ตอนที่ 1 เอาไงต่อ

1711 Words
“แล้วนี่เฮียจะทำยังไงต่อ” เสียงของมาวินเอ่ยถามพี่ชายคนโตในขณะที่พวกเขาทั้งสามคนนั่งอยู่บนโซฟาในห้องพักฟื้นพิเศษ สายตาคมทั้งสามคู่จับจ้องไปยังเตียงคนไข้ ที่มีหญิงสาวหน้าตาดีนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนนั้น “แล้วเฮียไปทำอีท่าไหนถึงได้ชนคนแบบนี้” คำถามแรกยังไม่ทันจะได้ตอบ เวคาก็ยิงคำถามที่สองตามมาในทันที ส่วนคนโดนถามก็หันสายตามามองหน้าน้องชายฝาแฝดของตนเองก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ “ใครจะไปรู้วะว่าบนถนนแปดเลนจะมีผู้หญิงทะเล่อทะล่าออกมากลางถนนให้รถชน” ปฐวีตอบกลับอย่างหัวเสีย บทสนทนาระหว่างสามพี่น้องที่ดูเหมือนจะเป็นการเถียงกันอยู่ในที ทำให้หญิงสาวที่กำลังก้มหน้าอยู่เริ่มประหม่ามากขึ้นกว่าเก่า มือเรียวถูกันไปมาราวกับไม่รู้จะวางเอาไว้ตรงไหน บางจังหวะก็แอบช้อนสายตาขึ้นมามองพวกเขาเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็ก้มหน้าต่อ “เฮียบอกพ่อดิ ไม่แน่ พ่ออาจจะหาญาติของเธอเจอก็ได้” มาวินเสนอความคิด แล้วปรายสายตามามองผู้เป็นพี่ชายอีกครั้ง “แกอยากเห็นเฮียโดนพ่อตีหัวแตกหรือไง” “อ้าว ถ้าอย่างนั้นเฮียจะเอาไงต่อ” ถ้าบอกกับปริณผู้เป็นพ่อซึ่งรู้จักคนกว้างขวางกว่าพวกเขา แน่นอนว่าอาจจะหาญาติของเธอได้เร็วขึ้น แต่กฎในบ้านมีอยู่ว่า ขับรถต้องขับอย่างระมัดระวัง พยายามให้เกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด ถึงแม้ว่าตัวปฐวีจะทำตามคำสั่งพ่อมาตลอด แต่คราวนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย เธอไม่บาดเจ็บมากก็จริง แต่ดันความจำเสื่อม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นมาตั้งนานแล้วหรือเพิ่งเป็นตอนเกิดอุบัติเหตุ เพราะจากการตรวจของคุณหมอก็ยืนยันว่าสมองของเธอไม่ได้รับการกระทบกระเทือน “นี่เธอ ช่วยนึกดี ๆ หน่อยได้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยนึกชื่อตัวเองให้ออกก็ยังดี ฉันจะได้ตามหาญาติเธอได้” พูดกับน้องชายฝาแฝดเสร็จ ผู้ชายตัวโตก็หันมามองหญิงสาวที่ยังนั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ขยับไปไหน พร้อมเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเข้ม ๆ จนทำให้ร่างเล็ก ๆ นั้นเริ่มสั่นเพราะความกลัว “ก็ ก็ไม่รู้ จำไม่ได้” เธอตอบออกมาเพียงเบา ๆ แล้วหยดน้ำตาก็ร่วงแหมะลงใส่มือ “เฮียก็พูดกับเธอดี ๆ หน่อยสิ ดูนั่นร้องไห้แล้วเห็นไหม” มาวินอดที่จะบ่นพี่ชายตัวเองไม่ได้ ปฐวีเป็นคนไม่อ่อนหวาน ถึงจะเคยควงผู้หญิงบ้างแต่ก็ไร้ซึ่งความโรแมนติกอย่างสิ้นเชิง “นี่” มาวินลุกเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง แล้วใช้สายตาสำรวจหญิงสาว “จะว่าไป ดูแล้วก็น่าจะอายุน้อยกว่าพวกเรานะ คิดว่าไม่น่าจะเกินยี่สิบปี” ใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ขนตาเรียงเป็นแพ ผมยาวเป็นลอนคลื่น เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง และดูจากผิวพรรณแล้วก็ไม่น่าจะใช่ลูกตาสีตาสาทั่วไป “สมกับตำแหน่งเสือผู้หญิง มองแค่นี้ก็รู้ทุกอย่าง” ปฐวีอดที่จะแขวะน้องชายตัวเองไม่ได้ ส่วนมาวินก็ได้แต่ส่งยิ้มกว้าง ๆ ออกมารับคำชม “ผมกลับก่อนดีกว่านะเฮีย มีเรื่องต้องไปจัดการต่อ ไม่ว่างมานั่งมองผู้หญิงของเฮียได้ทั้งวันหรอก” เวคาที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยปากบอก แล้วก็ลุกเดินออกไปจากห้องทันที ปล่อยให้พี่ชายคนโตได้แต่มองตามแผ่นหลังด้วยความงุนงง “เฮียไม่ต้องสงสัยหรอก คงไปหาทางง้อเชอร์น่ะ ได้ข่าวว่าเมื่อวานโดนเชอร์บอกเลิก” “บอกเลิก? เชอร์เนี่ยนะ” พอได้รู้เหตุการณ์ของน้องชายก็ทำเอาปฐวีคิ้วขมวดเข้าหากัน มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักนิดที่เวคาจะเลิกกับเชอร์รีล “ผมก็กลับด้วยดีกว่า พอดีมีเรื่องจะต้องไปทำเหมือนกันครับ ไปละเฮีย” มาวินเองก็โบกมือลาพี่ชายแล้วเดินออกจากห้องไปอีกคน ภายในห้องพักฟื้นพิเศษกลับมาปกคลุมด้วยความเงียบอีกครั้ง เมื่อตอนนี้ภายในห้องมีเพียงเขาและเธออยู่ด้วยกันแค่สองคน คนตัวโตพ่นลมหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนที่จะขยับขาก้าวไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองหญิงสาวอย่างคนกำลังใช้ความคิด หากติดต่อญาติไม่ได้ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว “ชื่อตัวเองก็จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ” คราวนี้ปฐวีปรับโทนเสียงให้นุ่มนวลขึ้น เผื่อว่าอีกฝ่ายจะหายกลัวแล้วนึกอะไรออกบ้าง หญิงสาวก้มหน้านิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองเขา ในที่สุดริมฝีปากอิ่มก็ขยับพูด “เดีย นาเดีย จำได้แค่นี้” “นาเดีย?” ปฐวีทวนคำพร้อมกับเลิกคิ้วสูง แล้วนาเดียนี่เป็นใคร ชื่อเธอหรือชื่อญาติกันแน่ “ชื่อของเธอเหรอ” “อืม...คิดว่านะ” หญิงสาวตอบกลับมาเบา ๆ พร้อมกับพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “โอเค งั้นจากนี้ฉันจะเรียกเธอว่านาเดียก็แล้วกัน” ใบหน้าสวยทำเพียงพยักขึ้นลงเมื่อได้ยินคำพูดของเขา “คืองี้นะนาเดีย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน มีญาติหรือเปล่า และอาการของเธอมันก็ปลอดภัยแล้ว หมอจะให้ออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้” ระหว่างที่ปฐวีกำลังพูด หญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้าตาม “เพราะงั้น ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เธอก็ไปพักที่คอนโดกับฉันก่อน จนกว่าจะตามหาญาติเจอ หรือจนกว่าเธอจะจำอะไรได้” “ปะ ไปอยู่กับคุณเหรอคะ” จากที่กำลังพยักหน้าตาม นาเดียก็เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างเร็ว พร้อมกับถามออกมาด้วยความตกใจ “ก็ใช่ไง หรือว่าเธออยากจะให้ฉันไปส่งที่ข้างถนนตรงที่โดนชนเมื่อวาน” “มะ ไม่เอาค่ะ” ใบหน้าสวยได้แต่ส่ายไปส่ายมา “ถ้างั้นก็อย่าเรื่องมาก แล้วอีกอย่าง ฉันไม่ใช่แก๊งค้ามนุษย์ ไม่ต้องทำหน้ากลัวขนาดนั้น” พูดจบ ปฐวีก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ดีหน่อยที่เมื่อเช้าฟาซานเอาชุดมาให้เปลี่ยน ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอยู่ในชุดที่ใส่ไปเรียนตั้งแต่เมื่อวาน