“นะ นี่มันอะไรกัน”
ไม่เข้าใจเลยว่าข้อความตรงหน้ากำลังสื่อถึงอะไร ‘จากผู้หวังดีที่โดนแฟนเธอเสียบแล้ว’ หัวใจมันอ่อนยวบเมื่ออ่านข้อความนี้ซ้ำไปมา หรือที่เขาลือกันว่าสงครามแอบฉันไปหาผู้หญิงคนอื่น หรือมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน มันเรื่องจริงงั้นเหรอ ฉันเก็บงำความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับนี้ไว้จนกระทั่งเผลอหลับไปจนมาถึงโรงเรียนในเช้าวันต่อมา
เพียงเพราะว่าฉันไม่ยอมมีอะไรกับสงครามงั้นเหรอ? เขาถึงได้ไปมีคนอื่นแบบนี้ ไม่สิ ก็แค่ข้อความที่ส่งมาเพื่อให้ฉันกับสงครามมีปัญหากันมากกว่า หลายคนไม่พอใจกับการคบกันของเรา เพราะงั้นคงจะอิจฉาและอยากได้สงครามกันสินะ ถึงได้หาเรื่องกันแบบนี้ แต่พอมานั่งนึกถึงข้อความที่ถูกส่งมา ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบนั้น ถ้าหากเป็นจริงขึ้นมาล่ะ ถ้าหากสงครามไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นเพราะฉันไม่ให้ มันจะเป็นยังไงต่อไปกับความสัมพันธ์ของเราสองคน
ระหว่างที่นั่งเรียน ฉันเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องนี้ไม่ตก ใจหนึ่งก็กลัวที่จะมีความสัมพันธ์เลยเถิด อีกใจก็อยากที่จะ ‘ลอง’ มีอะไรกับสงคราม มันไม่ผิดใช่ไหมในเมื่อเราสองคนรักกัน เป็นแฟนกันและ... พร้อมที่จะป้องกันไม่ให้มีเรื่องผิดพลาด ริมฝีปากกัดเข้าหากันยามที่คิดได้แล้วว่าจากนี้ฉันจะตัดสินใจยังไง
“คือเทลขอไปค้างบ้านเพื่อนวันหยุดนะคะ วันอาทิตย์จะกลับบ้านตอนเช้า” ระหว่างพักเที่ยงฉันก็ออกมาคุยโทรศัพท์กับแม่เพื่อขอไปนอนค้างบ้านเพื่อนซึ่งแน่นอนว่าทางบ้านของฉันอนุญาต ไม่บ่อยหนักที่จะได้ไปไหนมาไหน ดังนั้นแม่จึงได้อนุญาต ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกมองวิวทิวทัศน์นอกระเบียงห้อง ท้องฟ้าวันนี้ช่างครึ้มราวกับฝนจะตกไม่ปานเลย
หมับ
“อ๊ะ”
“ทำไมไม่ลงไปกินข้าวที่โรงอาหาร” น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างใบหู แน่นอนว่าคนที่พูดหรือกอดฉันอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสงคราม
“เราไม่หิว”
“แล้วเมื่อกี้คุยกับใคร?” สงครามถามด้วยเสียงแข็งๆ จนฉันหันไปมองหน้าเขา “คุยกับผู้ชายที่ไหน”
“ไม่ใช่ เราคุยกับแม่” รีบส่ายหน้าและโบกมือปฏิเสธ แต่สงครามกลับอมยิ้มและหอมแก้มฉันอย่างแนบแน่น
“เรารู้แล้ว เทลไม่มีวันนอกใจเรา” ฉันพยักหน้ารับและปล่อยให้เขาสวมกอดอยู่นานเกือบห้านาทีได้ สงครามก็เอ่ยปากขึ้นมา “เทล”
“มีอะไรเหรอ?”
“พรุ่งนี้หยุด... เย็นนี้ไปห้องเรานะ” กลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นเต้น เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะโทรขออนุญาตแม่ไปค้างกับเพื่อนอยู่เลย จู่ๆ สงครามก็มาชวนแบบนี้มันช่างเหมาะเจาะจริง “นะเทล ไปกับเรานะ”
ฉันเม้มปากตัวเอง หัวใจมันเต้นโครมครามจนเหมือนจะหลุดออกมาให้ได้ หันไปมองสบตากับสงครามที่ใช้แววตาอ้อนวอนส่งมาให้ และทุกครั้งที่เขาชวนฉันมักจะปฏิเสธ หากแต่คราวนี้ฉันกลับนิ่งและใช้ความคิด
“เราคบกันมานานแล้วนะเทล ระยะเวลาสามปียังไม่มากพอที่เทลจะเชื่อใจเราเหรอ?”
“ปะ เปล่านะ เราไม่ได้คิดแบบนั้น” รีบบอกเขาออกไปเพราะกลัวเหลือเกิน กลัวว่าสงครามจะโกรธแบบวันนั้น เขาถอยหลังออกไป
“โอเคงั้นเราไม่บังคับเทลแล้วล่ะ เราเหนื่อยและเราก็น้อยใจ” ว่าจบก็หันหลังเดินหนีไป แต่ยังไม่ทันที่สงครามจะก้าวเท้าออกจากห้องเรียน ฉันก็วิ่งไปคว้าต้นแขนเขาไว้
“เราจะไป”
“...”
“เราจะไป... ห้องครามวันนี้” เท่านี้ร่างสูงก็หันมามองฉัน รอยยิ้มตรงมุมปากพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ทำเอาฉันหน้าร้อนผ่าวเมื่อสงครามดันร่างของฉันจนติดกับโต๊ะเรียน เท้ามือกันฉันไว้โน้มใบหน้าลงมาใกล้จนลมหายใจถี่ร้อน
“ดีใจจัง ในที่สุดเทลก็ ‘ยอม’ ไปห้องกับเรา”
“อืม เราแค่อยากตามใจครามบ้าง ครามตามใจเรามาตลอดเลย เราแค่ไม่อยากให้ครามมองคนอื่นนอกจากเรา”
“ยัยโง่” สงครามแตะริมฝีปากลงบนแก้มฉัน “ใครเขาจะไปมองคนอื่นกัน”
“เห็นชอบมองผู้หญิงคนอื่นไปทั่ว”
“แค่นี้ก็หึงเหรอ” ฉันเบือนหน้าหนีเขา ยันอกแกร่งออกห่างตัว “ขี้หึงเหมือนกันนะ น่ารักจริง”
เราสองคนไม่พูดอะไรกันมีเพียงแต่รอยยิ้มเท่านั้นที่ส่งถึง ฉันกับสงครามเดินจับมือกันไปยังโรงอาหารที่ตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับการกินมื้อเที่ยง ไม่รู้ว่าหัวใจมันเต้นแรงตั้งแต่ตอนไหน และใช่มันเป็นในตอนนี้เลยเมื่อฉันซ้อนท้ายรถสงครามเพื่อมุ่งตรงไปยังคอนโดของเขา สองมือโอบกอดเอวหนาแน่นพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่กว้าง ใบหน้าหล่อหันมามองฉันและบึ้งรถออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าไม่นานเราสองคนก็มาถึงที่พัก ฉันตกตะลึงไม่น้อยเมื่อมองตึกที่สูงเสียดฟ้า ไม่คิดไม่ฝันว่าสงครามเด็กหนุ่มม.ปลายจะได้มาอยู่ในที่ที่แพงและหรูหราขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นในเมื่อพ่อแม่ของสงครามเป็นนักธุรกิจดังรวยไม่ต่ำว่าพันล้าน สถานะของฉันและเขาไม่ได้ต่างกันมาก ทุกคนที่เห็นเราสองคนรักกัน คบกันถึงได้อิจฉาในความเหมาะสม
“เข้ามาสิ” กลืนน้ำลายลงคอ ยามที่ประตูบานใหญ่ถูกเปิดขึ้น ชั้นที่สงครามอยู่นั่นสูงจนเห็นวิวทิวทัศน์ในเมืองกรุงได้ 360 องศาเลยทีเดียว ดวงตาของฉันเบิกกว้าง ภายในห้องของเขามีโซนรับแขกที่กว้างขวาง เครื่องเล่มเกมวางอยู่บนโต๊ะกระจก ทีวีจอยักษ์และเคาน์เตอร์ครัวที่หรูหรานี่อีก
“นั่งก่อนสิ เราไปเอาน้ำมาให้กิน” ฉันพยักหน้ารับและเดินไปนั่งตรงโซฟามุมริมกระจก รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อมองแม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุดไหลผ่าน ตามตึกที่ฉันเคยเห็นว่าสูงใหญ่ก็ยังต้องแพ้ให้กับคอนโดของสงครามเลย
“สวยจังเลย เราไม่คิดว่าครามจะได้มาอยู่ที่สวยๆ แบบนี้” เมื่อหันไปเผชิญหน้ากับร่างสูง ใบหน้าของฉันก็ต้องร้อนเห่อเมื่อท่อนบนร่างกายของสงครามกลับเปลือยเปล่า เผยให้เห็นกล้ามเนื้อและอกแกร่ง หนำซ้ำฉันเพิ่งจะรู้ว่าสงครามมีรอยสักตามลำตัวด้วย
“เราร้อนก็เลยถอด เทลไม่ว่านะ” ส่ายหน้าพรืดรับแก้วน้ำมาจิบ แต่กลับหลุบตาลงมองตักตัวเอง “หือ? ฝนตกงั้นเหรอ”
เพียงแค่สงครามเอ่ยปากฉันก็หันไปมองด้านนอกก็จริงอย่างที่เขาว่า ตอนนี้ฝนกำลังเทลงมาอย่างหนักทั้งที่เมื่อกี้ฉันยังเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามอยู่ แต่ตอนนี้กลับถูกปกคลุมด้วยเม็ดฝนนับไม่ถ้วน
“หิวไหม?”
“ยัง ครามล่ะหิวหรือเปล่า เราทำอาหารให้ทานได้นะ” อยากโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เขาทาน เพราะฉันเองก็มั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่ทว่าสงครามกลับส่ายหน้าไปมา เขาจับมือฉันให้ลุกขึ้นยืน
“ไปดูห้องนอนเราสิ”
สงครามจูงมือฉันไปยังหน้าห้องของเขา ก่อนที่ประตูสีน้ำตาลจะเปิดขึ้น ภายในห้องของสงครามเป็นโทนสีเทา แต่ทว่าเตียงขนาดกว้างเป็นสีน้ำเงินขาว ฉันกวาดสายตามองไปรอบห้องนอนซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ฉันใจเต้นเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ มันกระทบเข้าจมูก สองเท้าเดินไปรอบห้อง จนมาหยุดตรงหัวเตียงฉันหยิบกรอบรูปของเขาขึ้นมาดู มันเป็นภาพสงครามตอนเด็กและน่ารักมากๆ เขาตัวกลมเหมือนโดเรมอนเลย
“น่ารักจัง ครามตอนเด็กน่ารักเหมือนทานุกิ”
“หือ... ทานุกิ? หมายถึงโดเรมอนเหรอ” ฉันพยักหน้ารับเมื่อสงครามเดินมาซ้อนด้านหลัง หยิบกรอบรูปออกจากมือฉันและวางไว้ที่เดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมเลยคือสองมือที่โอบกอดเอวจนฉันหดตัวเกร็งตามเขา