จะดีอยู่แล้วเชียว ดันมาหื่นตบท้ายซะนี่...
ธิดาดอยพูดในใจ ก่อนเริ่มพูดในเรื่องที่ตั้งใจ
“ข้าว่า ท่านน่าจะไปนอกวังบ้างนะ ไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านว่า เขาอยู่กันยังไง เดือดร้อนเรื่องไหนบ้าง มีปัญหาอะไรกับปากท้อง ไม่ใช่เอาแต่สั่งๆๆ เอาแต่ปราบคนคดโกงอยู่แต่ในวัง ซึ่งข้าก็รู้ว่าท่านอยากให้คนคดโกงหมดไปจากราชสำนัก แต่การที่ท่านไม่เปิดหูเปิดตา ท่านไม่รู้เลยว่า เกิดช่องโหว่ที่เหล่าขุนนางจะโกงกินบ้านเมือง”
ในที่สุดธิดาดอยได้พูดในเรื่องที่อยากบอกองค์รัชทายาท หากไม่รีบพูด โอกาสก็จะไม่มี
“ช่องโหว่ยังไง แล้วเจ้ารู้ได้ยังไง” เขาถามกลับ
“ท่านอย่าลืมสิว่า ข้าเป็นนกในตอนกลางวันซึ่งข้าก็บินไปโน่นไปนี่ ได้เห็นอะไรหลายอย่าง ได้รู้อะไรหลายเรื่องที่ท่านไม่รู้ ตอนนี้ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนหลายอย่างนะท่าน” ธิดาดอยบอกเพิ่มเติม
“เจ้ารู้อะไรมา ไหนเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
“ก่อนที่ข้าจะตัดสินใจบอกท่าน ข้าหาข่าวเรื่องนี้มาก่อนหน้าหลายวันแล้ว โดยให้นกในสมาคมคอยช่วยเหลือ ข้าถึงได้รู้เรื่องที่ท่านไม่มีวันรู้ และได้ยินแผนการของคนที่พยายามโกงกินบ้านเมือง เมื่อข้าแน่ใจว่าข่าวนี้จริง ข้าจึงมาบอกท่าน แต่ท่านต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดหาทางแก้เกมคนพวกนั้น เพราะถ้าท่านใจร้อน ท่านจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คนที่คิดคดโกงบ้านเมืองต้องหาทางเอาตัวรอดไว้แล้ว ท่านต้องมีแผนจัดการพวกนั้นอย่างรัดกุม” ธิดาดอยเกริ่นยาว
“พวกนกในสมาคมช่วยเหลือ ช่วยยังไง แล้วที่เจ้าพูดว่า แก้เกม แล้วแก้เกมมันคืออะไร”
“ข้าให้พวกนกช่วยสืบเรื่องนี้ไง ใช้ความเป็นนกในการสืบเรื่องที่ข้าอยากรู้ แล้วไม่มีใครสงสัยด้วย ข้อมูลที่ข้าได้รับรับรองว่าแม่นยิ่งกว่าจับวาง ส่วนคำว่าแก้เกม หมายถึง หาทางรับมือพวกนั้นไง”
องค์รัชทายาทพยักหน้ารับรู้ ทึ่งกับเรื่องที่ได้ยิน คงไม่มีใครคิดว่า นกที่อยู่ใกล้ๆ ตัวจะเป็นสายลับ เป็นการสืบที่ได้ผลชัดเจน
“เจ้ารู้อะไรมา บอกข้ามาเลย”
“นกพิราบอู้บอกข้าว่า ท่านอำมาตย์ซ้ายจะยุบโรงหมอที่ชาวบ้านมารักษาฟรี ไปสร้างหอหนังสือที่ให้ลูกหลานขุนนางและพวกนักปราชญ์ บัณฑิตใช้ประโยชน์ แน่นอนว่าชาวบ้านจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ซ้ำร้ายยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านมากกว่า เพราะพวกเขาจะไม่มีที่รักษายามเจ็บป่วย ลำพังแค่รายได้นิดหน่อยคงไม่มากพอที่จะไปรักษากับโรงหมออื่นแน่ จะซื้อยามาต้มกินเองก็ยังยาก ราคาค่ายาพวกเขาคงเอื้อมไม่ถึง” ธิดาดอยหยุดพูด ดูท่าทีเขาก่อนพูดต่อ “ข้าอยากให้ท่านไปเห็นกับตาตัวเองว่า ชาวบ้านเดือดร้อนกันจริงหรือไม่ ถ้าท่านไปเห็นกับตา แล้วพวกขุนนางอยากให้ยุบโรงหมอ ท่านจะได้ค้านพวกขุนนางได้ถูก การนั่งฟังรายงานอยู่ในวัง มันอาจมองไม่เห็นภาพเท่าไปดูด้วยตาตัวเอง”
องค์รัชทายาทนิ่งคิด จะว่าไปคำพูดของธิดาดอยถูกต้อง นานมากแล้วที่เขาไม่ออกนอกวัง ใช้ชีวิตอยู่แต่ในวัง ฟังคำรายงานต่างๆ ที่อยากรู้ผ่านหลิวกงกง องครักษ์และเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ ไม่เคยสัมผัสชีวิตของชาวบ้านด้วยตัวเอง นั่นหมายถึงเขาเข้าไม่ถึงปัญหาแท้จริงของประชาชน ทำให้เกิดช่องโหว่ในการโกงกินบ้านเมืองที่เขาพยายามแก้ไข
“บ้านเมืองที่ข้าจากมาก เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่เปรียบเสมือนฮ่องเต้ในยุคของท่าน พระองค์เยี่ยมราษฎร์ทุกแห่งหนที่พระองค์จะเสด็จไปได้ รับรู้ปัญหาและความเดือดร้อนของประชาชนด้วยตัวท่านเอง แล้วแก้ไขปัญหาให้ด้วย หรือไม่ก็แนะแนวทางแก้ไข ท่านจะเป็นฮ่องเต้ในอนาคตก็ต้องรู้ทุกข์สุขของชาวบ้านบ้าง แม้ว่าจะไปไม่ทั่วทุกพื้นที่ แต่อย่างน้อยๆ ใกล้ๆ แค่ในเมืองหลวง ท่านก็น่าจะออกไปดูความเป็นอยู่ของราษฎรบ้างนะ” ธิดาดอยพูดให้แง่คิดกับองค์รัช-ทายาท “ข้ารู้มาว่า ก่อนที่ฮ่องเต้จะให้ท่านดูแลราชกิจทั้งหมด พระองค์ได้ออกไปดูความเป็นอยู่ของราษฎร ท่านก็น่าจะทำบ้างนะ”
“ได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก ข้าจะออกไปเยี่ยมราษฎรของข้า” องค์รัชทายาทคิดว่า ไม่มีเหตุผลใดที่เขาต้องค้านหรือไม่ไป เพราะทุกคำพูดของธิดาดอยล้วนเป็นความจริง การออกไปนอกวังครั้งนี้ เขาอาจรู้อะไรที่ไม่เคยรู้ก็เป็นได้ “แต่เจ้าต้องไปกับข้านะ เกาะบ่าข้าเวลาข้าเดินเยี่ยมชาวบ้าน ไม่งั้นข้าไม่ไป”
เป็นคำขอที่ธิดาดอยทำได้อยู่แล้ว แม้ว่าจะต้องงดไปดูหนุ่มๆ อาบน้ำหนึ่งวัน เธอก็ถือว่าคุ้มที่ทำให้เขาเปิดหูเปิดตา เปิดมิติใหม่แห่งการปกครอง
“ได้สิ” ธิดาดอยรับปาก
“งั้นเรามาต่อกันดีกว่านะ ข้าคิดถึงเจ้าที่สุดเลย ยังไม่อิ่มเลย”
องค์รัชทายาทเปลี่ยนโหมดเป็นจอมหื่น โอบกอดธิดาดอย หอมแก้มซ้ายแก้มขวา
“เดี๋ยวสิ ยังมีอีกหลายเรื่องเลยนะที่ข้ายังไม่ได้พูดกับท่าน”
“เจ้าจะพูดมากไปทำไมเมื่อยปากเปล่าๆ แค่ร้องครางก็เมื่อยจะแย่อยู่แล้ว” ธิดาดอยรีบผลักเขาให้ออกห่างตน ยันหน้าอกเขาไว้ด้วย และนั่นทำให้ผ้าห่มที่เธอยกขึ้นมาปิดท่อนบนหล่นไปกองตรงเอว ดอกบัวสล้างเบ่งบานเต็มสายตาเจ้าเล่ห์ขององค์รัชทายาท ที่มองความสวยงามตาเป็นมัน ธิดาดอยที่เพิ่งรู้ตัว รีบเอามือจับผ้าห่ม หมายจะปิดบังทรวงอก แต่ช้ากว่าเขาที่โถมตัวใส่ร่างอรชรให้นอนราบบนเตียงนอน โดยมีร่างกายเขาเก็บกักอิสรภาพเธอไว้ “หมดเวลาคุยแล้วแม่นกน้อยของข้า”
สงสัยว่าจะหมดเวลาคุยแล้วจริงๆ เพราะตอนนี้เรียวปากบางสวยขององค์รัชทายาทาบลงบนกลีบปากจิ้มลิ้มของธิดาดอย ก่อนที่ลิ้นหนาจะสอดเข้าไปรัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ตอบโต้โรมรัน จากนั้นทั้งคู่ได้สานต่อบทรักบทสวาทที่ดูเหมือนว่า หมิงหยางเต๋อจะขาดเธอไม่ได้ ทุกวินาทีในยามค่ำคืนคือเวลาที่เขาจะกอบโกยความสุขจากเรือนกายธิดาดอย สตรีที่ทำให้เขามีความสุขทั้งกายและหัวใจ
ขณะเดียวกัน
ขันทีฮางทำตามงานที่รับไว้ เขาพยายามสอดส่องหาข่าวไปให้พระชายารองฮุ้ยเตียว กิจวัตรประจำวันขององค์รัชทายาทในช่วงกลางวันไม่มีอะไรผิดสังเกต องค์รัชทายาทตื่นจากบรรทมก็จะสรงน้ำ แล้วเสร็จก็ถึงเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า โดยมีนกน้อยหงส์หยกเหมยเหมยกินอาหารที่แยกไว้ร่วมโต๊ะด้วย ทว่ายามค่ำคืนนี่สิน่าสงสัยที่สุด เพราะองค์รัชทายาทไม่ให้ใครเข้าใกล้ห้องบรรทม
ทว่าคืนนี้ขันทีฮางต้องตามสืบเรื่องที่รับปากไว้ เขาจึงทำใจกล้า ทำเนียนเดินไปยังห้องบรรทมที่ต้องผ่านสวนหย่อมเล็กๆ เพียงแค่เขาวางเท้าลงบนทางเดินในสวนหย่อม ร่างสูงใหญ่ขององครักษ์ประจำตัวองค์รัชทายาทนามว่า เซียวเหยา ได้นำตัวมาขวางไว้
“จะไปไหนขันทีฮาง” เสียงเรียบที่เสมือนหน้าตาเอ่ยถามขันทีฮางที่ทำหน้าตกใจ แต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ข้าจะไปดูว่า องค์รัชทายาทต้องการอะไรหรือไม่” ขันทีฮางใช้หน้าที่ของตนเป็นข้ออ้าง
“เจ้ากลับไปเถอะ ถ้าองค์รัชทายาทต้องการอะไร พระองค์จะเรียกใช้ข้าเอง เจ้าต้องทำตามคำสั่งขององค์รัชทายาทห้ามเข้ามาในส่วนของห้องบรรทม เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าใครว่า หากขัดคำสั่งพระองค์ อะไรจะเกิดขึ้นกับเจ้า” องครักษ์เซียวเหยากล่าวเตือนไปในที
“ข้ารู้แล้ว ข้าขอตัว”
ขันทีฮางไม่ต่อเถียงให้มากความและให้อีกฝ่ายสงสัย เขาหมุนตัวเดินออกห่างห้องบรรทมทันที เซียวเหยามองตามร่างขันทีฮางด้วยแววตามีความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดว่า อีกฝ่ายจะเข้ามาสังเกตการณ์หาข่าวให้ผู้ใด
เซียวเหยาเดินกลับไปนั่งตรงม้าหิน นั่งจิบน้ำชาเฝ้าห้องบรรทมขององค์รัชทายาทที่ให้เขากับติงเหว่ย องครักษ์อีกคนผลัดเปลี่ยนกันคนละครึ่งคืน พระองค์สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในเขตห้องบรรทมในทุกกรณี เขาไม่มีคำถามถามคนสั่งว่าทำไม หากพระองค์อยากบอกก็จะบอกเอง หน้าที่ของเขาคือรับคำสั่งและทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
เป็นครั้งแรกในรอบปีที่องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อเสด็จออกนอกวัง เป็นการเดินทางแบบส่วนตัว จึงไม่มีทหารล้อมหน้าล้อมหลัง เพื่อไม่ให้เป็นการเตะตาคนที่พบเห็น หากเขาสวมใส่อาภรณ์เต็มยศ มีข้าทางบริพารเดินตามนับสิบ นั่งเกี้ยวประจำยศมาด้วย รับรองได้ว่า การออกมานอกวังจะไม่เกิดผลประโยชน์ใด วันนี้องค์รัชทายามมีเพียงองครักษ์คู่ใจสองคนติดตามไปเท่านั้น ที่ขาดไม่ได้คือ นกหงส์หยกเหมยเหมยที่เกาะบนบ่าเขา
องค์รัชทายาททำตามที่นกเหมยเหมยแนะนำ เขาต้องทำตัวเหมือนคนต่างเมืองที่มาเที่ยวเมืองหลวง ทำตัวนิ่งเฉย ตาสอดส่าย หูคอยฟัง หาข้อมูลไปทีละนิดละหน่อย หากเรื่องไหนที่เห็นและได้ยินเป็นเรื่องเดือดร้อนของชาวบ้าน องค์รัชทายาทก็ต้องกลับมาพิจารณาแก้ไขและช่วยเหลือ เรื่องไหนที่เกี่ยวข้องกับการโกงกินบ้านเมือง เขาก็ต้องเร่งจัดการ