เธออยากเตือนเขาจริงๆ มีคนขับรถแบบนี้ ชีวิตเจ้านายอาจจะสั้นได้
เขมขิมสะดุ้งหลุดจากภวังค์ เมื่อเสียงทุ้มต่ำถามอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น “จะนั่งเป็นแม่ย่านางรถอีกนานไหม ลงมาได้แล้ว ฉันหิวข้าว”
เขมขิมหน้าเหวอ ตกใจว่าเขาจอดรถตั้งแต่เมื่อไร แต่พอเหลือบเห็นแววตาดุๆของเขา มือไม้ก็สั่นรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วต้องขบเขี้ยว เคี้ยวฟันด้วยความเดือดดาลเมื่อมือแกร่งรุนหลังให้รีบเดิน
“เร็วหน่อย เดินนวยนาดอยู่นั่นแหละ”
หมียักษ์อารมณ์เสีย เพราะไม่ได้กินข้าวใช่ไหม
“หิวก็ไปกินคนเดียวสิ ฉันรออยู่ในรถ ฉันไม่หิว” ปลายน้ำเสียงเน้นหนักบ่งบอกว่าเริ่มไม่สบอารมณ์
“ใครว่าจะให้ลงมากินข้าว จะให้มาจ่ายค่าข้าวให้ที ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์มา”
เขมขิมเหวอหนักขึ้นไปอีก “อะไรนะ! จะให้ฉันจ่ายค่าข้าวให้” นี่มันวันอะไร
วันซวย ชัดๆ ถูกอุรังอุตังไถค่าข้าว
“ถูกแล้ว เธอเห็นใครนั่งในรถอีกนอกจากเธอ จ่ายไปก่อน เดี๋ยวผ่อนให้ทีหลัง”
“คนบ้า” เขมขิมแหว เดินเร็วๆอย่างขัดใจ
แววตาคมปลาบราวกับใบมีดของพนามองตามร่างสมส่วนนั้นไป
“นี่คุณ เดี๋ยวก่อน”
เขมขิมหยุดแล้วหันมามองคนบ่นหิวแต่ดูไม่รีบร้อนเลยสักนิด “อะไร ไหนบอกว่าหิวไง รีบไปกินสิ จะได้รีบกลับเข้าไร่”
“มีคนบอกไหมว่าจะทำงานด้านจัดซื้อ ต้องมีความอดทนต่อคนรอบข้าง”
“เรื่องนั้น ฉันมีแน่ค่ะ แล้วก็กำลังอดทนอยู่”"
“นอกจากซื่อสัตย์ โปร่งใส ยังต้องมีทัศนคติที่ดีกับผู้ร่วมงานด้วย”
“เราคงไม่ได้ร่วมงานกันบ่อยๆ ถ้าฉันจะออกจากไร่ จะพยายามไปใช้บริการลุงชมมากกว่าขอร้องคุณให้พาออกมา” ไร่พนาไพรดีทุกอย่าง ยกเว้นอยู่ลึกมาก หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัวแล้วคงต้องพึ่งรถจากทางไร่ขับออกมาส่ง
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ฝ่ายจัดซื้อ กับ คนขับรถคงไม่ต้องมีหน้าที่มาเจอกันบ่อยๆ”
พูดจบเขมขิมก็หมุนกลับสะบัดบ๊อบเดินไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ ชายหนุ่มร่างสูงก้มมองเสื้อผ้า รองเท้า บวกเข้าด้วยกันก็หลายหมื่น แล้วยังรถยนต์ราคาสิบกว่าล้าน
“เราดูแย่ขนาดนี้เลยเหรอวะ คนขับรถนี่นะ....”
พ่อเลี้ยงพนายกมือลูบคางสาก นึกเวทนาตัวเอง สงสัยว่างๆ เขาควรจะแวะไปร้านตัดผมที่ดีที่สุดในจังหวัด แต่ที่ไม่ไปอีกเพราะเขาเคยมีซัมติงกับเจ้าของร้านสาวสวย ตอนนั้นก่อนถอดเสื้อผ้าเธอบอกว่าได้หมด พอถึงสวรรค์ เจอทางแยก ทางใครทางมันได้เลย แต่พอหลังจากนั้น รุ่งเช้ามาก็ร้องไห้โวยวายให้เขารับผิดชอบ นับแต่นั้น เขาเลยไม่ได้ไปตัดผมอีก จะไปร้านอื่นก็ตัดไม่ถูกใจ
“ไม่เป็นไร ไปตัดแถวเชียงราย แม่ฮ่องสอนก็ได้วะ” เขาก้มดูกางเกงยีนส์ตัวละสองหมื่นเศษๆ แล้วเจ็บใจแม่ตัวดี
คอยดูเถอะ
“ปากแบบนี้ คิดว่าเธอจะผ่านโปร.ทดลองงานไหม ยัยตัวแสบ ได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งมาอ้อนวอนฉันแน่” พนาเก็บอารมณ์กรุ่นนั้นไว้ ครั้งแรกก็ว่าเขาหน้าแก่เกินวัย ไม่ทันไรยังหาว่าเขาเป็นคนขับรถ
“ฉันดูแย่ หรือเธอกันแน่ที่ตาไม่ถึง” พนาเสยผมแล้วรีบเดินตามหญิงสาวไป
ความคิดชั่วร้ายที่พลันผุดในสมองตอนถูกทักว่าหน้าแก่ ทำให้พนายิ้มเยาะเมื่อหญิงสาวที่ก้าวฉับๆ เพราะคิดว่าเขาเป็นคนขับรถที่จ้องจะยืมเงินเธอกินข้าวกรีดร้องเสียงหลง
“อะไรกัน นี่มันร้านเหล้า ไม่ใช่ร้านข้าว” เธอตาไม่ฝาดใช่มั้ย หญิงสาวถามตัวเองเช่นนั้นเมื่อเห็นสถานที่ตรงหน้า
ส่วนพ่อเลี้ยงพนาเอาแต่ยิ้มกริ่มชอบใจ หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสผิวนุ่มๆ ของนารี ไม่มียอดข้าวรสเลิศลงท้อง พ่อเลี้ยงหนุ่มที่ได้ชื่อว่ากินเหล้าเก่งที่สุดในกลุ่ม หรือเรียกอีกอย่างว่าไอ้ขี้เมาประจำกลุ่มถึงกับยิ้มร่า เมาได้ไม่เลือกร้าน แต่งานการเสือกไม่เคยเสีย ไอ้เหมเพื่อนรักของเขามันชอบบ่นแบบนี้
“ก็หิวยอดข้าวไงครับ มองอะไรเข้าไปสิ หิว หิวมากจะไม่กินแค่ข้าว ตอนนี้ของคาวๆ ก็กินได้หมด”
ดวงตาคู่หวานของเขมขิมเบิกกว้าง “ของคาว หมายความว่าไง”
ดวงตาเข้มแฝงรอยยิ้ม เขามองหน้าสวยจัดของคนถามนิ่งๆ แล้วเผยยิ้มน่าสะพรึงกลัว
“ที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ของคาว เวลาหิวก็กินได้ไม่เลือกนะ ถึงจะไม่ใช่สเปคก็เถอะ”
“ไอ้หมีบ้า”
“ว่าใครไอ้หมีบ้า” พนาถามเสียงเข้ม
“ใครอยากรับก็รับไปสิ อ้อ ไปส่องกระจกดูก็จะรู้ว่าฉันว่าใคร” เขมขิมว่าแล้วเบะปากใส่
พนาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทีกวนโมโห เขาไม่สนใจคำพูดของยัยตัวเล็กเพราะอีกหน่อยพอรู้ว่าเขาเป็นใครก็ต้องรีบเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน ว่าเขาเป็นหมีบ้า เดี๋ยวจะเป็นหมีบ้ากามแถมให้ด้วย
ขณะที่เขมขิมเบะปากเสร็จก็เดินหนี เขมขิมตาไม่ฝาด ร้านข้างหน้าดูยังไงก็ร้านเหล้า เธอถูกหลอกแล้ว
“ไหนคุณบอกว่าหิว ขอแวะกินข้าว แต่นี่มันร้านเหล้าชัดๆ” หัวใจดวงน้อยปานจะละลาย หน้าหวานๆอย่างเธอต้องเดินเข้าร้านนมปั่นสิ ไม่ใช่ร้านที่มีขายเหล้าปั่น ดูไปมา ร้านนี้เหมือนเป็นร้านที่มีนมผสมกับเหล้าเลย สาวๆ ในชุดรัดรูปโชว์นมล้นๆ ออกมากำลังยืนกวักมือ ทอดสะพานตาหวานฉ่ำให้หนุ่มหล่อที่ยืนข้างเธอ
นมเบ้อเร่อมาก เขมขิมก้มลงมองของตัวเองแล้วรู้สึกกลายเป็นสาวไซส์เล็กไปถนัดตา
“ไม่นะ ฉันไม่เข้า ฉันไม่กินเหล้า ไม่เข้าร้านเหล้าเด็ดขาด”
พนาส่ายหน้า ท่าทางไม่เชื่อถือ “น่าเชื่อตายล่ะ ไม่เข้าหน้าร้าน อย่างเธอ ฉันว่าไม่เดินเข้าหน้าร้าน แอบเข้าหลังร้านหรือเปล่าคนสวย” พนายิ้มหยัน
“นั่นปากเรอะ!”
“ฉันมันคนพูดตรง” คราวนี้พนาหัวเราะ ดวงตาคมกล้ากวาดมองคนตัวเล็กขึ้นลงด้วยสายตาประเมิน สวยขนาดนี้ไม่มีคนมาจีบบ้างหรือวะ
จู่ๆ พนาก็เกิดคำถามนี้ขึ้นในหัว ก่อนจะรีบสลัดความคิดนี้ทิ้งไป เพราะต่อไปอีกฝ่ายจะต้องมาเป็นลูกจ้าง นายจ้างที่ดีต้องไม่กินลูกจ้างสาว เหมือนสมภารไม่กินไก่วัด
“จะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง แต่ฉันไม่หิว ไม่เข้า” เขมขิมยืนกราน เชิดคางขึ้นสูงบอกว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเดินเข้าไป
ท่าทางดื้อรั้นแกมหยิ่งของคนตรงหน้าทำให้พนาพูดเสียงแข็ง