“ไม่ค่ะ”
คราวนี้ดวงตาของวาดดาวแน่วแน่ไม่มีความหวั่นไหวเลย เซเลน่าเห็นแล้วก็ผิดหวังยิ่งนัก
“ดาวทนเห็นพี่ถูกฆ่าได้อย่างนั้นเหรอ”
วาดดาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ช้อนตาขึ้นประสบประสานกับคู่สนทนาอย่างอ่อนใจ
“บ้านเมืองมีกฎหมาย ไม่มีใครฆ่าแกงกันได้ง่ายๆ หรอกค่ะ”
“ได้สิ ในเมื่อพวกมันเป็นมาเฟียน่ะ”
วาดดาวหรี่ตามองด้วยความเคลือบแคลง “แล้วพี่เซไปรู้จักกับมาเฟียพวกนั้นได้ยังไงกันคะ”
“คือพี่...” เซเลน่าอึกอักพูดไม่ออก แต่พอเห็นวาดดาวจะเดินหนีหล่อนจึงต้องรีบโพล่งออกมา
“ก็เรื่องเมื่อคืนไงล่ะ ในบ่อนน่ะ”
“ไหนพี่เซบอกว่าไม่ได้เล่นยังไงล่ะคะ” วาดดาวครางออกมาอย่างผิดหวังเป็นที่สุด
“พี่... พี่กลัวดาวจะโกรธก็เลยโกหกน่ะ”
คนฟังอย่างวาดดาวหัวเราะเยาะออกมา “คนอย่างพี่เซเคยคิดเกรงใจดาวด้วยเหรอคะ พอเถอะค่ะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะหัวเด็ดตีนขาดยังไง ดาวก็ไม่มีวันยอมเป็นขโมยหรอก”
“ดาว”
“ขอตัวนะคะ ดาวต้องรีบไปทำงาน” วาดดาวเดินผ่านไปโดยไม่คิดจะสนใจเสียงเรียกของเซเลน่าอีก หล่อนต้องใจแข็งเอาไว้ หล่อนจะทำเลวมากกว่าที่เป็นอยู่ไม่ได้อีก ห้ามเลวมากกว่านี้แล้ว
“ถ้าดาวไม่ช่วยพี่... พี่จะกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้”
จากที่เคยก้าวไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง ตอนนี้สองเท้าชะงักค้าง วาดดาวตัวสั่น ค่อยๆ หมุนตัวกลับหลัง ภาพที่เห็นก็คือร่างของเซเลน่าปีนขึ้นไปอยู่บนราวระเบียง
“พี่เซ...” หล่อนทำงานอยู่ชั้นที่ห้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ทำให้รู้ดีว่าถ้าเซเลน่าตัดสินใจกระโดดลงไปจริงๆ ก็คงไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ
“ในเมื่อดาวไม่ช่วยพี่... พี่ก็ตายเสียเดี๋ยวนี้ดีกว่า”
“พี่เซ... ลงมาเถอะค่ะ มันอันตราย”
วาดดาวขยับเท้าเข้าไปใกล้ๆ ทีละนิด “ลงมาพูดกันดีๆ เถอะค่ะ ถ้าพลัดตกลงไปพี่เซจะแย่นะคะ”
“ถ้าไม่คิดจะช่วยก็ไม่ต้องมากล่อมเสียให้ยาก เพราะถึงพี่ไม่ตายตอนนี้ อีกไม่กี่วันก็ต้องตายอยู่ดี”
ทั้งๆ ที่แสนจะหวาดกลัวความสูง แต่มันคือทางเดียวที่จะทำให้วาดดาวใจอ่อน
“พี่เซ... ลงมาเถอะค่ะ ดาวขอร้อง”
“ไม่!” เซเลน่าเสียงแข็ง และบีบน้ำตา “ในเมื่อคำสั่งเสียของพ่อที่บอกให้ดาวดูแลพี่มันไม่มีศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว พี่ตายเสียดีกว่า ดาวไปเถอะ อย่ามาสนใจพี่เลย”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่เซ แต่สิ่งที่พี่เซขอ... ดาวทำไม่ได้”
“ทำไม่ได้... งั้นก็ปล่อยให้พี่ตายเถอะ”
“อย่านะพี่เซ... อย่า!” วาดดาวร้องอุทานตกใจเมื่อเห็นเซเลน่าปีนออกไปเกาะอยู่นอกระเบียงตึก
“อยู่ไปก็ไม่มีใครรัก ตายเสียดีกว่า”
“พี่เซคะ เรามาคุยกันดีๆ เถอะนะคะ”
“ไม่... พี่จะกลับเข้าไปก็ต่อเมื่อดาวรับปากพี่เท่านั้น”
วาดดาวส่ายหน้าน้อยๆ แสนลำบากใจ นี่หล่อนจะทำยังไงดี จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี “ให้ดาวทำอย่างอื่นแทนได้ไหมคะพี่เซ”
“ไม่ได้! พี่ต้องการแค่สิ่งที่ขอเท่านั้น ถ้าดาวทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับพี่อีก คอยเก็บศพที่แหลกเหลวของพี่ก็พอ”
เซเลน่าแสร้งทำเป็นจะปล่อยมือ วาดดาวตกใจแทบช็อก กรีดร้องลั่น
“พี่เซ... อย่าค่ะ อย่า... ดาว... ดาวยอมแล้วค่ะ”
รอยยิ้มพึงพอใจเปื้อนใบหน้าที่มีแต่กระของเซเลน่า ก่อนที่จะถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิด “ดาวจะหลอกพี่ใช่ไหม ถ้าพี่กลับเข้าไป ดาวก็จะบอกว่าดาวไม่ทำ”
“พี่เซก็รู้ว่าถ้าดาวรับปาก ดาวก็ต้องทำ ได้โปรดกลับเข้ามาเถอะค่ะพี่เซ ข้างนอกลมแรงมาก ถ้าพลัดตกไปจริงๆ อันตรายมากนะคะ”
“แน่ใจนะว่าไม่หลอกพี่”
“ค่ะ”
วาดดาวยืนยัน ขณะขยับเข้าไปใกล้ทีละนิด จนในที่สุดก็คว้ามือของเซเลน่าเอาไว้ได้ เด็กสาวเป่าปากอย่างโล่งอก
“ขอบคุณพระเจ้า...”
“ดาวต้องไม่โกหกพี่นะ”
เซเลน่ายังคงถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
วาดดาวพยักหน้ารับน้อยๆ
“ค่ะ ดาวจะไม่โกหกพี่เซ แต่ต่อจากนี้ไปพี่เซจะต้องไม่เข้าบ่อนตามนายแฟรงก์อะไรนั่นอีกแล้วนะคะ”
“พี่สัญญา ขอบใจมากนะดาว” เมื่อกลับเข้ามาภายในตัวตึกได้ก็แสร้งทำเป็นสวมกอดน้องสาว “พ่อคิดไม่ผิดเลยที่สั่งเสียให้ดาวดูแลพี่ ขอบใจอีกครั้งนะ”
วาดดาวไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก นอกจากยืนหน้าเศร้าซึมเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองจะต้องลงมือทำตามคำสั่งของพี่นอกไส้อย่างเซเลน่าคนนี้
เมเตโอนั่งเอกเขนกรับอากาศบริสุทธิ์ยามเย็นอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำใหญ่ภายในคฤหาสน์หรู มือหนาสีแทนยกแก้วสวยสีใสที่มีไวน์แดงอยู่ภายในเล็กน้อยขึ้นมาจิบอย่างอารมณ์ดี
เขาชอบนั่งมองเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแบบนี้ ชอบมองเวลาที่ท้องฟ้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำลงเรื่อยๆ มันให้ความรู้สึกเงียบสงบจนน่าหลงใหล
“คุณแม็ตคะ โทรศัพท์ค่ะ”
เสียงของสาวใช้ดังขึ้น เมเตโอหันไปมองก่อนจะเอื้อมมือรับโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“ขอบใจมาก”
สาวใช้รู้หน้าที่จึงถอยห่างออกไปยืนอยู่ใกล้ๆ ในขณะที่เมเตโอทักทายไปตามสาย
“เมเตโอครับ”
เสียงตอบกลับมาจากสายสนทนาทำเอาชายหนุ่มยิ้มกริ่ม จากที่เคยเอนกายกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งตัวตรงเลยทีเดียว
“นึกว่าพอมีเมียแล้วจะไม่นึกถึงเพื่อนเสียอีก เจ้าธีโอ” เมเตโอหัวเราะร่วน “ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง ชีวิตในกรงวิวาห์น่ะ อะไรนะ? มีความสุขดี? ฉันไม่เชื่อนายหรอก อย่ามากล่อมให้ฉันหาเมียเลยดีกว่า อ้อ ว่าแต่เจ้าเคนมันติดต่อมาบ้างหรือเปล่า มันเงียบๆ ไปนะช่วงนี้น่ะ” ชายหนุ่มยังคงพูดคุยเพื่อนรักสมัยเรียนยังสนุกสนาน “ว่าแล้วทำไมหายไป ที่แท้เมียท้องนี่เอง เออ... นายล่ะ เมียท้องหรือยัง ฉันจะได้หาซื้อของใช้เด็กอ่อนทีเดียวเลย” เมเตโออมยิ้มนั่งฟังคำพูดของธีโออย่างอารมณ์ดีเช่นเดิม “ถ้ายังก็รีบๆ เข้าเดี๋ยวตามเจ้าเคนมันไม่ทัน อ้อ ถ้ามีลูกแฝดแบ่งฉันสักคนนะ จะขอมาเป็นลูกบุญธรรมน่ะ คุณปู่จะได้เลิกมองหาผู้หญิงให้ฉันเสียที ตอนนี้กรอกหูฉันเช้าเย็น เช้าเย็น จนฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว” สองหนุ่มโทรศัพท์คุยกันนานเกือบยี่สิบนาทีเลยทีเดียว กว่าจะวางกันไป
“ลีน่ามาเอาโทรศัพท์ไปเก็บ อ้อ แล้วเอาไวน์มาให้อีกขวดด้วย” เมื่อวางสายจากธีโอแล้วก็กวักมือเรียกสาวใช้เข้ามาหา
“ค่ะคุณแม็ต”
สาวใช้รีบยื่นมือรับโทรศัพท์จากเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะเดินหายไปทันที
เมเตโออมยิ้มบางๆ ขณะเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ยาวอีกครั้ง ดวงตาคมกริบสีทองจ้องขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้ม
“เมียหรือ... ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหนเลย”