" แม่ แม่คะ เมื่อครู่หนูเจอพี่สาว กำลังจะพาเสี่ยวอิงเข้าเมือง พี่สาวให้หนูมาบอกแม่ว่าจะซื้อข้าวกับแป้งมาให้ด้วย ค่ะ "
" พี่สาวแกนี่นะ จะซื้อของมาให้แม่พระอาทิตย์วันนี้คงขึ้นผิดด้านเป็นแน่แท้"
" แม่ พี่สาวดูเปลี่ยนไปมากจริงๆ พูดกับหนูดีมากเลย อ้อ หนูไปเรียกอาเหวินให้รีบไปโรงเรียนก่อน จะได้ไปพร้อมพี่สาว เธอพาลูกสาวไปด้วย ช่วงนี้คนเข้าเมืองเยอะ "
" อืม ก็ดีไปเรียกน้องแกให้รีบหน่อยเดี๋ยวก็ไม่ทันรถอีก"
" ค่ะแม่"
ซีเหม่ย เคาะห้องน้องชายและเรียกอยู่ข้างนอก เมื่อซุนเหวิน ออกมาก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมกระเป๋า
" อาเหวิน พี่ใหญ่จะเข้าเมือง นายรีบออกไปหน่อยพี่ใหญ่รอนายอยู่ เดี๋ยวไม่ทันรถ "
" พี่ใหญ่ เข้าเมืองอีกแล้วเหรอปกติไปรถรอบสายไม่ใช่เหรอ"
" อืม วันนี้ไปแต่เช้าคงไปซื้อของเยอะ พาเสี่ยวอิงไปด้วย นายรีบไปเถอะถามอยู่ได้"
" อะไร ผมยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ"
" ตื่นสายเอง ไปได้แล้วนี่แป้งย่างเอาไปกินด้วย"
" ไปแล้วๆ พี่ใหญ่โตแล่วไม่หลงหรอกน่า"
" ช่วงนี้รถแน่นจะตาย พี่ใหญ่เป็นสาวงามเชียวนะ นายไปด้วยน่ะดีแล้ว "
" ครับ...รู้แล้ว แม่ครับผมไปเรียนแล้วนะครับ"
" อืม ฝากดูพี่แกด้วย อย่าให้ไปมีเรื่องกับใครเขาล่ะ"
" ครับแม่"
แม่จาง ยื่นหน้ามากำชับลูกชาย ลูกสาวคนโตเธอไม่น่าห่วงว่าใครจะหาเรื่องหรอก แต่ห่วงว่าจะไปมีเรื่องแล้วยังมีเด็กไปด้วยอีก เกิดเจอลูกหลงแย่เลย ลูกติดของลูกเขย ตัวก็เล็กน่าสงสารออกปานนั้น
" พี่ใหญ่ ทำไมวันนี้เข้าเมืองแต่เช้าได้ครับ" ซุนเหวิน ทักทายพี่สาว ที่ยืนรออยู่ตรงทางไปท่ารถ
" อาเหวิน พี่จะไปซื้อของและจะพาเสี่ยวอิงไปเดินห้างด้วย เสี่ยวอิง ทักทายคุณน้าก่อนจ้ะ"
" คุณน้า "
" อืม ไปกันเถอะ รถคงใกล้มาแล้ว โน้นมาพอดีเลย อิงอิง มาขี่หลังน้าเร็วเข้า ขาสั้นๆ เดี๋ยวไม่ทันรถ "
" ขอบคุณค่ะ คุณน้า"
ซูซิน ให้สัญญาณเรียกรถให้รอด้วย เมื่อทั้งสามไปถึงจึงรีบขึ้นไปบนรถบาสเล็ก ที่เป็นรถประจำทางเจ้าเมืองในตำบลนี้ ในรถมีคนนั่งเต็มหมดแล้วทั้งที่เป็นต้นสาย ซูซินถือกระเป๋าให้น้องชาย ที่ช่วยแบกเสี่ยวอิงน้อยอยู่บนหลัง เพราะไม่มีที่นั่งว่างเลยไม่มีใครอยากลุกขึ้นให้อยู่แล้ว
" คุณน้า หนูยืนได้นะคะ" จวีอิง บอกกับน้าชาย
" ไม่เป็นไรน้าไม่หนัก อิงอิงตัวนิดเดียวเอง เดี๋ยวจะโดนเขาเบียดตกรถเอา"
" เสี่ยวอิง ให้น้าเหวินแบกไว้ดีแล้วลูก จะได้ไม่เหนื่อย น้าเหวินไม่เป็นไรหรอกหนูตัวเล็กกว่าสาวๆ น้าเหวินตั้งเยอะ"
" ผมมีสาวที่ไหนล่ะพี่ใหญ่ อย่าพูดมั่วซั่วนักเลย "
" ไม่มีก็ไม่มีสิ จะเสียงสูงทำไม แน่ะแอบไปมองใครมาใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องมาปิดบังพี่หน่อยเลย "
" ไม่ใช่สักหน่อย ผมยังเรียนอยู่ไม่คิดเรื่องนี้ ปีหน้าต้องสอบเข้ามหาลัยแล้ว ผมอยากเข้ามหาลัยดีๆ หน่อยจึงต้องตั้งใจเรียนมากขึ้น"
" อืม ดีแล้วนายจะเข้าที่ไหน เล็งไว้ยังจะได้รู้ว่าต้องทำคะแนนเท่าไหร่ นายเรียนสายวิทย์ ใช่ไหม"
" ครับ ผมมองมหาลัยในเจียงโจว นี่แหละครับใกล้หน่อย พ่อแม่จะได้ไม่เหนื่อยมาก อีกอย่างคะแนนผมกลัวเข้าที่เมืองหลวงไม่ได้"
