หลังจากองค์รัชทายาทเข้าว่าราชการในท้องพระโรง ก็เป็นเวลาที่นกน้อยเหมยเหมยจะโบกโบยบินไปส่องชายหนุ่มตามนัดหมายกับนกหลินและนกหงส์หยกอีกหลายตัว การไปหานกหลินครั้งนี้ไม่เพียงแค่ส่องทหารกล้าเท่านั้น เหมยเหมยจะไปฟังเรื่องที่หลินไปลอบฟังอำมาตย์ซ้ายคุยกับเหล่าขุนนางว่าได้เรื่องเป็นเช่นไร
“หลิน ได้เรื่องว่าไงบ้าง” เหมยเหมยรีบถามเมื่อมาพบกันที่จุดนัดหมาย
“พวกนี้ทั้งชั่วทั้งเลว พวกเขาคิดจะโกงกินกัน” นกหลินบอก
“ยังไงล่ะ พวกเขาคุยกันว่าไง”
“พวกนั้นกำลังบีบให้ชาวบ้านในเมืองเจียงยางขายที่ดินให้ เพราะที่ดินที่พวกเขาอยากได้คือที่ดินที่ทางการจะซื้อคืนมาทำตำหนักหลวงให้องค์รัชทายาทที่จะเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ตำหนักนี้ใช้พื้นที่กว้างขวางมาก ถ้าพวกนั้นกวาดซื้อที่ดินได้ก็จะโก่งราคาตอนที่ทางการซื้อคืน โขกราคาสูงสามถึงสี่เท่าเลย แล้วไม่ต้องกลัวว่าองค์รัชทายาทจะรู้เรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายปกครอง มีอำมาตย์ซ้ายเป็นคนดูแล ที่ดินผืนนั้นก็มีอำมาตย์ซ้ายเป็นผู้ถือครองด้วย แต่ใช้ชื่อของคนอื่น ตอนที่ทางการซื้อคืนจะได้ไม่มีใครสงสัย”
นกหลินรายงาน เมื่อค่ำวานนี้นกหลินทำตามที่นกเหมยเหมยไว้วาน นกหลินบินไปยังหอนางโลมของไต้เท้าหยู พอเห็นท่านอำมาตย์ซ้ายกับพรรคพวกกำลังเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะแยกออกจากอีกโซนหนึ่ง นกหลินรีบบินเข้าไปในห้องนั้น ไปเกาะอยู่บนแจกัน ความที่ตัวเองเป็นนก คนในห้องนั้นเห็นแต่ไม่ได้สงสัยว่า เป็นสายลับนก นกหลินจึงได้ยินทุกคำพูด และเห็นใบหน้าของคนเหล่านั้น
“โห...กินกันเป็นระบบเลย” ธิดาดอยคิดว่า คนโกงกินมีทุกยุคทุกสมัย แล้วคงไม่หมดไปจากปฐพีนี้แน่นอน “แล้วคนที่พวกนั้นนัดมาคือใคร ข้ายินชื่อว่า ชื่อท่านเตียว”
“อ๋อ ท่านเตียวน่ะเหรอ เขาเป็นผู้ช่วยเจ้าเมืองเมืองเจียงยางไง พวกเดียวกันนั่นแหละ ท่านเตียวจะเป็นคนคอยประสานงานเรื่องการซื้อที่ดินระหว่างชาวบ้านกับคนพวกนั้นไง เท่าที่ฟังนะ ท่านเตียวใช้ชื่อของเครือญาติเป็นชื่อเจ้าของที่ดินแทนอำมาตย์กับคนของเขาไง เพราะถ้าใช้ชื่อคนนอกพื้นที่อาจมีคนสงสัยได้ ใช้ชื่อคนในพื้นที่แล้วต้องเป็นคนที่ไว้ใจที่สุดไงล่ะ” หลินรายงานเพิ่มเติม
“แล้วพวกเขาว่าไงต่อนอกจากเรื่องที่เจ้าบอกข้า” เหมยเหมยถามต่อ
“ก็มีเรื่องเขื่อนนี่แหละ ท่านอำมาตย์บอกว่า ได้งบแล้วและกำลังจัดสรรให้กับทุกคน ส่วนที่เหลือถึงจะให้เอาไปทำเขื่อน” นกหลินตอบ
“คนพวกนี้อยากได้เงินมากมายไปทำไมกันนะ เท่าที่มีอยู่ก็น่าจะมากพอทำให้สุขสบายไปตลอดชีวิตแล้ว ทำไมต้องคดโกงบ้านเมืองด้วย น่าจะพัฒนาบ้านเมืองถึงจะถูก”
“คนไม่เหมือนนกไง นกกินหนอนกินผักก็อิ่ม แต่คนพวกนี้ไม่เพียงแค่เลี้ยงตัวเอง ยังต้องเลี้ยงลูกเมีย เลี้ยงลูกน้อง เลี้ยงพวกพ้องเพื่อให้ตัวเองได้ขึ้นไปสู่อำนาจที่ยั่งยืน พวกเขาถึงได้ใช้เงินเยอะ” นกหลินรู้ดีราวกับเป็นคน
“เจ้านี่รู้ดีจังนะ คำพูดประโยคนี้ข้าน่าจะได้ฟังจากปากคนมากกว่านกอย่างเจ้า”
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่า ข้าเป็นนกที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน วันๆ ข้าทำอะไรที่ไหน บินไปตรงนั้นแล้วก็บินไปตรงนี้” จริงตามที่นกหลินว่ามา วันๆ นกหงส์หยกไม่ทำอะไร จึงมีเวลามากที่จะยุ่งเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เช่นเดียวกับนกน้อยเหมยเหมยที่นิสัยไม่ต่างกัน
“ข้ารู้ข้อมูลเยอะแล้ว ข้าว่าเราบินไปดูหนุ่มๆ กันเถอะ เจ้าบอกจะพาข้าไปนี่ พาไปเร็วสิ” เหมยเหมยเร่งด้วยความอยากเห็นหนุ่มล่ำในยุคนี้
“ได้เลย” นกหงส์หยกสองตัวพากันบินไปยังจุดหมาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากต้นไม้ที่ทั้งคู่คุยกันมากนัก ระหว่างทางที่บินไป นกหลินได้บอกว่าตรงนั้นบ้านใคร ตรงนี้บ้านขุนนางคนไหน นกเหมยเหมยถามอะไรนกหลินจอมกินเผือกรู้ทั้งนั้น
…………………………….
สถานที่ที่นกหลินพานกเหมยเหมยมาส่องทหารกล้าที่มักมาอาบน้ำริมแม่น้ำทุกวัน พอมาถึงนกทั้งสองตัวก็พบว่า มีทหารราวเก้าคนกำลังอาบน้ำกันอยู่ นกจอมส่องทั้งสองตัวบินไปเกาะโขดหินใกล้กับจุดที่ทหารกำลังเล่นน้ำ
“โห...แต่ละคนหุ่นล่ำๆ ทั้งนั้น ไหงไม่ผอมแห้งเหมือนในซีรี่ย์ ในหนังจีนหว่า” นกเหมยเหมยพูดเป็นภาษานกออกมา เธอเคยเห็นในภาพยนตร์จีนหลายเรื่อง ทหารแต่ละคนตัวเล็ก หุ่นไม่ล่ำ โดนถีบนิดนึกก็กระเด็น โดนฟันนิดเดียวก็ตาย ภาพที่เห็นล้วนตรงกันข้าม หรืออาจเป็นเพราะชายที่แต่งตัวเป็นทหารเป็นนักแสดง แต่คนที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้คือของจริง จึงมีความต่างอย่างเห็นได้ชัด
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ หนังๆ หนังอะไร” นกหลินถามด้วยความสงสัย
“ข้าพูดว่า เนื้อหนังของพวกเขาน่าจับดีเนอะ” นกเหมยเหมยแก้ตัว มองชายเหล่านั้นตาปรอย น้ำลายนกแทบหก “ทหารพวกนี้เป็นทหารจากวังหลวงเหรอ แล้วในวังหลวงไม่มีที่ที่อาบน้ำให้ทหารเหรอ”
“ทหารพวกนี้เป็นทหารขององค์ชายหมิงเหยียน ค่ายขององค์-ชายอยู่จากแม่น้ำหนึ่งลี้ พอทหารฝึกเสร็จก็มักมาอาบน้ำที่นี่ไงล่ะ”
“องค์ชายหมิงเหยียนคือใครล่ะ” นกเหมยเหมยถามต่อ “แล้วทำไมมีค่ายทหารด้วย”
“องค์ชายหมิงเหยียนเป็นลูกชายของฮ่องเต้กับพระสนมเอกอี้ชิง ส่วนที่เจ้าถามว่าทำไมองค์ชายมีค่ายทหารมันก็จะพูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะ แต่ก่อนคนที่ดูแลค่ายทหารค่ายนี้เป็นพี่ชายของพระสนมเอกที่ตายไปเมื่อปีก่อน องค์ชายหมิงเหยียนเลยเข้ามารับหน้าที่แทน”
นกน้อยเหมยเหมยรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากนกหลิน การที่องค์ชายหมิงเหยียนมีอำนาจทางการทหารไม่ใช่เรื่องดีสำหรับองค์รัชทายาทเลย
“ถ้าองค์ชายหมิงเหยียนคุมทหาร แล้วองค์รัชทายาทมีอำนาจในการคุมทหารหรือเปล่า ถ้าไม่มีวันดีคืนดีองค์ชายหมิงเหยียนชิงบัลลังก์ขึ้นมา องค์รัชทายาทไม่แย่เหรอ” นกน้อยเหมยเหมยพูดในเรื่องที่ตนเป็นกังวล
“ไม่หรอก เจ้าเพิ่งมาอยู่จะไปรู้อะไร ข้าจะบอกอะไรให้ พี่น้องคู่นี้สนิทกันจะตายไป การที่องค์ชายหมิงเหยียนได้ดูแลทหารค่ายนี้ก็เพราะเป็นความประสงค์ขององค์รัชทายาทที่อยากให้น้องชายได้มีส่วนบริหารบ้านเมือง องค์ชายหมิงเหยียนไม่ชอบเรื่องการเมือง เขาเก่งด้านอาวุธมากกว่า เก่งทั้งดาบ หอกและเรื่องวิชัยยุทธ ส่วนเรื่องที่เจ้าห่วงว่าองค์ชายหมิงเหยียนจะคิดแย่งชิงบัลลังก์ เจ้าอย่าห่วงไปเลย ใครๆ ก็รู้ว่าองค์รัชทายาทโหดแค่ไหน ใครคิดร้ายตายทั้งโคตร” นกหลินรู้ดีทุกอย่าง ถามมาตอบได้หมด
“ขนาดองค์รัชทายาทโหดเถื่อนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วแคว้น แต่ก็ยังมีขุนนางคดโกง คิดเอาแต่ได้โดยไม่สนใจใคร ถ้าองค์รัชทายาทไม่โหดป่านนี้เงินคงหมดคลัง” นกเหมยเหมยพูดเสียงเบา นึกเห็นใจองค์รัชทายาทที่ถูกโจษขานถึงความป่าเถื่อนขึ้นมา
“เจ้าจะไปทุกข์ไปร้อนแทนคนอื่นทำไม ดูทหารแก้ผ้าอาบน้ำให้สบายใจดีกว่า เราจะได้มีแรงบินไปสมาคมนกไง วันนี้คงมีเรื่องคุยกันหลายเรื่อง” นกหลินพูด “นั่นไงมากันอีกหลายคนเลย ดูหุ่นสิ เนื้อแน่นๆ กล้ามเป็นหมัดๆ อยากเกิดเป็นผู้หญิงเสียจริง ข้าจะเอามือลูบทั้งวันเลย”
หูนกน้อยเหมยเหมยฟังเสียงนกหลิน ตามองไปยังทหารชุดใหม่ที่มาสมทบชุดเก่า ชุดเก่าว่างานดีแล้ว ชุดใหม่นี่ดียิ่งกว่า สูงใหญ่กันทั้งนั้น ยามมองพวกเขาถอดกางเกงออกจากกาย ใจนกเหมยเหมยเต้นแรง น้ำลายนกหยดไหลเลยคราวนี้
โอ๊ย...ฟิน
สองนกมองผู้ชายอาบน้ำสักพักก็บินไปสมาคมต่อ ระหว่างทางที่บินไปสมาคม นกน้อยเหมยเหมยมีความคิดหนึ่งขึ้นมา ซึ่งความคิดนี้ไม่มีใครนอกจากนกหลินที่จะช่วยตนได้
....................................
พระชายารองฮุ้ยเตียวหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก ที่องค์รัชทายาทไม่ยอมเสด็จมาหาทั้งที่ตนตั้งครรภ์ พระองค์น่าจะเสด็จมาเยี่ยมเยียนหรือใส่ใจบ้าง เพราะนางเป็นเมียคนแรกที่มีทายาทให้ แล้วเป็นลูกที่หมิงหยางเต๋ออยากได้ที่สุด พระองค์ต้องมาดูแลตนถึงจะถูก แต่นี่ไม่เลย ไม่สักนิดเดียว และนั่นทำให้เรื่องที่ตัวเองวาดหวังไว้เริ่มสั่นคลอน หากปล่อยไว้เช่นนี้ ตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ไม่ได้...ฮุ้ยเตียวไม่มีวันยอม
นางมาไกลแล้ว ไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ นางต้องเดินหน้าต่อเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ นางจึงครุ่นคิดหาทางออกของเรื่องนี้ ในขณะที่กำลังคิดจนหัวแทบแตก ตำหนักแพยองได้มีแขกสำคัญมาเยือน เป็นแขกที่ฮุ้ยเตียวไม่อยากเจอสักเท่าไหร่ แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้
“ข้ามาเยี่ยมเจ้า เจ้าสบายดีหรือไม่” เจ้าของเสียงคือพระชายาเห้อเหนียว พระชายาลำดับที่สามขององค์รัชทายาท “ข้าเอาของบำรุงมาฝากท่านหลายอย่าง ทุกอย่างล้วนเป็นผลดีกับตัวท่านและทายาทขององค์รัชทายาท”
“ข้าสบายดี ขอบใจเจ้ามาก” ฮุ้ยเตียวตอบกลับตามมารยาท
“เจ้าดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก ผิวพรรณเอิบอิ่มผ่องใส หน้าตางดงามสงสัยจะได้องค์ชายแน่ๆ” คนถูกชมยิ้มกว้างตามประสาคนบ้ายอ ทว่ารอยยิ้มนั้นต้องหุบโดยพลัน เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของเห้อเหนียว “ข้าได้ข่าวมาว่า เสด็จพี่ไม่เสด็จมาหาเจ้าเลยเป็นความจริงหรือไม่”
“เสด็จพี่คงไม่ว่าง” ฮุ้ยเตียวตอบ เป็นคำตอบที่คล้ายปลอบใจตัวเอง สีหน้าเปลี่ยนทันที
“เจ้าไม่แปลกใจบ้างหรือฮุ้ยเตียว”
“แปลกใจ แปลกใจอะไร”
“แปลกหลายอย่างเลย อย่างเรื่องที่เสด็จพี่สั่งปลดนางกำนัลถวายตัวหมดทุกคน เหลือเพียงตำแหน่งพระชายาไว้ โดยไม่มีเหตุผลใดใดด้วย หลายวันมานี้เสด็จพี่ไม่เสด็จมาหาใครเลย ตะวันตกดินก็จะอยู่แต่ในตำหนักกับนกหงส์หยก จะออกมาตอนเช้าเลย ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเสด็จพี่นะ อีกเรื่องที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า ตอนนี้เจ้าตั้งท้องลูกของเสด็จพี่ แต่แปลกที่เสด็จพี่ดูจะไม่สนใจเจ้าเลย ทั้งที่เสด็จพี่อยากได้ทายาทใจจะขาด มันเหมือนกับว่า มีอย่างอื่นที่เสด็จพี่สนใจมากกว่า”
ฮุ้ยเตียวทำท่านึกคิด คำพูดของเห้อเหนียวมีส่วนถูก และเป็นเรื่องที่นางยอมรับว่า นางตกใจและอยากรู้มากๆ ว่า องค์รัชทายาทสั่งปลดนางกำนัลถวายตัวทำไม แล้วยังนกหงส์หยกตัวนั้นกลับเป็นสัตว์ตัวโปรด สุดรักสุดหวงขององค์รัชทายาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้องค์รัชทายาทไม่โปรดเลี้ยงสัตว์ตัวใดเลย
“ข้าก็สงสัย แต่ไม่รู้จะหาคำตอบจากใคร”
“แต่ข้าสงสัยที่สุดคือ ตอนค่ำเสด็จพี่จะไม่ให้ใครเข้าไปในห้องบรรทม แม้แต่หลิวกงกง ตอนเสวยพระกระยาหารปกติจะเสวยในห้องโถงก็เปลี่ยนเป็นเสวยในห้องบรรทม ไม่เพียงแค่นั้นนะ พระกระยาหารทั้งหมดถูกวางไว้หน้าห้องบรรทม เสด็จพี่ไม่ยอมให้ขันทีและนางกำนัลเอาเข้าไปไว้ในห้อง เสด็จพี่จะเป็นคนนำเข้าไปเอง ข้าว่าตรงนี้แหละแปลกที่สุด”
เรื่องนี้ฮุ้ยเตียวไม่เคยได้ยินมาก่อน นางได้ยินแค่ว่า ยามพระอาทิตย์ตกดิน องค์รัชทายาทจะอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหนจนถึงเช้า แต่ไม่รู้เรื่องการเสวยพระกระยาหารในห้องบรรทม และนั่นชวนให้คิดไปในทางหนึ่ง
“เจ้ากำลังจะบอกว่า เสด็จพี่แอบมีใครในห้องบรรทมงั้นหรือ” ฮุ้ยเตียวสันนิษฐาน
“มันน่าคิดไหมล่ะ” เห้อเหนียวเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นให้ฮุ้ยเตียวมากขึ้น “เมื่อวานนี้เสี้ยวหลานเสด็จไปหาองค์รัชทายาทที่ตำหนัก พอใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน องค์รัชทายาขอตัวเข้าห้องบรรทมทันที อุ้มนกหงส์หยกเหมยเหมยเข้าไปด้วย ขนาดพระชายาเสด็จไปหาเสด็จพี่ยังไม่ใส่ใจ เมินเฉย ปกติจะเสวยพระกระยาหารกับพระชายา แต่นี่ไม่เลย ที่เจ้าพูดมาก็น่าคิดมิใช่หรือ” ใบหน้าฮุ้ยเตียวตอนนี้ เหมือนมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่ “ข้าห่วงเจ้านะ ถ้าเผื่อเสด็จพี่ไม่สนใจเจ้า ไม่ดูแลเจ้า ลูกในท้องของเจ้าคงไม่มีความหมาย ขนาดนางกำนัลถวายตัวบางคนที่เราก็รู้กันอยู่ว่า เป็นคนโปรดของเสด็จพี่ยังถูกปลด ข้าเองก็ไม่รู้ว่า ตำแหน่งพระชายาสามจะนั่งได้นานแค่ไหน ข้ามากวนเจ้านานแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะนะ ข้าขอตัวกลับตำหนักก่อน”
เห้อเหนียวทิ้งคำพูดให้ฮุ้ยเตียวขบคิด แล้วเมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายหลงกลตน นางรีบขอตัวกลับ
หลังจากพระชายาสามเห้อเหนียวออกไปจากตำหนัก เจ้าของตำหนักนั่งจมอยู่กับความคิดและคำพูดของเห้อเหนียว ซึ่งนางก็คิดเหมือนกันว่า ปล่อยไว้อย่างนี้ ตำแหน่งนางอาจไม่ยั่งยืน การมีทายาทกับองค์รัชทายาทไม่ได้การันตีใดได้เลย ตอนนี้ความอยากรู้เต็มแน่นจิตใจพระชายารองฮุ้ยเตียว อยากรู้นักว่า ยามค่ำคืนในห้องบรรทมขององค์รัชทายาท มีใครหรือสิ่งใดซ่อนอยู่
“เป็นยังไงบ้างเพคะ” ซุนจู นางกำนัลคนสนิทของพระชายาสามเห้อเหนียวเอ่ยถาม เมื่อเจ้านายเดินออกมาด้านนอก
“เรียบร้อยดี” เห้อเหนียวตอบ “ข้าคิดว่า อีกไม่กี่วัน ข้าจะได้คำตอบ”
เห้อเหนียวเพิ่มความอยากรู้ให้ฮุ้ยเตียวมากที่สุด เพราะรู้นิสัยของฮุ้ยเตียวดีว่า จะต้องหาคำตอบที่ติดค้างในใจ หากฮุ้ยเตียวรู้คำตอบ นั่นหมายความว่าตนรู้คำตอบไปด้วย ไม่ต้องลงมือหาข่าวให้ถูกจับตามอง
แล้วฮุ้ยเตียวต้องทำทุกทางให้ตัวเองได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นอยู่ คนอย่างองค์รัชทายาทที่ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวหรือจ้องจับผิด หากรู้ว่าฮุ้ยเตียวกำลังทำในเรื่องที่พระองค์ไม่พอพระทัย ตำแหน่งพระชายารองต้องสั่นคลอนแน่ คราวนี้เห้อเหนียวก็จะหมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง เหลือเพียงพระชายาเสี้ยวหลาน ศัตรูที่กำจัดได้ยากที่สุด