาริสามาเพื่อจุดประสงค์อะไร แต่การมีคาริสามาร่วมทำงานด้วย หลายอย่างที่คิดว่ายากก็อาจจะง่ายขึ้น “จะหนีไปไหน!” “แม่...” “มานี่เลยมาเอาไม้เรียวก่อน มันน่านักนังลูกคนนี้ บอกว่าอย่าไปมีเรื่องกับใคร” มะปรางวิ่งหนีไม้เรียวที่สั่นดิ๊ก ๆ อยู่ในมือของคนเป็นแม่ ใครจะไปยอมโดนตีกันเล่า อายุก็เข้าหลักสองแล้วยังโดนแม่ไล่ตีเหมือนเด็ก ๆ “แม่...ปรางไม่ผิดนะแม่” “ไม่ผิดแล้วทำไมถึงโดนไล่ออก พี่ก้อยบอกว่าแกไปมีเรื่องกับลูกค้าของเขา” “มันเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียวนะแม่ ไอ้ลูกค้าพวกนั้นมันลวนลามเพื่อนปรางก่อน” “ว่าไงนะ” เมื่อลูกสาวให้เหตุผลมาอย่างนั้น มะลิผู้เป็นแม่ที่เกลียดผู้ชายพรรค์นี้ที่สุดมีหรือจะอยู่เฉย “เพื่อนปรางเผลอเอาปากกาไปทิ่มมือของมันจนได้รับบาดเจ็บ พวกมันเลยโวยวาย ปรางก็เลยเข้าไปช่วย” “แล้วพวกมันทำอะไรปรางหรือเปล่า แล้วเพื่อนปรางล่ะเป็นยังไง” “มะปรางลูกสาวแม่มะลิซะอย่าง ไม่มีใครหน้าไหนมารังแกได้ง่าย ๆ หรอก ปรางใช้วิธีหมัดมวยกระทืบพวกมัน เอาไม้เรียวลงก่อนนะแม่นะ” มะปรางเดินเข้ามากอดคนเป็นแม่ เมื่อเห็นว่าท่านเริ่มใจเย็นขึ้นมาบ้าง เธอแอบดึงไม้เรียวเจ้ากรรมออกห่างจากมือของแม่มะลิอย่างถือวิสาสะ “ไอ้พวกหน้าตัวเมียอยู่ไปก็รกแผ่นดินจริง ๆ อย่าให้เจอนะ” “เห็นไหม ถ้าแม่อยู่ตรงนั้นแม่ก็ทำแบบเดียวกับปราง ส่วนเพื่อนของปรางเขาโอเคขึ้นแล้ว แต่ปรางนี่สิ” “ไล่ออกก็ไล่ออกสิ พี่ก้อยก็คงเห็นแก่เงินแก่หน้าตามากกว่าคนกันเองเหมือนเดิม” “ไม่เครียดนะแม่นะ เดี๋ยวความดันขึ้น” มะปรางเดินเข้าไปกอดแล้วโยกตัวคนเป็นแม่ไปมา หวังจะให้คลายอารมณ์คุกรุ่นลง “ถ้าไม่มีงานทำแล้วก็ไปช่วยแม่ขายของที่โรงเรียน สายแล้วด้วยเดี๋ยวเตรียมของไม่ทันพักเที่ยง” “รับทราบครับ! เดี๋ยวปรางไปยกของขึ้นซาเล้งให้นะ” “ให้เร็วเลย” “รู้แล้ว ๆ ใช้งานลูกอย่างกะใช้แรงงานทาส” สองชั่วโมงผ่านไป “เรียบร้อย” มะปรางช่วยคนเป็นแม่จัดระเบียบอาหารกลางวันสำหรับค้าขายเสร็จสรรพ เธอเดินไปนวดไหล่ให้คนเป็นแม่อย่างชำนาญ ขณะที่แม่มะลิก็สะบัดพัดคลายความร้อนให้กับตัวเองอย่างอารมณ์ดี “อารมณ์ดีขึ้นแล้ว แม่จ๋า...ปรางขอกลับบ้านก่อนนะ ปรางรู้สึกปวดท้อง” “เป็นอะไร ปวดตรงไหนมาให้แม่ดู” แม่มะลิพูดถามพร้อมคลำไปที่บริเวณหน้าท้องของลูกสาว “ปรางปวดท้องน้อย สงสัยเมนส์จะมา” มะปรางกระซิบพูด “เอ้า ปวดมากไหม ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านไปพักผ่อนก่อน” “จ้ะแม่ ปรางกลับก่อนนะ” มะปรางหอมแก้มแม่มะลิแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายมาคล้องบ่า ก่อนจะเดินแยกออกไปในทันที ส่วนคนเป็นแม่ก็หันไปเม้าท์มอยกับคนที่มาขายของด้วยการตามประสา “พี่ปราง” “อ้าวเติร์ด แอบหนีเรียนมาเหรอ กลับไปเรียนเลยนะ” “ช่วงเปลี่ยนคาบ ยังพอมีเวลาพี่ปราง” เติร์ดเดินเข้าไปใกล้มะปรางพร้อมกระซิบกระซาบบอกในสิ่งที่รู้มา “เห็นว่าหลังสนามเด็กเล่นมีอุโมงค์ใต้ดิน แถมยังมีคนเข้าออกในตอนกลางคืนด้วย ต้องเป็นพวกเอเยนต์ค้ายาแน่ ๆ เราอาจจะมีช่องทางค้าขายเหล้าเถื่อน เป็นไงพี่ปรางติดต่อทำธุรกิจด้วยไหม” “ห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นนะ ห้ามยุ่งเด็ดขาด” “ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว แล้วให้ตามตระเวนสืบทำไม” “รู้ไว้ใช่ว่า...” “…ใส่บ่าแบกหาม” เติร์ดต่อประโยคสำนวนของมะปรางด้วยความเข้าใจในความหมาย “รู้ไว้ไม่เสียหาย แต่เสี่ยงตายเลยนะพี่ปราง” “เอาน๊า ถึงเราจะทำผิดไปบ้าง แต่ก็ใช้ว่าจะโลภจนไม่ลืมหูลืมตา ไปเรียนได้แล้ว แล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครล่ะ เดี๋ยวอายุสั้น” “เรื่องนี้พี่ปรางรู้แค่คนเดียว ก่อนไปเรียนขอเงินกินข้าวหน่อย” เติร์ดแบมือขอเงินกับมะปรางตามนิสัย มะปรางจึงหยิบธนบัตรใบสีแดงสองใบจากกระเป๋าสะพายให้กับเติร์ดอย่างไม่เรื่องมาก “ใช้ประหยัด ๆ ล่ะ เรื่องคืบหน้ายังไงก็มาบอกด้วย” “จัดไปพี่ปราง” “เดี๋ยวก่อน เด็กผู้ชายใส่แว่นที่ยืนรออยู่ตรงนั้นใครอ่ะ เพื่อนเหรอ?” “นั่นไอ้เซนเด็กใหม่ มันดูฉลาดดีก็เลยคบเอาไว้ให้มันช่วยทำการบ้าน” “หัวหมอนักนะ ยังไงก็ระวังตัวด้วยล่ะ” เติร์ดพยักหน้าให้มะปรางก่อนจะหันหลังเดินไปหาเซนที่ยืนรออยู่ มะปรางหยิบโทรศัพท์มือถือต่อสายหาเตชินทันที เพราะต้องการบอกเบาะแสเพิ่มเติมกับเขา “รู้ก่อนหนูอีกแล้ว คงไม่ต้องมีหนูร่วมทีมก็ได้มั้ง” มะปรางทำสีหน้าบูดบึ้งเมื่อเตชินรู้เรื่องอุโมงค์หลังสนามเด็กเล่น ก่อนเธอไปตั้งหนึ่งวัน “ทำไมต้องทำหน้างอนแบบนั้นด้วยล่ะ เฮียต้องการหนูมาร่วมทีมนะ มานั่งนี่มา” เตชินปรับเบาะที่นั่งเล็กน้อย ก่อนเอื้อมมือไปดึงมะปรางที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ ให้ขึ้นมานั่งบนตักแกร่งของเขาแทน เขาจูบขมับคนตัวเล็กเบา ๆ เมื่อเห็นเธอยังชักสีหน้าบูดบึ้งอยู่ “อื้อ! ถึงหนูจะรู้จักกับพี่โสหลายคนแต่หนูก็ไม่ใช่เด็กโสนะ” “เด็กโสอะไรกัน หนูเป็นเด็กเฮียต่างหาก” “ชอบปั่นหัวให้คนอื่นใจอ่อนอยู่เรื่อย ทะ...ทำอะไร” มะปรางอุทานด้วยความตกใจเมื่อเตชินเลื่อนนาฬิกาและสร้อยข้อมือที่ถักด้วยเชือกหลากสีขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยสักขนาดเล็กที่อยู่ตรงบริเวณข้อมือข้างซ้ายของเธอ รอยสักนี้คือรหัสที่แสดงถึงตัวตนของเขา ชายหนุ่มคิดไตร่ตรองอยู่นานว่าทำไมมะปรางถึงสามารถเข้าไปในห้องส่วนตัวของเขาได้ ทั้ง ๆ ที่มันต้องสแกนรหัสผ่าน ซึ่งเป็นตัวตนของเขาเท่านั้นประตูถึงจะเปิดออก “เด็กแสบ! สักไว้นานแค่ไหนแล้ว” เขาตำหนิเด็กสาวเสียงเบา ก่อนจะเอ่ยถาม “...” ไร้ซึ่งการตอบกลับของมะปราง เธอหันหน้าหนีเขาไปทางอื่นพลางทำหน้ามุ่ยกลบเกลื่อน ก่อนจะดึงเครื่องประดับลงมาปกปิดรอยสักเอาไว้ “ถ้าเฮียเปลี่ยนรหัสตัวตน หนูจะลบรอยสักนี้ออกไหม” “คุณไม่สามารถเปลี่ยนได้หรอก เพราะรหัสนี้มันจะติดตัวคุณไปจนตายนั่นแหละ” “รู้ดี” “ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวกลับก่อน” “จะรีบไปไหน” “หนูจะกลับบ้าน” “เดี๋ยวเฮียไปส่ง” “ไม่เอา คุณแฝงตัวเป็นตำรวจอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปทำงานของคุณเถอะเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยเอาหรอก” “เดี๋ยวก่อน” เตชินเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนตอนที่มะปรางกำลังจะลุกออกไป​ เขารั้งใบหน้าสวยเข้ามาจูบ​แนบชิด​ ริมฝีปากอวบอิ่มอ้ารับเรียวลิ้นที่พยายามสอดเข้ามาหยอกล้อในโพรงปาก​ รสจูบละเมียดละไม​แปรเปลี่ยนมาดูดดื่ม​เร่าร้อนจนมะปรางหายใจแทบไม่ทัน​ เธอผละจูบออกแล้วโกยอากาศหายใจเข้าปอด​ เตชินดึงดัน​จะจูบต่อแต่มะปรางห้ามเอาไว้ได้ก่อน “อย่าค่ะ” “เฮียคิดถึง​หนู” เขาพูดเสียงออดเสียงอ้อน “อย่ามาอ่อยนะ​ เดี๋ยวรถโยก” “เคยทำเหรอ” “ไม่เคย​ แต่มั่นใจว่าทำเป็น” “อยากลองจัง” เขาพูดจาทะเล้นใส่​ มือหนาวางข้างพวงแก้มพลางเกลี่ยนิ้วหัวแม่มือไปมาเบา ๆ “น่าเสียดายที่วันนี้เมนส์หนูมา​ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ร้องไม่ออก” “ขนาดนั้นเชียว” “ยิ่งกว่านั้นแน่นอน​ค่ะ” เด็กสาว​จอมแก่นพูดอวดโอ้สรรพคุณ​ตัวเอง​ขนาด​นี้​ใครจะไม่อยากลิ้มลอง​ กับคนอื่นมะปรางด่าเรียบ​ แต่กับเตชินเธอมีแต่คำหวาน ๆ​ หยอดใส่​ หลายปีที่ต้องจากกันไป​ เธอตั้งปฏิญาณ​ไว้แล้วว่าถ้าเขากลับมาอีก​ครั้ง​ เธอจะจีบเขาให้ได้ “เฮียจะรอนะ​” เขาพูดแล้วดึงหน้าผากมนมาจูบ​อีกครั้​ง มะปรางแอบอมยิ้มไม่หุบขณะที่​ขยับตัวลงจากตักแกร่ง​ เธอก้าวขาลงไปจากรถยนต์โดยมีเตชินยิ้มและมองตามอย่างไม่ละสายตา​ เขามองเธอเดินจากไปเงียบ ๆ อยู่ภายในรถ นานนับนาทีกว่าเขา​จะ​ยอมสตาร์ทรถแล้วเร่งเครื่องออกไปยังที่ทำงาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD