BABYBURN :: CHAPTER 1 [30%]

1345 Words
ครามเหนือเทล #1 :: ผู้ชายที่ชื่อ ‘สงคราม’ :: “ไอศกรีมอุ่น?” เลิกคิ้วด้วยความสงสัย หากแต่สงครามกลับไม่พูดอะไร รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันรู้สึกใจไม่ดีเลยว่าเขาจะทำอะไรแพลงๆ อีกหรือเปล่า แต่ทว่าความคิดก็พลันหายไปเมื่อมาถึงร้านไอศกรีมกึ่งขนม “นี่ไงไอติมอุ่น” เขากอดคอฉันชี้นิ้วไปยังเมนูไอศกรีมทอด จนฉันเงยหน้าสบตากับเขา “ไปนั่งรอตรงมุมโน้นก่อนแล้วกัน เดี๋ยวเราคุยโทรศัพท์กับเพื่อนแปบ” “อืม แต่ครามเขาเรียกว่าไอศกรีมทอด ไม่ใช่ไอศกรีมอุ่นสักหน่อย” หลังจากสั่งของแล้ว ร่างสูงก็เดินออกไปนอกร้านฉันจึงเดินไปที่โต๊ะ พลั่ก “ขอโทษค่ะ” เพราะมัวแต่มองเหม่อไปยังโต๊ะที่ต้องการจึงทำให้ฉันเผลอเดินชนไหล่ผู้ชายคนหนึ่งที่สวมชุดนักเรียนต่างสถาบัน หากแต่เขากลับหันมามองฉันพลางโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ” รอยยิ้มสดใสส่งมาให้ ทำเอาฉันถึงกับไปไม่เป็นเลยสักนิด คนตรงหน้าดูดีมากจนเผลอจับจ้องไม่วางตา “เฮ้ เป็นอะไรหรือเปล่า?” “มะ ไม่ค่ะ” รีบหลุบสายตาเดินไปยังโต๊ะที่เล็งเห็นไว้ ก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างที่บริเวณลำคอมีหูฟังขนาดใหญ่ แต่เขากลับยกขึ้นให้ตรงตำแหน่งหู กดอะไรสักอย่างให้มือถือก่อนจะเปิดประตูร้านและเดินจากไป ประตูเปิดขึ้นอีกครั้งด้วยร่างสูงของสงคราม เขาทิ้งก้นลงนั่งข้างฉันพลางกอดคอ “จะเรียกแบบนี้” สงครามพูดถึงเรื่องไอศกรีมอุ่นไม่ยอมจบสินะ “ตามใจ” ฉันเชิดหน้าขึ้นอย่างยิ้มๆ จนสงครามขยับหน้าเข้ามาใกล้ “ติมอุ่นที่เราบอกมันมีจริงๆ นะ” “จริงเหรอ ไหนล่ะ?” ด้วยความที่ไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีไอศกรีมอุ่น ฉันจึงได้ถามออกไป ทำให้สงครามกัดปากตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มขำมาให้ “ต้องไปที่ห้องเรา” “ที่ห้องครามมีเหรอ ไม่จริงมั้ง โกหกเราหรือเปล่า” ฉันส่ายหน้าพรืดเพราะไม่อยากจะเชื่อใจเขาหรอก สงครามน่ะชอบแกล้งฉันที่สุด อย่างที่ห้องสมุดก็เล่นเอาฉันหวาดกลัวจนเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ไม่โกหก วันไหนอยากกิน เดี๋ยวพาไป” “ดูก่อนนะ” ไม่ตกลงแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะตั้งแต่คบกันมาฉันยังไม่เคยไปห้องของสงครามเลย รู้ว่าเขาน่ะแยกตัวมาอยู่คอนโดคนเดียวเพราะพ่อกับแม่ตามใจ แต่ก็เขินอายที่จะไปห้องเขาสองต่อสอง “เราจะบอกว่ามันอร่อยมากเลยนะ มีใส่นมข้นหวานด้วย ของโปรดเทลเลย” “ไม่ต้องเอานมข้นมาล่อเรา” ผลักแก้มสากออกห่างและนั่งอ่านนิตยสารเพื่อรอไอศกรีมที่สั่งไป “พูดให้เราอยากกินล่ะสิ” “ใช่ เราพูดอยากให้เทลไปห้องกับเรา” “...” ชะงักมือที่กำลังเปิดหนังสือหน้าถัดไป “ไปกินติมอุ่น เราอยากให้เทลกินจริงๆ นะ รสชาติมันไม่เหมือนไอศกรีมทั่วไป” ยิ่งพูดก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ให้ฉันเหลือเกิน ถอนหายใจและหันไปมองสบตากับเขา “ใส่นมข้นเยอะหรือเปล่า?” “มันก็แล้วแต่เทลว่าจะกินติมอุ่นได้นานแค่ไหน” ฉันเอียงคอมองสบตากับสงครามที่แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันเอนตัวหนี “ยิ่งเทลกินนาน นมข้นก็จะพุ่งเข้าปากเทลมากตามที่เทลต้องการ” “ทำไม... นมข้นถึงพุ่งเข้าปากเราล่ะ” “ไม่รู้ อยากรู้ต้องไปลองที่ห้องเราสิ” “ชิ ขี้งกไม่ยอมบอก” สงครามยักไหล่และมองพนักงานที่เอาไอศกรีมมาวางให้เราสองคน กินกันสักพักก็มีลูกค้าทยอยเข้ามาในร้านมากขึ้นและส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนจากโรงเรียนใกล้เคียงหรือโรงเรียนเดียวกัน ฉันกินไอศกรีมเรื่อยๆ กระทั่งเห็นนักเรียนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งนั่งคุยกันเสียงดัง โดยที่หันมามองสงครามด้วย และรู้ไงว่าสงครามน่ะหน้าตาดี หล่อ ออกแนวหัวรั้นจึงเป็นที่สนใจของผู้หญิงทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนที่โตกว่า สายตาของฉันเหลือบไปมองนักเรียนหญิงที่แต่งตัวได้รัดฟิตกระโปรงสั้น เธอทิ้งสายตาให้สงครามก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป แต่ฉันก็เคยชินอะไรแบบนี้มาแล้วจึงไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่ “เออเทล เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ปวดฉี่” “อืม” ฉันพยักหน้าให้กับสงคราม และหันมาสนใจถ้วยไอศกรีมต่อโดยไม่ได้รับรู้เลยว่าเสียงของโต๊ะข้างๆ ที่คุยกันเสียงดังนั้น พวกเธอกำลังมองมาที่ฉัน แน่นอนว่าฉันไม่ได้คิดจะถามออกไปว่า ‘มองทำไม’ หรือ ‘มีปัญหาอะไรหรือเปล่า’ แต่ไหนแต่ไรแล้วฉันไม่กล้าที่จะแสดงออกว่าตัวเองรู้สึกยังไง ฉันถูกเลี้ยงดูฟูมฟักราวกับไข่ในหิน พ่อกับแม่ของฉันดูแลห่วงใยฉันมาตลอด อย่างเรื่องที่ฉันมีแฟนพวกท่านก็ไม่ได้รับรู้อะไร ถ้าเกิดรู้เข้าคงไม่พ้นให้ฉันเลิกกับสงครามแน่ๆ เพราะท่านอยากให้ฉันโฟกัสการเรียนและอนาคตหลังจากจบมัธยมปลายต่างหาก เวลาผ่านไปเกือบสิบห้าหรือยี่สิบนาทีได้ ฉันชะเง้อมองหาสงครามที่เข้าห้องน้ำนานผิดปกติ รู้สึกเป็นห่วงจนเกือบจะลุกไปหาเขาแล้ว แต่ก็ต้องมองสบตากับผู้หญิงต่างสถาบันที่จัดทรงผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ สีหน้าของเธอดูอ่อนเพลียแต่กลับแสยะยิ้มให้ฉัน ทั้งที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “ไง” “คราม นึกว่าเป็นอะไรซะอีก หายไปนานเลย” ร่างสูงที่ฉันมองหาทิ้งตัวลงนั่งข้างกาย สองมือยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าจนฉันเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย เมื่อหน้าอกของสงครามเสื้อนักเรียนสีขาวแนบเนื้อจนชุ่มน้ำ “ทำไมเหงื่อออกเยอะจัง?” “เหงื่อที่ไหน น้ำต่างหาก เราล้างหน้ามา” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะมองผู้หญิงกลุ่มนั้นที่เดินจากไปแต่ทว่าหางตากลับมองมายังสงครามซึ่งแน่นอนว่าเขากลับยิ้มกว้างส่งไปให้ พลางยกมือโบกนิดหน่อยจนฉันเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงที่ส่งยิ้มให้ “เราอยากกลับบ้านแล้ว” “อืม เอาสิ” ระหว่างที่สงครามกำลังรื้อกระเป๋านักเรียน ฉันเก็บกระเป๋าตัวเองเช่นกันแต่ทว่ารอยอะไรบางอย่างตรงต้นคอของเขาทำให้ฉันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เอื้อมมือไปแตะเบาๆ จนสงครามสะดุ้ง “รอยแดงเป็นจ้ำเลย ครามโดนอะไรมาเหรอ?” “เกามั้ง” เขาหันมาส่งยิ้มให้และลุกขึ้นเดินหนีไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ สักพักเขาก็ขับรถมาส่งฉันที่ข้างบ้าน เนื่องจากฉันไม่อยากให้คนที่บ้านรับรู้ “ไปก่อนนะ เราต้องรีบไปหาไอ้อาร์ม” “อ๋อ ขับรถดีๆ นะคราม พรุ่งนี้เจอกันจ๊ะ” โบกมือให้สงครามที่ขับรถไป อาร์มที่พูดถึงเป็นเพื่อนสนิทของสงครามแต่อยู่คนละโรงเรียน เมื่อหันหลังเตรียมจะเข้าบ้านเสียงมือถือในกระเป๋ากระโปรงก็ดังขึ้นมาซะก่อน เป็นข้อความที่ไม่ขึ้นโชว์นั่นหมายถึง ไม่มีเบอร์นี้ หรือเบอร์ที่ฉันไม่รู้จัก นิ้วเรียวเลื่อนปลดล็อกหน้าจอมือถือสุดหรูราคาแพงไปยังกล่องข้อความ ก็ต้องชะงักยามมองข้อความตรงหน้าราวกับพบเจอภูตผีปีศาจ ‘อย่าโง่ปล่อยแฟนให้กินคนอื่นไปเรื่อยสิ แบบนี้ก็แย่นะ ถ้าเขาจะหากินกับผู้หญิงคนอื่น เพราะมีแฟนโง่ๆ ไม่ยอมเขาง่ายๆ : จากผู้หวังดีที่โดนแฟนเธอเสียบแล้ว’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD