ตอนที่ 1
เอี๊ยดดดด.... โครม!!!
เสียงล้อรถครูดกับพื้นถนนดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกับร่างเล็กในชุดขะมุกขะมอมล้มกลิ้งอยู่ด้านหน้า
“เฮ้ย... โผล่มาจากไหนวะ”
เมเตโอ แฟร์มาเลน มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อสบถเสียงดังลั่นในรถ ทั้งตกใจ ทั้งแคลงใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะรีบกระโจนลงไปจากรถเพื่อดูคนเจ็บ
ภาพที่เห็นก็คือเด็กผู้ชาย... ไม่สิ... นี่มันเด็กผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นผู้ชายต่างหาก เมเตโอหรี่ตาแคบมองสภาพของคนเจ็บที่ร้องโอดครวญดังเกินกว่าเหตุอย่างรู้ทัน
“เป็นยังไงบ้างล่ะไอ้หนู”
“ก็เห็นอยู่ว่าเจ็บหนักเนี่ย!”
วาดดาว บุญตานนท์ เด็กสาวจรจัดวัยสิบแปดปี แต่ความสามารถในการดิ้นรนเอาตัวรอดในโลกใบนี้ล้ำหน้าเกินกว่าอายุมากนัก เพราะหล่อนปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เล็ก ท่ามกลางความเห็นแก่ตัวของทุกคนบนโลก
จะว่าไปแล้วชีวิตของวาดดาวก็น้ำเน่าไม่แพ้นางซินเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดมา หน้าแม่หน้าพ่อแท้ๆ เป็นเช่นไรหล่อนยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จำได้ว่าตอนเด็กๆ มีเศรษฐีใจบุญชาวอเมริกาที่มีภรรยาเป็นคนไทยมาขออุปการะ ชีวิตของหล่อนก็แลดูเหมือนจะมีความสุขใช่ไหม แต่ไม่ใช่เลย เมื่อมารดาบุญธรรมเกิดคบชู้ พ่อบุญธรรมจึงขับไล่ไสส่งมารดาออกจากบ้าน รวมถึงหล่อนด้วย
มารดาบุญธรรมพาหล่อนมาทิ้งเอาไว้ข้างทาง ก่อนจะหนีหายไปกับชู้รักวัยละอ่อน และถ้าไม่ได้ตาฝรั่งแก่ๆ เก็บมาอุ้มชู ป่านนี้ชีวิตของหล่อนก็คงจะไม่เหลือแล้ว
“ถ้ารู้ว่าเจ็บ แล้วทะเล่อทะล่าวิ่งตัดหน้ารถทำไมกันล่ะ”
“เอ๊ะ นี่นาย... ชนคนเจ็บแล้วคิดไม่รับผิดชอบหรือไง”
วาดดาวโกรธจนลืมอาการเจ็บ หล่อนผุดลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับผู้ชายตัวสูงมากที่เป็นเจ้าของรถ ต้องการจะข่มขู่เขา แต่ให้ตายเถอะ ความสูงของหล่อนได้แค่บ่ากว้างของผู้ชายตรงหน้าเท่านั้นเอง
“ฉันก็ยังไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่รับผิดชอบ”
เมเตโอกวาดตามองชุดมอมแมมคล้ายกับว่าลืมซักมาสักเดือนของเด็กทะโมนตรงหน้าเห็นใจ
“แต่นายจงใจบอกว่าฉันกระโดดมาขวางหน้ารถนายนี่”
วาดดาวยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่หลุดออกมาจากยางมัดสีดำอย่างหงุดหงิด พลางจ้องหน้าผู้ชายตัวสูงอย่างพิจารณา ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างวิ่งพล่านในอก
รู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องอย่างประหลาด
บ้าจริง! วาดดาวสบถในใจ ก่อนจะรีบตั้งสติ
“หรือไม่จริงล่ะ”
“ไม่จริงสักหน่อย! นายต้องรับผิดชอบกับบาดแผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายของฉันทั้งหมด”
เมเตโอส่ายหน้าน้อยๆ เอือมระอากับเด็กสาวตรงหน้า ไม่ต้องให้หล่อนสารภาพ เขาก็รู้ทันว่าตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ แต่เพราะเจ้าหล่อนน่าสงสาร เขาจึงเลือกที่จะไม่ใจแข็ง
“แล้วต้องการค่าทำขวัญเท่าไหร่ล่ะ”
“สองพันเหรียญ ไม่มากไปใช่ไหม”
ไหล่กว้างของเมเตโอไหวน้อยๆ “สำหรับฉันมันไม่มากไปหรอกกับเงินจำนวนเล็กน้อยแค่นี้น่ะ”
วาดดาวลอบยิ้มยินดี ก่อนจะรีบซ่อนเร้นเอาไว้ “งั้นก็จ่ายมาสิ เราจะได้แยกย้ายกันกลับ”
“พูดเหมือนขายขนมเลยนะ”
“ฉันไม่ได้ขายขนม แต่ฉันกำลังทวงค่าเสียหายที่ตัวเองสมควรจะได้รับ” วาดดาวยื่นมือออกไปข้างหน้า และแบมือออก “สองพันเหรียญ อย่าชักช้าสิ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะเปลี่ยนใจขึ้นไปสามพันเหรียญก็ได้นะ”
เมเตโอหัวเราะขบขันในลำคอ “เธอนี่มันเขี้ยวจริงๆ เลย ถามหน่อยเถอะ ซ้อมนานไหมไอ้ท่ากระโดดตัดหน้ารถแล้วให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดน่ะ”
เมื่อถูกถามแทงใจดำทำให้ดวงหน้านวลซีดลง แต่ไม่ช้าวาดดาวก็รีบกลบเกลื่อน
“ซ้อมบ้า ซ้อมบออะไรกันล่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ นายก็เห็นนี่”
“อย่างนั้นหรือ”
“ใช่ จ่ายเงินมาได้แล้ว ฉันจะรีบกลับบ้าน”
ชายหนุ่มแค่นยิ้มบางๆ ไม่พอใจนักกับการถูกข่มขู่ แต่เพราะสงสารจึงไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วย มือใหญ่หยิบกระเป๋าสตางค์สีดำออกมาจากกางเกงขายาว
วาดดาวชะเง้อคอมองธนบัติจำนวนมากในกระเป๋าสตางค์ของผู้ชายตรงหน้า
“นายรวยจริงๆ ด้วย”
เมเตโอเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าของเด็กสาว “ถ้าอยากรวยบ้างก็ขยันทำงาน อย่าขี้เกียจ”
“ถ้าคนอย่างฉันขี้เกียจ โลกนี้ก็คงไม่มีคนขยันแล้วล่ะ” วาดดาวพึมพำอย่างเหนื่อยใจ “นายรู้หรือเปล่าว่าวันๆ ฉันทำงานกี่อย่าง แต่ถึงจะทำเยอะแค่ไหน มันก็ยังไม่พอกินพอใช้อยู่ดี”
มือใหญ่ที่ถือเงินอยู่ชะงักเมื่อได้ยินคำพูดเศร้าหมองของคู่สนทนา ดวงตาสีทองหรี่แคบ
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอลำบากขนาดไหน แต่อยากจะบอกว่าเด็กสาวอายุขนาดเธอน่ะ ควรจะตั้งใจร่ำเรียนหนังสือ ไม่ใช่ออกมาเดินไปมาตามถนนแบบนี้”
“แล้วนายคิดว่าฉันไม่อยากเรียนหรือไงล่ะ” วาดดาวหันไปพูดเสียงดังใส่เมเตโอ ก่อนจะรีบตั้งสติ “นายเป็นคนอื่น ฉันไม่ควรจะพูดอะไรกับนายด้วยซ้ำ ไหนเงินค่าทำขวัญฉันล่ะ จ่ายมาสักที ฉันจะรีบไป”
เมเตโอส่งเงินในมือให้ “ให้ฉันพาเธอไปทำแผลก่อนไหม”
วาดดาวที่รับเงินไปแล้วชะงัก ก่อนจะส่ายหน้า “แผลแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ที่สำคัญฉันไม่อยากเสียเงินให้กับหมอน่ะ”
“ฉันจะจ่ายให้เอง”
“ขอบคุณ แต่ฉันต้องรีบไปจริงๆ” วาดดาวรีบเดินหนี แต่เสียงของผู้ชายด้านหลังก็ยังคงดังตามมา
“บ้านเธออยู่ท้ายซอยใช่หรือเปล่า”
เด็กสาวหันมามอง แต่ไม่ยอมตอบ ก่อนจะรีบวิ่งหายไป
เมเตโอถอนใจออกมาแรงๆ ก่อนจะขึ้นรถ และขับกลับบ้าน ตลอดทางก็อดรู้สึกสงสารเด็กสาวคนนั้นไม่ได้