“แม่...ปรางไปทำงานก่อนนะ” มะปรางตะโกนพูดหลังจากที่แต่งตัวเสร็จสรรพ เธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก แม้รายได้จะน้อยนิดแต่ก็เป็นงานสุจริตเพียงหนึ่งเดียวที่เธอทำอยู่
“อย่าไปมีเรื่องมีราวกับใครเขาอีกล่ะ” ประโยคสุดฮิตที่แม่มะลิมักจะบอกกับลูกสาวก่อนไปทำงาน มะปรางหยิบกระเป๋ามาคล้องบ่าแล้วเดินไปสวมใส่รองเท้าผ้าใบอย่างเคยชิน
“ถ้าไม่มีใครมาหาเรื่องปรางก่อน ปรางก็จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวนะแม่นะ” พูดจบมะปรางก็เดินออกไปจากบ้านในทันที
“จริง ๆ เลยลูกคนนี้ เหมือนพ่อมันไม่มีผิด” คนเป็นแม่พูดตามหลัง ลูกสาวตัวดีมีหรือจะสะทกสะท้าน
ณ ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์
“ไงคะพี่เต ทายสิว่าพวกเราอยู่ที่ไหนเอ่ย” คาริสาเอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มอย่างยียวนกวนประสาท โดยมีเรติกาถือกล้องสำหรับวิดีโอคอล
‘มาทำอะไรอยู่ที่นี่ ถ้าจะมาป่วนงานของฉันก็รีบไสหัวกลับไป ก่อนที่ฉันจะโทรบอกผัวพวกแกให้มาลากคอกลับไป’
“อร้ายไอ้เต อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ” เรติกาส่งเสียงกรีดร้องลั่น มนุษย์ผัวคือสิ่งมีชีวิตที่เธอเกรงกลัวที่สุด ต่างจากคาริสาที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“นี่เต...พวกเราสองคนแค่มาเที่ยวไม่เห็นต้องทำหน้าหงุดหงิดขนาดนั้นเลย”
‘แกนั่นแหละตัวดีเลยยัยเคส มาทำอะไรที่นี่บอกฉันมา’
“ก็บอกไปแล้วว่ามาเที่ยว”
‘สาบานให้ผัวแกมีเมียน้อยสิ’
“อร้ายย! ไอ้เตปากเสีย”
‘จะบอกได้หรือยัง’
“ยอมบอกก็ได้...” เรติกาพูดพร้อมหันไปมองหน้าคาริสา ทั้งคู่บิดยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “คือฉันกับยัยเคสเราวางแผนว่าจะมีลูก...”
‘นี่...พวกแกสองตัวไปแอบกินกันตั้งแต่ตอนไหน?’
“โอ๊ยไม่ใช่อย่างนั้น ฉันจะมีลูกอีกคนให้เฮียปีย์ ส่วนยัยเคสก็จะยอมมีลูกคนแรกให้กับแดเนียล”
‘แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่พวกแกสองตัวมาอยู่ที่นี่’
“เอ้า...พวกฉันก็จะหาเมียให้แกก่อนมีลูกไง”
‘ไม่ต้องยุ่ง! เรื่องของคนอื่นน่ะให้มันน้อย ๆ หน่อย’
“ไม่ได้เว้ยเต เรื่องนี้พวกเราซีเรียส เพราะว่าเรื่องผู้หญิงของแกมันห่วยแตกเป็นที่หนึ่ง” เป็นคาริสาที่พูดประโยคนั้นออกมา
‘ฉันมาทำงาน ไม่มีเวลาว่างมานั่งให้แกจับคู่หรอกนะ’
“ฉันรู้นะ” คาริสาพูดพลางยิ้มกริ่มทำให้เตชินถึงกับเสียวสันหลังวาบ เพราะว่าคนอย่างคาริสา ถ้าหากรู้เรื่องอะไรแล้ว เธอจะต้องตามหาความจริงจนถึงที่สุด “เด็กคนที่แกละเมอถึงบ่อย ๆ เธออยู่ที่นี่?”
‘ไร้สาระ’
“เดี๋ยวก็รู้...ว่าไร้สาระจริง ๆ หรือเปล่า”
พูดจบ คาริสาก็กดตัดสายวิดีโอคอลทิ้ง ก่อนจะหันมาหัวเราะกับเรติกาอย่างรู้สึกสะใจ
“อ๊ากกกกก!”
เสียงร้องโหยหวนของผู้ชายจากโต๊ะข้าง ๆ ทำให้คาริสาและเรติกาต่างหันไปมองและรีบลุกขึ้นยืนในทันที เมื่อของกินบนโต๊ะข้าง ๆ กระจัดกระจายและกระเด็นมาเกือบโดนตัวของพวกเธอ
หนึ่งในนั้นถูกปากกาปักลงที่หลังมือจนเลือดไหลนอง จึงทำให้พวกอีกสองคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเดียวกัน เอะอะโวยวายและทำลายข้าวของภายในร้าน ส่งผลให้ลูกค้าคนอื่น ๆ ต่างก็แตกตื่นไปด้วย
“ทำแบบนี้ได้ไงวะ พวกกูเป็นลูกค้านะเว้ย”
ผู้จัดการร้านรีบมาห้ามปรามพลางตำหนิคนของตัวเองที่ทำเกินกว่าเหตุ
“ทำไมถึงทำแบบนี้”
“นะ...หนูขอโทษนะคะพี่ก้อย ก็เพื่อนพี่เขาจับก้นหนู หนูตกใจเลยปัดมือเขาออก อึก! หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
“เฮ้ย! ทำแบบนี้กับผู้หญิงได้ไงวะ” เรติกาตะโกนพูด ก่อนที่จะมีใครบางคนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและแรง
“ถึงยังไงกูก็ไม่ยอม...”
ผัวะ! อั่ก!
ขาเรียวเล็กเตะตรงกลางหน้าอกของผู้ชายที่กำลังพุ่งจะไปเอาเรื่องเด็กเสิร์ฟคู่กรณีอย่างแรง
“วอนแล้วอีนี่ สะเออะนักนะมึงอีมะปราง”
การกระทำของมะปรางทำให้เรติกาหยุดชะงัก เธอและคาริสามองดูเด็กคนนั้นอย่างเอาใจช่วย
“มึงสิวอน ทำเรื่องมักง่ายจนเป็นสันดาน”
“มึงอยากเจ็บตัวนักใช่ไหมอีมะปราง!”
คนร่างโตกว่าพุ่งไปกระชากผมที่ถักเปียของมะปรางโดยไม่สนว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ว่ายังไงก็เอาชนะเขาไม่ได้ เด็กสาวกระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องของอีกฝ่ายอย่างแรง เรติกาหาจังหวะช่วยเด็กสาวแต่ก็ถูกกีดกันจากผู้ชายอีกคน เธอจึงปล่อยหมัดเข้าที่เบ้าหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรงจนเขาเสียหลัก จากนั้นจึงบิดล็อกแขนให้ไขว้หลังแล้วเตะข้อพับให้คุกเข่าลง ขณะที่มะปรางเสียท่าให้คู่ต่อสู้ของตัวเอง ถึงแม้จะสู้ไม่ได้แต่เธอก็สู้ไม่ถอย มะปรางยกหม้อที่มีน้ำซุปร้อน ๆ หวังจะเอาสาดใส่อีกฝ่าย แต่ก็ถูกห้ามไว้โดยผู้จัดการร้านและเพื่อน ๆ เด็กเสิร์ฟที่ทำงานที่เดียวกันกับเธอ
“ปล่อยเว้ย” ผู้ชายที่อยู่ในพันธนาการของเรติกาสะบัดร่างกายให้หลุดพ้น แล้วเดินไปรวมตัวกับเพื่อนของตัวเอง
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ มะปรางขอโทษลูกค้าเขาซะ” ผู้จัดการร้านพยายามพูดเกลี้ยกล่อมไม่ให้ลูกค้าสองคนนั้นเอาเรื่อง โดยการให้มะปรางเป็นฝ่ายขอโทษ ในขณะที่เรติกาและคาริสาต่างก็ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย
“ทำไมปรางต้องขอโทษคนประเภทนี้ด้วย พวกมันสมควรโดนโยนออกไปจากร้านนี้ด้วยซ้ำ ถ้าพี่ก้อยทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าพี่กำลังสนับสนุนคนพวกนี้อยู่นะคะ”
“พี่ต้องการให้เรื่องมันจบ”
“แล้วเพื่อนปรางล่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าทุกอย่างมันจบ ก็ขอให้มันแล้วไปเถอะค่ะ หนูขอโทษพวกพี่ด้วยนะคะ ค่ารักษาพยาบาลหนูจะออกให้ค่ะ” เด็กเสิร์ฟคู่กรณีกล่าวไกล่เกลี่ยด้วยตัวเอง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
“ไม่ได้นะ”
“มะปราง! พี่ไล่เธอออก” มะปรางนิ่งอึ้งกับประโยคพูดของผู้จัดการร้าน เธอแกะผ้ากันเปื้อนที่พันอยู่รอบเอวของเธอโยนลงกับพื้นอย่างประชดประชัน
พรึ่บ!
“ไม่ต้องไล่หรอกค่ะ ปรางไปแน่” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนที่ทำงานร่วมกัน “พวกเธอทุกคนฟังนะ ถ้ายังคิดจะทำงานรองมือรองตีนแบบนี้ต่อไป ลองคิดดูให้ดี ๆ แล้วกันนะ ว่ามันสมควรแล้วเหรอ ที่เราจะต้องยอมให้ไอ้พวกเหี้ยนี้ทำเรื่องเลวทรามเป็นเรื่องปกติ ถึงเราเป็นเด็กเสิร์ฟแต่เราก็เป็นคน ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของพวกหน้าตัวเมีย”
พูดจบ มะปรางก็เดินเข้าไปเก็บข้าวของของตัวเองหลังร้าน แล้วรีบออกไปจากร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ในทันที คาริสาและเรติกาต่างก็มองตามเด็กสาวอย่างไม่ละสายตา เด็กคนนี้เธอไม่ธรรมดาจริง ๆ
“ชื่อมะปรางงั้นเหรอ?” คาริสาเอ่ยทวนชื่อของเด็กสาวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา สีหน้าของเธอดูราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนที่เรติกาจะเอ่ยพูดเชิงคำถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ เด็กคนนี้ใช่ไหม? ว่าที่เมียเพื่อน”