" ปักกิ่ง ก็ไม่ไกลที่นี่นะนั่งรถไฟไม่กี่ชั่วโมง ถ้าอยากเข้าที่นั่น พี่ช่วยนายได้นะเรื่องค่าใช้จ่าย แต่นายต้องสอบให้ได้เท่านั้น"
" พี่ใหญ่พูดจริงเหรอ ถ้าคะแนนผมเข้าได้พี่จะช่วยใช่ไหม เอ่อ..แล้วพี่เขยจะไม่ว่าพี่เหรอ"
" จะว่าได้ยังไง มันเป็นเงินพี่เอง เอาน่านายตั้งใจเรียนก็พอ ไม่เข้าใจตรงไหนอยากจ้างครูมาติวไหม "
" ไม่ต้องหรอกครับ ที่โรงเรียนก็ให้เรียนพิเศษทุกวันอยู่แล้ว รอดูสอบประจำเดือนนี้ก่อนถ้าคะแนนดีขึ้นผมจะบอกพี่ใหญ่อีกที"
" อืม มีอะไรก็ไปบอกพี่ได้ "
จางซุนเหวิน พึ่งสังเกตว่าพี่ใหญ่ของเขาเปลี่ยนไป ทั้งคำพูดและลักษณะการพูด เหมือนคนที่มีความรู้และเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก จนเขายังนึกเกรงในท่าทางของพี่สาวอยู่มาก จากคนที่ชอบชักสีหน้าและด่าว่าเขาอย่างไม่มีเหตุผล วันๆ เอาแต่บ่นด่าแต่วันนี้กลับมีท่าทีสุขุม และใจเย็น และยังมีรอยยิ้มอย่างจริงใจนี่ เหมือนเขาจะไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว พี่สาวเขาเป็นคนสวยเรื่องนี้เขารู้ดี แต่เธอชอบทำหน้าบึ้งตลอดทำให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ และยังชอบดูถูกผู้คนเสมอ ทำให้คนที่เคยมาสนใจจะจีบเธอหนีหายไปหมด จนสุดท้ายก็แต่งกับพ่อหม้ายลูกติดที่ไม่มีเวลาอยู่บ้านอย่างพี่เขยคนนี้ และได้แต่งเพราะแม่สื่อแนะนำให้อีกด้วย พอเห็นพี่สาวที่ยิ้มจากปากจนถึงตาให้เขาและยังยื่นมือมาขยี้ผมเขาเบาๆ เหมือนเขาเป็นเด็กชาย มันเป็นภาพที่เขาไม่เคยมีมาก่อน พี่สาวเขายิ้มสวยมาก และไม่ได้มีแต่เขาที่เห็น เขามองเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลมองพี่สาวเขาไม่วางตา แต่พี่สาวไม่ได้สนใจ เขาจึงขยับมายืนอีกด้านเพื่อบังสายตาไว้ ไม่ได้การแล้วแบบนี้พี่สาวจะเดินตลาดคนเดียวอีก เป็นอย่างที่พี่ซีซีบอก น่าห่วงจริงๆ
ทั้งสองคุยกันอยู่ด้านในสุดของรถไม่ได้สนใจว่าใครอยู่ข้างๆ บ้าง สะใภ้ใหญ่เจียง ที่เข้าเมืองเหมือนกันเพราะต้องไปซื้อของให้แม่สามี แม้จะไม่ได้ซื้อมากมายแต่ก็ต้องซื้อไว้บางส่วน ที่บ้านคนเยอะต้องเตรียมผักดอง และแป้งไว้ให้พอกินหน้าหนาว ถึงเวลานั้นหากหิมะตกหนักจะออกไปไหนไม่ได้ แม้แต่รถประจำทางก็หยุดวิ่งเพราะถนนจะมีแต่หิมะ รถวิ่งอันตรายเกินไป
ถัง ไป๋เซียว เห็นน้องสะใภ้กับน้องชายขึ้นรถออกมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ทำเป็นไม่สนใจทั้ง 3 คน และพยายามแอบฟังที่ทั้งสองคุยกัน แต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนักเพราะรถเสียงดัง แต่เห็นหน้าตาระรื่นของน้องสะใภ้กับเด็กตัวซวยนั่น ก็หมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก แต่จะหาเรื่องก็ไม่ได้เพราะพ่อสามีกำชับมาว่าห้ามไปมีเรื่องกับน้องสะใภ้อีก จึงทำได้เพียงอดทนและด่าทอซูซิน อยู่ในใจเท่านั้น
รถจอดสนิทผู้คนทยอยลงจากรถ สะใภ้ใหญ่เจียงเดินลงไปแล้ว ซูซินพึ่งเห็นว่าพี่สะใภ้เจียง ยืนอยู่ไม่ไกลเธอไม่สนใจปล่อยให้คนลงเกือบหมด จึงเดินลงจากรถกับน้องชาย เธอจ่ายค่ารถให้น้องชายและของตัวเอง