แล้วก็โชคดีอีกอย่างที่วันนี้ไม่มีเรียน ถึงได้สามารถมานั่งเฝ้าผู้หญิงความจำเสื่อมคนนี้ได้ สายตาคมไล่มองหญิงสาวอีกครั้ง แล้วก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก ปฐวีรีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วกดโทรหาลูกน้องคนสนิททันที //ครับคุณวี// “นายช่วยไปซื้อของใช้เกี่ยวกับผู้หญิงให้หน่อย พวกเสื้อผ้า เอามาหลาย ๆ ชุดเลยนะ เอ่อ...แล้วก็ชุดชั้นในด้วย เธอน่าจะใส่ไซส์ s ส่วนบราคิดว่าน่าจะไซส์ 35 ถ้าไม่กล้าไปซื้อเองก็พาแม่บ้านผู้หญิงไปด้วย” //ได้ครับคุณวี ผมจะรีบจัดการให้ครับ// วางสายเสร็จปฐวีก็เงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง และในตอนนี้ นาเดียก็กำลังจ้องหน้าเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าสวย ๆ นั้นขึ้นสีแดงเรื่อ ในขณะที่สองมือยกปิดช่วงอกตัวเองเอาไว้ “เป็นอะไรของเธอ” เขาถามออกไปด้วยเสียงทุ้มเข้มที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว “คะ คุณรู้ไซส์ชุดชั้นในฉันได้ยังไง” ถึงสำเนียงจะแปลกไปหน่อย แต่ก็พอรู้ว่ากำลังไม่พอใจ “แค่มองด้วยตาก็รู้แล้วไหม มันกะขนาดยากตรงไหน” ยิ่งเขาตอบมือเล็ก ๆ นั่นก็ยิ่งกดปิดช่วงอกแน่นขึ้น “นี่ ไอ้ท่าทางแบบนี้คืออะไร คิดว่าฉันแอบเปิดเสื้อเธอตอนนอนหลับหรือไง” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินคำถามของเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ตอนนี้ “ใครมันจะไปรู้” “อย่าคิดว่าพึมพำคนเดียวแล้วฉันจะไม่ได้ยินนะ” ดวงตาคู่สวยช้อนมองคนตัวโตแล้วรีบก้มหลบทันที ผู้ชายบ้าอะไรไม่อ่อนโยนเลยสักนิด ขับรถชนเธอแท้ ๆ แทนที่จะพูดเพราะ ๆ บ้างก็ได้ แต่นี่เอาแต่พูดเสียงเข้มใส่ เหมือนกับพวกมาเฟียอย่างไรอย่างนั้น หรือว่าจะใช่? นาเดียลอบมองเขาเป็นระยะ ตอนนี้ปฐวีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟาที่เดิม มีบางครั้งที่เดินออกไปรับโทรศัพท์ตรงระเบียง เหมือนกับมีเรื่องสำคัญที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้ แต่เพียงไม่นานเขาก็กลับเข้ามา “นี่คุณ” นาเดียเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบา ๆ “มีอะไร” “คุณชื่ออะไร คะ คือฉันจะได้เรียกถูก” ปฐวีพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะตอบคำถามของเธอ “ชื่อวี” “ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมกับโค้งศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการแสดงออกว่าเธอต้องการขอบคุณเขาจากใจจริง ๆ “ขอบคุณเรื่อง?” “ก็เรื่องที่คุณช่วยฉันไว้ค่ะ” “ฉันช่วยเพราะเป็นคนชนเธอ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเธอรีบ ๆ นึกให้ออกว่าตัวเองเป็นใคร เพราะฉันไม่ชอบให้ใครมาอยู่ด้วยนาน ๆ” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอีกรอบ ก็แค่อยากขอบคุณเขา แต่ดูผู้ชายคนนี้สิ ไม่เคยพูดดี ๆ สักครั้ง ///////////////////////////////////////////////////////
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD