ร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยช็อปสีแดงเลือดหมูใส่คู่กับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ มันทำให้ปฐวีดูเป็นผู้ชายที่น่ามองมาก ๆ เมื่อเขาก้าวออกมาจากห้องนอนมันจึงทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเผลอจ้องไม่กะพริบตา
“คุณวีจะไปไหนเหรอคะ” เมื่อเห็นเขาหยิบกุญแจรถกับคีย์การ์ดไปหนึ่งอัน นาเดียจึงเอ่ยถามขึ้น
“จะไปเรียน ส่วนเธอก็อยู่ให้มันดี ๆ อย่าเที่ยวออกไปเพ่นพ่านที่ไหน เดี๋ยวหลงทางลำบากฉันต้องตามหาอีก”
เธอถามเขาแค่สั้น ๆ แต่ดูคำตอบของผู้ชายคนนี้สิ ยังไม่วายหาเรื่องดุเธออีกแล้ว
“อ้อ...แล้วก็รีบ ๆ จำให้ได้ด้วยว่าตัวเองเป็นใคร อายุแค่นี้คงยังไม่เรียนไม่จบใช่ไหม” ก่อนที่จะเดินผ่านเธอไปปฐวีก็พูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับใช้สายตาไล่มองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า มันน่าจะจริงอย่างที่มาวินบอก เธอคงอายุไม่เกินยี่สิบปีแน่ ๆ
“ละ แล้วคุณวีจะกลับมากี่โมงคะ”
“ถามทำไม”
“คือฉันจะได้สั่งอาหารรอค่ะ คุณวีอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
นาเดียถามออกมาด้วยแววตากระตือรือร้น เธอเป็นคนอาศัยอะไรที่พอทำได้ก็อยากจะทำเพื่อตอบแทนเขา ถึงแม้ว่าเงินทุกบาทที่ใช้ซื้ออาหารจะเป็นเงินของเขาก็ตามที
“ไม่ต้องรอ เธออยากกินอะไรก็สั่งมากินได้เลย ฉันอาจจะกลับค่ำ หรือไม่ก็เช้า แล้วแต่อารมณ์”
“ประเทศไทยเรียนหนักขนาดนี้เลยเหรอคะ” คำถามที่ออกมาจากปากบางเล็กทำให้ปฐวีรีบหันกลับมามอง
“พูดอะไรของเธอ แปลกคน”
“เอ่อ...ฉันหมายถึงคุณวีเรียนหนักขนาดนี้เลยเหรอคะ เห็นบอกว่าอาจจะกลับเช้า”
ไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ตั้งแต่เธอมาอยู่ด้วย แล้วเขาต้องถอนลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับความคิดที่เหมือนจะซื่อ หรืออาจจะบื้อของคนตรงหน้า
“เรียนเลิกบ่าย แต่ฉันมีงานต้องทำ ต้องไปดูร้านก็เลยอาจจะกลับช้า”
“อ๋อ...เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางปลอดภัยนะคะคุณวี”
ใบหน้าหล่อเหลาได้แต่ส่ายไปมา ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เธอจะจำอะไรได้ หากต้องดูแลแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คงได้ปวดหัวตายสักวันแน่ ๆ
//////
“เฮียมาเช้าเหมือนกันน่ะเนี่ย” เสียงของมาวินเอ่ยทักเมื่อเห็นพี่ชายคนโตนั่งอยู่หน้าตึกตั้งแต่เช้า แล้วก็หย่อนตัวลงนั่งตรงข้ามกัน
“แล้วนี่เธอคนสวยเป็นไงบ้างเฮีย” น้องชายยังคงถามต่อ พร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกมาว่าอยากรู้อยากเห็น
“แกหมายถึงใคร”
“ก็คนที่เฮียขับรถชนแล้วพาไปอยู่ด้วยนั่นไง”
พอได้ยินน้องชายถามถึงนาเดีย ปฐวีก็ถอนหายใจออกมาแรง ๆ อีกครั้ง “จะยังไงล่ะ ก็ยังจำอะไรไม่ได้หมือนเดิม แถมดูเหมือนจะทำอะไรไม่เป็นด้วย บางทีก็พูดจาแปลก ๆ”
มาวินทำท่าครุ่นคิดเมื่อได้ยินคำตอบของพี่ชาย จากประสบการณ์ของเขาคิดว่าไม่น่าจะดูผู้หญิงคนนี้ผิดแน่นอน
“ผมว่านะเฮีย เธอต้องเป็นลูกคุณหนูสักตระกูลแน่ ๆ หน้าตาก็ดี ผิวพรรณก็ดี”
ปฐวีเองก็พยักหน้ารับตามที่น้องชายบอก เขาเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าให้ลูกน้องค้นหาแทบทุกตระกูลในประเทศไทยแล้ว ก็ไม่พบว่าจะมีลูกสาวบ้านไหนที่หายไป และจนป่านนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าเธอเป็นใคร ชื่ออะไร ราวกับว่ารายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องนั้นถูกลบทิ้งไปจนหมด
“แต่มันก็แปลกนะ ขนาดให้ฟาซานค้นหาทุกอย่างแล้วก็ยังไม่รู้ว่ายัยนั่นเป็นใคร” ความผิดปกตินี้มันมันทำให้ปฐวีเกิดลางสังหรณ์บางอย่างขึ้นมา มันแปลกเกินไป
“แล้วนี่เฮียจะเอาไงต่อ”
“จะเอาไงล่ะ ก็ต้องให้อยู่จนกว่าความจำยัยนั่นจะกลับมาน่ะสิ” คำตอบออกมาปนกับน้ำเสียงหงุดหงิด “ว่าแต่คืนนี้ไปร้านไหม”
“ไปดิเฮีย ช่วงนี้ผมต้องไปทุกวันอยู่แล้ว”
“ฉันว่านอกจากยัยนั่นที่แปลก ก็มีแกอีกคน เป็นอะไร แค่ถามว่าไปร้านไหมถึงได้ทำสายตาเป็นประกายขนาดนั้น”
คนเป็นพี่ชายถามออกไปแล้วหรี่ตามองเพื่อจับผิด ถึงเซอร์เลสคลับจะเป็นร้านของพวกเขา แต่เมื่อก่อนมาวินก็ไม่ได้อยากจะไปเที่ยวทุกวันแบบนี้
“เฮียไม่ต้องรู้หรอก ผมรู้คนเดียวก็พอละ ไปเรียนแล้วนะเฮีย อ้อ ถ้าเห็นเวก็บอกให้รีบขึ้นตึกด้วยล่ะ”
น้องชายฝาแฝดคนแรกเดินขึ้นตึกเรียนไปยังไม่ถึงห้านาที น้องชายฝาแฝดคนที่สองก็มาถึงพอดี แต่ดูจากสีหน้าแล้วน้องชายทั้งสองคนคงจะอยู่คนละโหมดอารมณ์เป็นแน่ ก็มาวินเล่นยิ้มจนแก้มแทบแตก ส่วนเวคาหน้าบูดบึ้งจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
“เฮียเห็นวินปะ”
“เห็น ขึ้นตึกไปเมื่อกี้แล้วก็บอกว่าถ้าเห็นแกก็บอกให้รีบขึ้นตึกด้วย”
“ขอบคุณครับเฮีย” พูดเพียงแค่นั้นเวคาก็ใช้สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้าไปในตึกเรียนอีกคน
นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว ปฐวีก็รีบหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะหินอ่อนเพื่อนจะเดินเข้าไปในตึกอีกคน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น และชื่อของคนปลายสายก็ทำให้เขาพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ อีกครั้ง
“เธอโทรมาทำไม” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยถาม
//คุณวี คือฉันอยากจะซักผ้า ลองใช้เครื่องซักผ้าดูแล้วแต่ไม่แน่ใจว่ากดถูกไหม ตอนนี้น้ำยามันทะลักออกมาจากเครื่องเต็มเลยค่ะ// นาเดียตอบกลับมาตามสายด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ก่อนจะออกมาฉันเพิ่งบอกเธอเองนะว่าอย่าสร้างเรื่อง ไม่เข้าใจหรือไง”
//ก็ฉันอยากจะซักผ้านี่คะ//
“เธออยู่เฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวฉันโทรบอกให้แม่บ้านเข้าไปดู” นิ้วยาวกดตัดสายไปในทันที ก่อนที่จะเลื่อนหาเบอร์แม่บ้านของตัวเองเพื่อโทรบอกให้เข้าไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“หรือว่าที่วินพูดจะจริง” ปฐวีได้แต่พึมพำกับตัวเอง ขนาดว่ากดใช้เครื่องซักผ้ายังทำไม่เป็น นี่มันต้องระดับคุณหนูผู้เพรียบพร้อม ตื่นเช้ามามีคนประเคนอาหารเช้าให้ถึงเตียง พร้อมกับเตรียมชุดให้ แต่ถ้าเป็นคนระดับนั้น ป่านนี้ก็น่าจะมีประกาศตามหาตัวตั้งแต่วันแรกแล้ว
“ปวดหัวฉิบหาย” ปฐวีได้แต่สบถคำกับตัวเอง ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเจอใครที่หาที่ไปที่มายากขนาดนี้มาก่อน
สองขายาวก้าวเร็ว ๆ เพื่อเข้าไปในตึกเรียน เอาไว้เย็นนี้ค่อยถามลูกน้องอีกทีว่ามีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือเปล่า ผู้หญิงแค่คนเดียว ก็ให้รู้ไปว่าจะตามหาประวัติของเธอไม่เจอ
/////
รถสปอร์ตคันหรูแล่นด้วยความเร็วมาตามทาง กว่าจะเลิกเรียนวันนี้ก็เกือบบ่ายสี่โมง ทีแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปดูร้านเลย แต่ลูกน้องคนสนิทดันโทรมาบอกว่าพ่อของเขาให้ไปดูที่โกดังก่อนเพราะสินค้าที่จะส่งออกมีปัญหา
ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงปฐวีก็มาถึงโกดังเก็บสินค้าของ PN กรุ๊ป
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยถามพร้อมกับใช้สายสำรวจสิ่งที่ลูกน้องกำลังทำ
“ของบางชิ้นไม่ได้มาตรฐานครับ คุณปริณเลยให้ผมตามคุณวีมาช่วยดูครับ” ฟาซานตอบกลับ
“แล้วพ่อไปไหน ถ้าสินค้าของโกดังนี้มีปัญหาพ่อจะมาเองตลอดนี่นา” เพราะเป็นสินค้าราคาแพงและมีความต้องการในตลาดสูงมาก ทุกครั้งที่เกิดเรื่องปริณผู้เป็นพ่อจะมาเองทุกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
“อ๋อ...คุณปริณบอกว่าจะพาคุณมุกดาไปเที่ยวนะครับ”
พอได้ยินคำตอบปฐวีถึงกับส่ายหน้า อย่างว่า ต่อให้สินค้าราคาแพงสูงลิ่วหรือเป็นสิ่งหายากขนาดไหน แต่ถ้าให้เลือกระหว่างแม่ของเขากับของพวกนี้ แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อย่อมเลือกภรรยาเป็นอันดับแรกเสมอ
“ของที่ไม่ได้มาตรฐานคงส่งออกไม่ได้ ลองดูว่าสามารถปรับเปลี่ยนแล้วขายราคาถูกในประเทศได้หรือเปล่า แล้วก็เร่งโรงงานผลิตอันใหม่ขึ้นมาแทนเพื่อให้ทันส่งออก”
ปฐวีเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิทเมื่อตรวจเช็กทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว
“ได้ครับคุณวี ผมจะรีบสั่งคนจัดการให้ครับ”
“แล้วเรื่องผู้หญิงคนนั้น เป็นยังไงบ้าง” ปฐวีเอ่ยถามลูกน้องอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องของนาเดีย
“ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรมาเลยครับคุณวี นี่บางทีผมก็แอบคิดนะครับว่าเธอเป็นพวกต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองมาหรือเปล่า ถึงได้ไม่มีข้อมูลในประเทศไทยเลย”
“ต่างด้าว?”
ข้อสงสัยของลูกน้องทำให้เขาเองฉุกคิด จะว่าไปนาเดียเองก็พูดภาษาไทยด้วยสำเนียงแปลก ๆ แถมมีท่าทีไม่คุ้นเคยกับหลายสิ่งหลายอย่างในประเทศไทย แต่ว่าทั้งรูปร่างและหน้าตาของเธอ มันดูไม่เหมือนจะเป็นคนหลบหนีเข้าเมืองเลยสักนิด
“นายคิดว่าแบบนั้นเหรอ”
“ผมก็แค่คิดเล่น ๆ น่ะครับคุณวี ก็หาข้อมูลเธอเท่าไหร่ก็หาไม่เจอนี่ครับ”
“มันก็อาจจะเป็นไปได้นะ”
///////////////////////////////////////////////////////