สามวันต่อมา
ความอยากรู้อยากเห็นยังคงอยู่ในสายเลือดมนุษย์อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไปกี่พันปีร้อยปี คนประเภทนี้ต้องมีอยู่ แล้วยังแฝงด้วยความอยู่รอดของตัวเองด้วยแล้ว ยิ่งต้องสอดรู้มากขึ้น คนที่กำลังพูดถึงคือพระชายารองฮุ้ยเตียวที่ส่งคนมาสอดแนมดูความเคลื่อนไหวขององค์รัชทายาท ซึ่งคำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้ความอยากรู้ของฮุ้ยเตียวหมดไปกลับเพิ่มมากขึ้น
“ช่วงเช้าหลังจากองค์รัชทายาทเสด็จออกจากพระตำหนักพร้อมนกหงส์หยกก็จะเสด็จเข้าท้องพระโรง แล้วทำกิจวัตรเรื่อยมาถึงตอนเย็น หลังจากนั้นก็จะเข้าไปอยู่ในห้องบรรทมโดยมีนกหงส์หยกเข้าไปในห้องนั้นด้วย จะออกมาอีกทีก็ตอนเช้า”
เป็นคำตอบที่ไม่ต่างกับคำบอกเล่าของพระชายาสาวเห้อเหนียว และนั่นยิ่งทำให้ฮุ้ยเตียวมีความอยากรู้มากกว่า หลังพระอาทิตย์ตกดิน ห้องบรรทมขององค์รัชทายาทมีอะไรดี พระองค์ถึงได้ไม่เสด็จออกมา แล้วยังสั่งขันทีออกมาด้านนอกด้วย ราวกับมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
ความลับนั้นคืออะไร นี่สิฮุ้ยเตียวอยากรู้ที่สุด แน่นอนว่านางจะต้องรู้คำตอบให้ได้ มีทางเดียวที่จะได้รู้คำตอบคือ ต้องให้คนภายในตำหนักองค์รัชทายาทตามสืบเรื่องนี้ให้
ซิงเทียนนางกำนัลของพระชายารองฮุ้ยเตียวเดินออกจากประตูวังฝั่งใต้ เป็นประตูที่เหล่าขุนนางและนางกำนัลใช้เข้าออก จุดหมายของซิงเทียนคือ ร้านน้ำชาในตลาดกลางเมือง เมื่อมาถึงร้านดังกล่าวก็พบว่า คนที่นางนัดหมายมานั่งรอก่อนหน้า
“ขันทีฮาง” ซิงเทียนทัก ก่อนทรุดตัวลงนั่ง
“เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมา” ขันทีฮาง ขันทีประจำพระตำหนักเหลาหู่หรือตำหนักขององค์รัชทายาท รีบบอกซิงเทียน
“พระชายารองมีงานให้ท่านทำเจ้าค่ะ พระชายารองให้ท่านสืบว่า พลบค่ำไปแล้วมีใครอยู่กับองค์รัชทายาทในห้องบรรทมหรือไม่ ถ้ามีคนนั้นคือใครเจ้าค่ะ” ซิงเทียนบอก ก่อนล้วงหยิบตั๋วแลกเงินวางลงบนโต๊ะ เลื่อนไปตรงหน้าขันทีฮางที่ตวัดสายตามองคนพูด ยกมือขึ้นหยิบตั๋วแลกเงินใส่ในเสื้อ “พระชายารองต้องการคำตอบเร็วที่สุดเจ้าค่ะ”
“หลังฟ้าเปลี่ยนสีองค์รัชทายาทไม่ให้ใครเข้าใกล้ห้องบรรทม แม้แต่ข้าที่ต้องประจำอยู่หน้าห้องบรรทมยังมีคำสั่งให้ออกมาด้านนอก ข้าว่าคงได้คำตอบไม่ได้ง่ายๆ แน่” ขันทีฮางตอบ สีหน้าหนักใจ “แล้วเจ้าก็รู้ว่า องค์รัชทายาทไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ถ้ารู้ว่ามีคนจับตามองคงไม่พอพระทัยแน่ๆ”
“พระชายารองฝากให้ข้ามาบอกท่านว่า ถ้าท่านทำงานนี้สำเร็จ พระชายารองจะมอบทองให้ท่านสิบตำลึง ตั๋วแลกเงินที่มีมูลค่ามากกว่าที่ให้ท่านวันนี้ห้าเท่าเจ้าค่ะ” พระชายารองฮุ้ยเตียวเอาเงินมาล่อขันทีฮางที่รู้ดีว่า เห็นค่าตอบแทนมากกว่าความซื่อสัตย์
“เจ้าไปบอกพระชายารองเลยว่า ข้าจะหาข่าวให้เร็วที่สุด” ขันทีฮางรับปาก
“เจ้าค่ะ”
“ข้าขอตัวก่อน” ขันทีฮางเป็นคนค่อนข้างระวังตัว ยิ่งเรื่องที่เขากำลังทำเป็นเรื่องที่ยิ่งระวังตัวมากขึ้น เพราะหากเรื่องนี้รู้ถึงหูองค์รัชทายาท ไม่ส่งผลดีกับตนแน่นอน
นกน้อยเหมยเหมยยังคงออกหาข่าวในช่วงดวงตะวันขึ้นเช่นเคย แม้ว่าข่าวที่หามาได้นั้นไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่ก็เหมือนสืบดูความเคลื่อนไหวไปในที นกหลินแนะนำให้นกเหมยเหมยบอกเรื่องที่ตามสืบให้องค์รัชทายาทรู้ เพื่อที่ชายสูงศักดิ์จะได้จัดการกับคนคดโกง ทว่านกเหมยเหมยมีแผนแยบยลกว่านั้น อีกทั้งนกเหมยเหมยมีเป้าหมายบางอย่างในใจ
เช่นเคยหลังจากองค์รัชทายาทเข้าว่าราชการที่ท้องพระโรง นกเหมยเหมยบินไปหาเพื่อนพ้องที่สมาคมนก ที่วันนี้มีนกหลายชนิดมาชุมนุมกัน ส่งเสียงร้องจิ๊บๆ นั่นหมายถึงเหล่านกกำลังเม้าท์กันสนุกปาก แล้วหากเหมยเหมยอยากรู้ข่าวใด เพียงแค่มาที่นี่ เหมยเหมยจะได้ทุกข่าวที่ตนต้องการ
“ไหนๆ ใครได้ข่าวอะไรมา รายงานข้ามาให้หมด” นกเหมยเหมย
“ข้าไปดูความเคลื่อนไหวขององค์ชายหมิงเหยียนตามที่เจ้าบอก ข้าก็ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยนะ แต่ก็มีขุนนางมาหาองค์ชายสองคน” นกหลินรายงาน
“แล้วพวกเขาคุยอะไรกัน” เหมยเหมยถามต่อ
“ข้าไม่ได้ไปฟังเขาคุยกันหรอก พอดีว่า ข้าเห็นว่าไม่มีอะไรเลยไปส่องหนุ่มๆ ใช้ดาบฟันกันน่ะ งานดีทั้งนั้น หุ่นล่ำมาก ฟันดาบกันดังเคล้งๆ เหงื่อชุ่มตัวอีก โอ๊ยๆ ใจนกละลาย”
นกเหมยเหมยส่ายหัว ตนว่าตัวเองหื่นแล้ว มาเจอนกหลิน นกเหมยเหมยชิดซ้ายไปเลย ยังรู้สึกว่า ตัวเองคิดผิดที่ให้นกหลินสืบเรื่องนี้ให้
“แล้วเจ้าล่ะ ข้าให้เจ้าไปสืบเรื่องอำมาตย์ซ้ายล่ะ ว่าไงบ้าง”
เหมยเหมยถามนกพิราบอู้ที่รับหน้าที่ติตามดูอำมาตย์ซ้ายชั่วคราว
“ตาเฒ่านั่นจะมีอะไร นอกจากวันๆ จ้องจะหาลู่ทางโกงกินบ้านเมือง เบียดเบียนคนจน นี่ก็จะยุบโรงหมอที่รักษาคนจนทิ้ง จะเอาพื้นที่ตรงนั้นปลูกเป็นหอหนังสือแทน” นกพิราบที่ไม่อู้สมกับชื่อตอบ
“ปลูกเป็นหอหนังสือก็ดีนี่ ชาวบ้านจะได้เข้ามาอ่านหนังสือหาความรู้” เหมยเหมยบอก
“ดีอะไรล่ะ เจ้าคิดว่าชาวบ้านอ่านหนังสือออกกันสักกี่คน คนที่จะเข้าไปอ่านหนังสือในหอหนังสือก็คือพวกลูกหลานคนมีเงิน ลูกขุนนางและพวกนักปราชญ์ เหล่าบัณฑิต ข้าว่าที่ตั้งใจจะปลูกเป็นหอหนังสือเพราะหวังงบมากกว่า ได้ยินว่างบหลายพันตำลึงเชียวนะ ถ้าจะให้เกิดประโยชน์กับชาวบ้านจริงๆ ปรับปรุงโรงหมอสิ โรงหมอที่นี่เก่าแก่มานานแล้ว หมอกับผู้ช่วยหมอก็น้อยไม่เพียงพอต่อคนไข้ที่มารักษา เงินที่ให้กับที่นี่ส่วนหนึ่งก็ถูกโกงกิน ส่งตรงถึงชาวบ้านเท่าไหร่กันเชียว ขนาดมีโรงหมอชาวบ้านยังเจ็บป่วยเยอะ ถ้าไม่มีพวกเขาจะไปรักษากันที่ไหน น่าสงสารชาวบ้านพวกนี้เหลือเกิน” นกพิราบอู้พูดยาวเหยียด และเป็นคำพูดที่เหมยเหมยให้ความสนใจมาก
“ข้าว่า ส่วนหนึ่งมาจากองค์รัชทายาทด้วยนะ ตอนที่ฮ่องเต้ว่าราชการบ้านเมือง ฮ่องเต้ออกมาดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน มารับรู้ปัญหาของชาวบ้านและแก้ปัญหาให้ แต่ตั้งแต่ฮ่องเต้วางมือจากราชกิจ ปล่อยให้องค์รัชทายาทดูแล องค์รัชทายาทไม่เคยออกมาดูความเป็นอยู่ของชาวบ้านเลย ได้แต่ปราบคนคดโกงอยู่แต่ในวังคงจะหมดหรอก พวกนี้ทำในที่ที่องค์รัชทายาทมองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ” นกหลินพูดเสริม
นกน้อยเหมยเหมยเห็นด้วยกับคำพูดของทั้งสองนก หากจะรู้ว่าประชาชนเดือดร้อนทางใดบ้างก็ต้องรู้ด้วยตัวเอง และการที่ออกเยี่ยมประชากรแบบไม่มีใครรู้ก็เป็นเรื่องที่ดีเข้าไปใหญ่ เสมือนเปิดหูเปิดตาองค์รัชทายาทไปในที ไม่ใช่นั่งฟังแต่รายงานในท้องพระโรง หากออกมานอกวังอาจได้เห็นการฉ้อโกงของคนในราชสำนัก และนั่นอาจทำให้องค์รัชทายาทรู้ว่า ตนเองจะอุดรูรั่วได้อย่างไร
สงสัยว่า คืนนี้ต้องเปิดอกคุยกันกับองค์รัชทายาทซะแล้ว...
คืนนี้นกเหมยเหมยตั้งใจว่า หากเปลี่ยนร่างเป็นคน ตนจะพูดคุยกับองค์รัชทายาทให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่หลับนอนกันเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่ากว่าที่องค์รัชทายาทจะยอมให้ธิดาดอยคุยด้วยจริงๆ ก็ปาไปค่อนคืน เปิดผ้าเปิดผ่อนกันเสียก่อนหรือจะพูดได้ว่า หลังจากเขาพอใจกับการเริงสวาท
“เจ้านี่ยังไงนะ กลางคืนเป็นเวลาของข้า เจ้าจะมาพูดคุยอะไรก็ไม่รู้”
องค์รัชทายาทบ่นอุบ กอดร่างสาวไม่ปล่อย หอมไปทั่วดวงหน้าหวานที่เขาแสนหลงใหล
“ข้ามีเรื่องพูดกับท่าน ให้ข้าพูดบ้างสิไม่ใช่ทำแต่เรื่องอย่างว่า” ธิดาดอยบ่นอุบ ผลักหน้าองค์รัชทายาทจอมหื่นที่กำลังจะจูบปากตน
“อะไรคือเรื่องอย่างว่า มันหมายถึงอะไร” องค์รัชทายาทเอ่ยถามศัพท์แปลกผิดหู
“เรื่องอย่างว่าก็คือเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่นี่ไง อยากจะหลับนอนกับข้าท่าเดียวน่ะ”
“ท่าเดียวที่ไหน ข้าทำตั้งหลายท่านะ จำได้ว่าสามสี่ท่าแน่ะ”
ธิดาดอยอยากเอาหัวโหม่งหมอนเมื่อได้ยินคำพูดของเขาที่ความหมายไปคนละทิศละทาง ทว่าเธอไม่อยากโต้เถียง คืนนี้ต้องพูดกับเขาให้รู้เรื่อง
“ข้าไม่ว่าท่านเรื่องนี้ แต่ข้าขอเวลาคุยกับท่านได้ไหม เรื่องที่ข้าจะคุยด้วย เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับท่านและประชาชนของท่านโดยตรง” องค์รัชทายาทหยุดหอมหยุดจูบ มองหน้าธิดาดอยที่เวลานี้ทำหน้าตาจริงจัง “ข้าไม่หนีท่านไปไหน ยังไงท่านก็ได้กอดได้หอมข้าอยู่แล้ว แต่บางเรื่องถ้าท่านรู้ช้า มันก็จะแก้ไขยากนะ”
“งั้นว่ามา” องค์รัชทายาทเปิดโอกาส “แต่ถ้าเจ้าพูดช้า ข้ากินเจ้าต่อนะ”