“พี่แจ่ม ทำไมมาอยู่ที่นี่ครับ”
ผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เมื่อกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้วเจอแม่บ้านของตนเองกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ในครัวกับหญิงสาว
“คุณวี สวัสดีค่ะ พอดีคุณนาเดียโทรหาพี่บอกว่าอยากทำเค้กส้มค่ะ พี่ก็เลยมาช่วยสอนค่ะ”
“เค้กส้ม?” ปฐวีทวนคำแล้วมองดูนาเดียที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบสีขาว ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นแป้งเค้ก “อยากกินเค้กทำไมไม่สั่งมากิน ทำอะไรให้ยุ่งยากลำบากคนอื่น”
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกเขาดุทั้งที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักอย่าง
“คือฉันแค่อยู่ที่นี่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ แล้วคิดว่าถ้าทำเค้กเป็นจะได้ทำให้คุณกินด้วย มันก็น่าจะดี” นาเดียเอ่ยบอกเหตุผลของตัวเองไป แต่ดูเหมือนผู้ชายตัวโตจะไม่ได้ใส่ใจหรือซาบซึ้งเลยสักนิด
“ฉันไม่ชอบกินขนม ไม่ชอบของหวาน เธออยากกินก็กินคนเดียว ไม่ต้องมาเผื่อ แล้วครัวน่ะ ทำเสร็จแล้วเก็บให้มันสะอาด ๆ นะ”
จบคำพูดของเขาร่างสูงก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่ยืนนิ่ง ๆ อยู่ที่เดิม
“คุณนาเดียอย่าไปใส่ใจคำพูดคุณวีเลยนะคะ เห็นเป็นแบบนั้นแต่คุณวีก็ใจดีมากเลยนะ เดี๋ยวทำเสร็จพี่แจ่มจะช่วยเก็บครัวเอง ไม่ต้องห่วงค่ะ” พี่แจ่มเอ่ยปลอบแล้วดันตัวนาเดียให้หันกลับมาสนใจขนมที่อยู่ในตู้อบต่อ
ก็ไม่ได้น้อยอกน้อยใจอะไรนักหรอก เป็นแค่ผู้อาศัยนั้นก็รู้ตัวดี แต่คนเราอยู่ใต้ชายคาเดียวกันพูดดี ๆ สักหน่อยมันจะเป็นจะตายขึ้นมาหรือไง คนตัวเล็กได้แต่นึกค่อนขอดอยู่ในใจ หากไม่ติดว่าเขาเป็นที่พึ่งเดียวในตอนนี้ก็คงจะออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว
ไม่นานนักขนมที่อบอยู่ก็เสร็จเรียบร้อย เอามาตกแต่งอีกนิดหน่อยก็ออกมาดูน่าทานเหมือนกับซื้อจากร้านดัง ๆ
“โห...พี่แจ่มเก่งมากเลยค่ะ” เสียงใสเอ่ยชมพี่แม่บ้านที่อุตส่าห์มาช่วยทำขนมตามที่เธอร้องขอ
“เก่งอะไรล่ะค่ะ คุณนาเดียต่างหากที่เก่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าเพิ่งลองทำครั้งแรก แต่งหน้าขนมสวยเหมือนที่ร้านเลยค่ะ”
พอโดนชมกลับบ้างคนตัวเล็กก็ยิ้มจนแก้มแทบแตก ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงอย่างเขินอาย
“ชิ้นนี้ของพี่แจ่มนะคะ แบ่งกันค่ะ”
“ให้พี่แล้วคุณนาเดียกับคุณวีจะทานอิ่มเหรอคะ”
“ก็คุณวีบอกเองว่าไม่ชอบขนม เก็บไว้ให้ชิ้นเล็ก ๆ ก็พอค่ะ ส่วนเดียชิ้นเดียวก็อิ่มแล้ว”
เค้กส้มหนึ่งชิ้นถูกวางลงในกล่องแล้วยื่นให้พี่แจ่มแทนคำขอบคุณ หลังจากเก็บครัวจนสะอาดตามคำสั่งของคนตัวโต พี่แจ่มก็ขอตัวกลับ
นาเดียวางเค้กสองชิ้นลงบนโต๊ะทานข้าว ชิ้นเล็กสำหรับปฐวี ถึงแม้เขาจะบอกว่าไม่ชอบ แต่เธอก็ยังอยากให้ลองทานดูสักครั้งเพราะเธอตั้งใจทำมันมาก ส่วนอีกชิ้นก็วางลงตรงหน้าตัวเองก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ สองมือยกประสานกุมกันไว้ตรงหน้าอกแล้วก็หลับตาลง
“สุขสันต์วันเกิดนะนาเดีย ปีนี้มันอาจจะเศร้าหน่อย แต่ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้แน่ พ่อคะแม่คะ ได้โปรดอวยพรให้หนูด้วยนะคะ”
เธอเอ่ยอธิษฐานกับตัวเองเพียงเบา ๆ แล้วน้ำตาหยดใสก็ไหลลงอาบแก้ม มันเป็นวันเกิดปีแรกที่รู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทุกอย่างจะต้องดำเนินต่อไป และเธอจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรอเวลา
ภาพของหญิงสาวที่ยกมือประสานกันไว้แล้วหลับตาเหมือนภาวนาอะไรสักอย่าง มันทำให้ปฐวีสงสัยไม่น้อย เขายืนดูเธอเงียบ ๆ มาได้สักพักจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“ทำอะไรของเธอ”
คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น นาเดียรีบลืมตาแล้วหันไปอีกทางเพื่อเช็ดคราบเปียกปอนจากใบหน้า แต่นั่นมันก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของผู้ชายอย่างปฐวีได้
“คือฉันจำอะไรไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร พอเห็นเค้กแล้วก็เลยนึกอยากจะลองอธิฐานวันเกิดขอพรดูค่ะ เผื่อจะทำให้จำอะไรได้บ้าง” เธอบอกเหตุผลแบบผ่าน ๆ เพื่อไม่ให้เขาสงสัย
“ไร้สาระ” ผู้ชายหน้าเข้มพูดออกมาแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเธอ จากนั้นก็เลื่อนจานเค้กเข้ามาหาตัวเอง
“นี่ของฉันหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามพร้อมกับมองดูเค้กชิ้นเล็กที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามตรงหน้า
“ใช่ค่ะ ของคุณวีค่ะ ลองชิมดูสิคะ” นาเดียพูดพลางแอบลุ้นไปพลางว่าปฐวีจะยอมตักเค้กเข้าปากสักคำหรือเปล่า
“แน่ใจนะว่ากินได้”
“ได้แน่นอนค่ะ พี่แจ่มยังบอกเลยว่าอร่อย” คนทำยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วก็ยิ่งลุ้นเข้าไปใหญ่เมื่ออีกฝ่ายกำลังจะตักเค้กเข้าปาก
“เป็นไงคะ อร่อยไหม” นาเดียนั่งลุ้นจนตัวโก่ง หลังจากที่ปฐวีตักเค้กเข้าปากไปแล้วกลับไม่พูดอะไรออกมาเลย
“ก็ ก็พอกินได้” เขาตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก แต่กลับตักเค้กคำที่สองเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยคำที่สามและสี่ จนหมดทั้งชิ้น
สีหน้าประหลาดใจของปฐวีทำเอานาเดียไม่กล้าถามอะไรออกมาอีก ไม่รู้ว่าจะถูกปากเขาหรือเปล่า หรือมันแย่จนเขาไม่กล้าพูดออกมา แต่ถ้ายังเงียบอยู่แบบนี้เธอก็ไม่รู้น่ะสิว่าฝีมือทำเค้กพอไปวัดไปวาได้ไหม
“ตกลงเป็นยังไงคะ รสชาติโอเคไหม”
“ก็อร่อยดี ไม่แย่อย่างที่คิด” ปฐวีตอบออกมาตามความรู้สึก ปกติที่เขาไม่ชอบกินขนมหวานเพราะมันหวานเลี่ยนจนอยากจะอาเจียน แต่เค้กส้มที่เธอทำมันกลับได้รสชาติพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ ความหวานที่ลงตัวตัดกับรสเปรี้ยวนิด ๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างใน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของส้มทำให้รู้สึกสดชื่นมาก แถมเนื้อเค้กก็นุ่มฟูจนละลายในปาก
“ดีจัง ถ้าคุณชอบฉันจะทำให้กินบ่อย ๆ นะคะ”
“นี่เธอ ถึงฉันจะบอกว่าก็อร่อยดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะกินบ่อย ๆ”
ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่แน่ใจ บางทีถ้าเธอทำมันอีกครั้งเขาอาจจะสามารถกินได้ทั้งก้อนคนเดียวจนหมดเลยก็ได้
“ขอบคุณนะคะ” เสียงหวานที่เอ่ยขอบคุณออกมาเบา ๆ พร้อมกับดวงตาที่คลอด้วยหยดน้ำทำเอาปฐวีได้แต่นั่งนิ่ง มันเป็นคำขอบคุณที่ฟังดูเศร้ามาก
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร”
“ก็ขอบคุณที่คุณวีนั่งกินเค้กเป็นเพื่อนฉันไงคะ” รอยยิ้มบาง ๆ เผยออกมาให้เห็น แต่ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาของเธอก็ยังดูเศร้าอยู่ดี
“ก็เห็นว่าอุตส่าห์ทำแล้วเลยไม่อยากให้เสียน้ำใจ” เขาตอบกลับแล้วลอบมองดูใบหน้าสวย ๆ นั่น แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าก้อนเนื้อใต้หน้าอกด้านซ้ายมันกำลังสั่นไหว
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับเข้าไปในห้อง”
“ไม่มีแล้วค่ะ”
“ข้าวเย็นเธอสั่งมากินคนเดียวได้เลยนะ คืนนี้ฉันจะออกไปดูร้าน จะไปกินที่นั่นเลย ไม่ต้องสั่งเผื่อ” เขาเอ่ยบอกกับเธอเสร็จก็รีบลุกจากเก้าอี้แล้วตรงกลับห้องนอนของตัวเอง บานประตูปิดลงใบหน้าคมที่เรียบนิ่งเมื่อกี้ก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
นาเดียกำลังปิดบังบางอย่าง ตอนที่เธอนั่งอยู่คนเดียวเหมือนว่ากำลังคิดอะไรสักอย่าง ไม่แน่ว่าความจริงเธออาจจะไม่ได้ความจำเสื่อมก็ได้
“ถ้าอย่างนั้นแล้วจะโกหกทำไมวะ” คราวนี้เป็นเขาที่พึมพำกับตัวเองบ้าง ถ้าจะคิดว่าหวังมาจับเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นเคยทำ แต่เขากับเธอไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ มันแค่ความบังเอิญที่ขับรถชนในคืนนั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่พอถามทีไรนาเดียก็บอกว่ายังจำอะไรไม่ได้ทุกที คาดคั้นมาก ๆ ก็บอกว่าปวดหัว มันจึงทำให้เขาเลิกถามไปในที่สุด
///////////////////////////////////////////////////////