สายลับเหมยเหมย 1.2

1768 Words
นกน้อยเหมยเหมยบินกลับมาพระตำหนักขององค์รัชทายาทก่อนเวลาฟ้าเปลี่ยนสีราวครึ่งชั่วยาม พอบินมาถึงหน้าตำหนัก นกน้อยก็เห็นนางกำนัลจำนวนหนึ่งยืนเรียงแถวเป็นระเบียบหน้าพระตำหนัก ซึ่งไม่ใช่นางกำนัลรับใช้ขององค์รัชทายาท นั่นหมายความว่า เจ้าของตำหนักกำลังมีแขกมาเยือน แล้วเป็นใครกัน ด้วยความอยากรู้ นกน้อยหงส์หยกรีบบินเข้าไปในตำหนักทันที           พอบินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ก็พบว่า องค์รัชทายาทนั่งคุยอยู่กับสตรีงดงามราวกับภาพวาดคนหนึ่ง นางสวมชุดผ้าแพรเนื้อดี ดูมีสง่าราศี ผิวพรรณขาวผ่องเป็นยองใย เกลี้ยงเกลาราวกับผิวผู้รากมากดี นกน้อยเหมยเหมยบินไปเกาะขอบโต๊ะ มองหน้าองค์รัชทายาทที หันไปมองสาวสวยที ซึ่งสาวสวยนางนั้นก็มองนกน้อยเช่นกัน           “นกตัวนี้คือนกเหมยเหมยของเสด็จพี่ใช่ไหมเพคะ” พระชายาเสี้ยวหลานตรัสถาม “น่ารักดีนะเพคะ”           ‘เสด็จพี่งั้นหรือ’ คงจะเป็นเมียคนใดคนหนึ่งขององค์รัชทายาทแน่นอน เป็นเมียคนที่เท่าไหร่เนี่ย แต่แหม...วันนี้มีเมียมาหาถึงที่เลย จะว่าไปเมียคนนี้ก็สวยนะเนี่ย สวยกว่าพระชายารองฮุ้ยเตียวซะอีก           “ใช่ นี่คือเหมยเหมยของข้า เป็นนกที่ข้ารักมากที่สุดด้วย” องค์รัชทายาทตอบตามความรู้สึกที่แท้จริง นกน้อยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในใจเมื่อได้ยินคำพูดของหนุ่มรูปงามสูงศักดิ์ เขาไม่เพียงแค่พูด ยังโอบตัวนกไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้างอย่างทะนุถนอม ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม เขากำลังยิ้มให้นกน้อยหงส์หยก เสี้ยวหลานยิ้มน้อยๆ มองนกน้อยด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก รู้สึกเอ็นดูกับความน่ารักของมันก็ไม่ใช่ จะเกลียดมันก็ไม่เชิง รู้สึกราวกับว่ายืนอยู่ตรงกลางระหว่างความชอบกับชิงชัง แต่ที่แน่ๆ นางรู้สึกอิจฉานกตัวนี้ที่ได้หัวใจพระสวามีไปครอง ทั้งที่นางเป็นคนยังไม่ได้เศษเสี้ยวหัวใจเขา คงไม่ใช่เรื่องแปลกกับข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงเกี่ยวกับนกตัวนี้ การกระทำขององค์รัชทายาทที่นางเห็น บอกให้นางคิดว่า องค์รัชทายาททำได้มากกว่าตัดมือ หากคนคนนั้นแตะต้องนกสุดรักสุดหวง ที่นางเองก็ไม่เข้าใจว่า มากถึงขั้นต้องตัดมือเชียวหรือ ข้อนี้เองที่เสี้ยวหลานไม่เข้าใจ “เสด็จพี่ไปเจอนกตัวนี้ที่ไหนเพคะ” “เจอตรงศาลาริมสระบัวที่ข้ามักไปนั่งพักผ่อนบ่อยๆ” เขาตอบ ทว่าสายตาไม่เคลื่อนไปจากนกน้อยเหมยเหมย เสี้ยวหลานรู้สึกว่า ตนเองเป็นส่วนเกิน เป็นเพราะองค์รัชทายาทไม่สนใจนางเลย ยามพูดคุยสายตาก็คงจับจ้องที่นกตัวน้อย “ถ้าเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวนะ ข้าอยากพักผ่อน” หมิงหยางเต๋อเหมือนจะไม่รอให้พระชายาเสี้ยวหลานเอ่ยคำใด เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินอุ้มนกตัวโปรดไปยังห้องบรรทมทันที ปล่อยให้เสี้ยวหลานนั่งหน้าเศร้ากับความห่างเหิน ไม่ใส่ใจที่พระสวามีมีให้ตน “ท่านกงกง” เสี้ยวหลานหันมาทางหลิวกงกงที่โค้งคำนับเล็กน้อย “พ่ะย่ะค่ะ” “วันนี้เสด็จพี่จะเสด็จไปตำหนักใด” “องค์รัชทายาทไม่เสด็จไปตำหนักไหนพ่ะย่ะค่ะ หลายวันมานี้หลังพระอาทิตย์ตกดิน พระองค์จะอยู่ในห้องบรรทมพ่ะย่ะค่ะ เสวยพระกระยาหารที่ห้องนั้นด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงตอบ “งั้นรึ” เสี้ยวหลานทำหน้าสงสัย ปกติแล้วองค์รัชทายาทจะเสวยพระกระยาหารในห้องโถงใหญ่ หลังจากเสวยอาหารเสร็จก็จะเข้าไปอ่านตำราพิชัยยุทธหรือหนังสือเกี่ยวกับการปกครองที่ห้องหนังสือ เมื่อถึงเวลาบรรทมก็จะเสด็จไปพักผ่อนที่ห้องบรรทม หรือไม่ก็เสด็จไปตำหนักพระชายาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง “แล้วท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดเสด็จพี่ถึงได้มีคำสั่งปลดนางกำนัลถวายตัว” เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เสี้ยวหลานติดใจ เมื่อครู่ตอนสนทนากับพระสวามี นางกำลังจะเอ่ยปากถาม ทว่านกน้อยเหมยเหมยบินมาขัดจังหวะเสียก่อน “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ” เรื่องนี้หลิวกงกงก็อยากรู้คำตอบเช่นกัน “ข้าคงต้องขอตัวกลับตำหนัก ท่านอย่าลืมนำโสมไปปรุงให้เสด็จพี่เสวยล่ะ” “พ่ะย่ะค่ะพระชายา” หลิวกงกงโค้งตัวขณะที่เสี้ยวหลานลุกขึ้นยืน ก่อนก้าวเดินออกไปจากตำหนักของพระสวามี เดินจากไปพร้อมกับเรื่องคาใจหลายเรื่อง ซึ่งคำตอบนั้นคงจะมีเพียงผู้เดียวที่ให้ความกระจ่างได้ บุคคลนั้นคือ องค์รัชทายาทหมิงหยางเต๋อ ……………………………………….           ครั้นองค์รัชทายาทพาเหมยเหมยเข้ามาอยู่ตามลำพังในห้อง เป็นเช่นเคยที่นกน้อยจะเข้าไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เพื่อปกปิดร่างกายเปลือยเปล่ายามกลายร่างเป็นมนุษย์ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่า ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แม้ว่าจะใส่เสื้อผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้ สุดท้ายก็ต้องถูกถอดออกอยู่ดี เป็นไปตามที่เขาพูดไม่มีผิด           ‘ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องใส่ เพราะยังไงข้าก็ต้องถอด เสียเวลาเปล่าๆ’           แต่ถึงกระนั้นธิดาดอยก็อยากใส่ชุดสวยๆ เป็นชุดจีนโบราณที่หาใส่ที่ใดไม่ได้ในโลกใบนี้ เมื่อมีโอกาสได้สวมใส่ เธอก็ต้องฉวยเอาไว้ แต่ดันมาเจอคนหื่นกามที่จ้องจะถอดเสื้อผ้าของเธอตลอดๆ บางทีก็เซ็ง แต่จะทำไงได้ หลวมตัว หลวมใจไปแล้วนี่           “ไหนล่ะเสื้อผ้าของข้า” ธิดาดอยถามถึงเสื้อผ้าที่เขาจะเอามาวางไว้ให้บนเตียง ทว่าวันนี้มันกลับไม่มี มองไปรอบๆ เตียงก็ไม่มี           “จะใส่ทำไม ใส่แล้วข้าต้องมาเสียเวลาถอด” พูดจบ รัชทายาทลุกเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาให้ธิดาดอย “เจ้าใส่เสื้อตัวนี้ดีกว่า ถอดง่ายกว่าเยอะ”           “ท่านนี่นะ จ้องจะกินข้าอยู่เรื่อย” ธิดาดอยโวยใส่           “ก็เจ้าน่ากินนี่นา น่ากินไปทั้งตัว ข้าอยากจะกินเจ้าแทนอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยซ้ำไป” องค์รัชทายาทปากตรงกับใจ มองธิดาดอยตาหวานฉ่ำ           “แต่ตอนนี้ข้าหิว หิว หิวๆๆๆ”           “เจ้ากินอาหารเสร็จ ข้ากินเจ้าต่อนะ”           ‘ดู๊ดู ดูคนจอมหื่น ไม่ให้ข้าได้พักผ่อนบ้างเลย’           “ไม่” ธิดาดอยตอบกลับ           “ไม่อะไร ไม่ใช่ครั้งเดียวใช่ไหม” องค์รัชทายาทพูดหน้าตาย ขยับตัวมากอดร่างธิดาดอยที่ยังไม่ได้สวมเสื้อคลุม “ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยรู้ไหม ข้าใจจะขาดรอนๆ เลย ขอข้าหอมเจ้าหน่อยสิ”           ‘ตูหนอตู ใจอ่อนอีกแล้ว ได้ยินเสียงออดอ้อน เห็นสายตาชวนฝัน ได้รับความอบอุ่นจากเรือนกายเขา ใจอ่อนระทวยเลย’           ไม่ทันที่ธิดาดอยจะยอมหรือไม่ยอม ปลายจมูกโด่งก็ฝังลงบนแก้มนวล สูดดมกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอด ไม่เพียงแค่นั้นเขายังไต่ริมฝีปากเรื่อยๆ จนถึงเรียวปากจิ้มลิ้ม องค์รัชทายาทไม่รีรอ มอบจุมพิตหวานระคนซาบซ่านให้ธิดาดอยทันที           “พอแล้ว ข้าหิวจนท้องร้องแล้วนะ” เมื่อจูบไปสักพักหนึ่ง ธิดาดอยรีบดันหน้าเขาให้ออกห่าง เธอต้องรีบพูดก่อนจะไม่ได้กินข้าวปลาอาหาร เพราะจะถูกเขากินตนเองแทน           “งั้นไปกินกัน ข้าก็หิวแล้ว หิวมากๆ ถึงมากที่สุด” หน้าอย่างเขาคงไม่หิวข้าวแน่ๆ จะหิวอะไรได้เล่านอกจากเธอ คืนนี้คงไม่รอดอีกเช่นเคย ธิดาดอยรีบสวมเสื้อคลุม ก้าวเดินไปนั่งบนตักองค์รัชทายาท อ้าปากรอรับอาหารที่เขาป้อน ป้อนเธอคำนึง ป้อนตัวเองคำนึง ก่อนจะหอมเธออีกฟอดหนึ่งด้วย “วันนี้เจ้าไปไหนมา” เขาถาม “ไปสมาคมนกมา” คนได้รับคำตอบทำหน้าแปลกใจ มองหน้าธิดาดอยนิ่ง “สามคมนกเหรอ มีด้วยหรือ” “ท่านเป็นคนก็เลยไม่รู้ว่ามีสมาคมนก เป็นสมาคมที่ไม่ธรรมดาด้วยนะ มีนกหลายชนิดเลย นกแก้ว นกหงส์หยก นกอินทรีย์ นกพิราบ นกกางเขน และอื่นหลายๆ นกเพียบเลย ข้าได้รู้อะไรหลายๆ เรื่องเลยนะ นกพวกนี้สอดรู้สอดเห็นเหมือนข้าเลย พรุ่งนี้ข้ามีนัดกับเพื่อนจ้าอีกหลายตัว เรานัดกันไปส่อง...” ธิดาดอยรีบหยุดพูด เกือบพลั้งปากไปว่า ไปส่องเหล่าทหารที่มักมาอาบน้ำริมแม่น้ำ อวดร่างกายบึกบึน อวดความขาวเป็นยองใย อวดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ แค่คิด แค่จินตนาการ ธิดาดอยก็ฟินไปถึงไหนต่อไหน “ไปส่องอะไร” องค์รัชทายาทรีบถาม “ส่องบ้านส่องเมืองไง เพื่อนนกของข้าจะพาไปเที่ยวเมืองหลวง” ธิดาดอยรีบแก้ตัว “อ๋อๆ งั้นเรามารีบกินกันดีกว่านะ ข้าอยากส่องตัวเจ้าบ้างแล้ว” นั่น...วกมาเรื่องนี้จนได้ ธิดาดอยกรอกตาขึ้นบน “ท่านเคยออกไปข้างนอกยามวิกาลบ้างไหม” เธอเปลี่ยนเรื่อง “ไม่ ข้าไม่เคยไป” พูดไปก็หอมแก้มธิดาดอยไม่ไปด้วย ไล่ปากมาถึงริมฝีปากช่างเจรจา ธิดาดอยรีบหลบพัลวัน “ท่านน่าจะไปบ้างนะ” ธิดาดอยเริ่มพูดเสียงสั่น เพราะตอนนี้มือเขากำลังกอบกุมดอกบัวงามนอกเสื้อคลุม ใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอระหง “ไม่ ข้าไม่อยากไป ข้าอยากอยู่กับเจ้า” “ทะ...ท่าน ฟังข้าก่อน” ธิดาดอยเสียงสั่นหนักมากขึ้น พยายามบอกให้เขาฟังคำพูดของตน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ตอนนี้องค์รัชทายาทหน้ามืดตามัว จ้องจะกินธิดาดอยท่าเดียว “ข้าไม่อยากฟัง ข้าอยากกินเจ้า ข้าหิว” ไม่พูดเปล่า เขาช้อนอุ้มธิดาดอยไปวางบนเตียง เธอรีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ถูกร่างหนาทาบทับ “เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง มาให้ข้าชื่นใจก่อนนะ ข้าคิดถึงเจ้าจนเนื้อตัวสั่นไปหมดแล้ว” ธิดาดอยละเหี่ยใจ แล้วไม่รู้ว่าจะหยุดการกระทำของคนจอมหื่นได้อย่างไร ได้แต่ปล่อยตัว ปล่อยใจไปตามกระแสสวาทอันเชี่ยวกราก ที่ซัดพาร่างเขาและเธอไปยังปลายทางแห่งความสุข
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD