“เฮ้ย!”
เสียงตะโกนดังขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับมือที่รีบหักพวงมาลัยหลบคนที่พรวดพราดออกมากลางถนน แล้วก็รับรู้ได้ถึงแรงกระแทกของรถกับอะไรบางอย่าง ก่อนที่รถจะจอดนิ่งอยู่กับที่ จากนั้น ปฐวี ก็รีบลงมาจากรถทันที
“เชี่ย ตายไหมวะเนี่ย” เขาสบถคำออกมาอย่างหัวเสีย เอามือเสยผมด้วยความรู้สึกหงุดหงิด บนถนนแปดเลนที่กว้างขนาดนี้ ทำไมจู่ ๆ มีคนโผล่มาตัดหน้ารถเสียได้
สายตาจับจ้องไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนหมดสติอยู่หน้ารถ ร่างสูงย่อลงนั่งข้าง ๆ แล้วลองใช้มือเขย่าตัวเธอดูเพื่อเช็กว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า
“คุณ คุณ” เอ่ยเรียกเธอพร้อมกับใช้มือเขย่าดูเบา ๆ แต่ว่าคนตรงหน้ากลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด
เห็นแบบนั้น ปฐวีก็รีบล้วงมือเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเพื่อโทรเรียกรถพยาบาล ไม่นานนักรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก็มาถึง
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววความเครียด เขาไม่ได้ห่วงคดีหรือว่าเงินที่จะต้องจ่ายค่าทำขวัญ แต่ตอนนี้สิ่งที่ห่วงมากที่สุดก็คือกลัวว่าเธอจะตาย มันคงไม่ดีแน่หากพรุ่งนี้เช้าต้องกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ‘ทายาทคนโตของอัศวโภคินขับรถชนคนตาย’
เจ้าหน้าที่พาเธอขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว ปฐวีรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาอีกครั้ง แล้วกดเบอร์โทรหาลูกน้องคนสนิท
//สวัสดีครับคุณวี//
ซึ่งใช้เวลารอสายอยู่แค่อึดใจ อีกฝ่ายก็กดรับแล้วเอ่ยทักทายกลับมา
“นายช่วยตามมาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เกิดเรื่องว่ะ”
//เรื่องอะไรครับคุณวี บาดเจ็บเหรอครับ//
“รีบมาก่อน เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
//ได้ครับคุณวี ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ//
หลังจากวางสาย เท้าก็รีบเหยียบคันเร่งเพื่อตามรถโรงพยาบาลไปให้ทัน ไม่นานนักก็มาถึง
เธอถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว ส่วนปฐวีก็ได้แต่เดินไปเดินมาเพื่อรอฟังข่าวอาการของคนเจ็บ แต่เพียงแค่อึดใจ เจ้าหน้าที่ผู้หญิงก็เปิดประตูออกแล้วเดินตรงมาที่เขา
“ญาติคนเจ็บหรือเปล่าคะ รบกวนขอเอกสารประจำตัวของเธอด้วยค่ะ”
ผู้ชายตัวสูงย่นคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้า ‘แล้วใครมันจะมี’
“เอ่อ...ผมไม่ใช่ญาติครับ ผมเป็นคนขับรถชนเธอ” ปฐวีตอบกลับไปตามความจริง ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร
“คนเจ็บไม่มีเอกสารอะไรติดตัวมาเลยค่ะ ทำให้ทางเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเธอเป็นใคร” เจ้าหน้าที่คนเดิมยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำเอาทายาทมาเฟียหนุ่มเริ่มขัดใจนิด ๆ
“คุณเจ้าหน้าที่ครับ ตอนนี้มันไม่สำคัญว่าเธอเป็นใคร พวกคุณต้องรักษาเธอก่อน ส่วนเรื่องอื่น ผมจะรับผิดชอบเอง เข้าใจไหมครับ” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาจริงจัง ทำให้เจ้าหน้าที่รีบหันหลังกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
“คุณวี! เกิดอะไรขึ้นครับ” เมื่อได้ยินเสียงเรียก ปฐวีก็รีบหันไปมอง แล้วก็เห็นฟาซานลูกน้องคนสนิทและพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยกำลังวิ่งมาทางเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“พอดีขับรถชนผู้หญิงเข้า ไม่รู้ทะเล่อทะล่าออกมาจากไหน แถมไม่มีเอกสารอะไรสักอย่าง เดี๋ยวนายช่วยไปสืบให้ทีว่าเธอเป็นใคร” เขาตอบคำถาม แต่สายตายังจ้องอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉินไม่ละไปไหน
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้” ฟาซานรับปากแล้วปลีกตัวออกไปกดโทรศัพท์เพื่อจัดการธุระให้เจ้านาย
ตามจริงจะรอให้เธอฟื้นแล้วค่อยถามมันก็ได้นั่นแหละ แต่เกรงว่าหากบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถบอกอะไรได้ อย่างน้อย ๆ ถ้ารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มาจากที่ไหน ก็จะได้แจ้งญาติของเธอให้รับรู้
“ผมบอกให้ลูกน้องตามให้แล้วนะครับคุณวี คิดว่าไม่น่าจะเกินคืนนี้คงทราบว่าเธอเป็นใคร” หลังคุยโทรศัพท์เสร็จ ลูกน้องคนสนิทก็เดินกลับมาหาพร้อมกับแจ้งความคืบหน้า
“อืม...ขอบใจ นายกลับไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันจะจัดการที่นี่เอง” ถึงจะเป็นลูกน้อง แต่ฟาซานก็มีงานล้นมือในทุกวันอยู่แล้ว เรื่องที่ต้องเฝ้าผู้หญิงคนนี้ก็คงต้องเป็นหน้าที่คนชนอย่างเขา
“ครับคุณวี”
ลูกน้องคนสนิทกลับไปแล้ว ปฐวีก็หย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินเพื่อรอฟังข่าวของคนที่อยู่ด้านใน ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอีกครั้งด้วยเจ้าหน้าที่คนเดิม
“เธอเป็นยังไงบ้างครับ” ร่างสูงถลาเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เธอปลอดภัยค่ะ โชคดีที่ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง แล้วคุณจะให้ทางเราจัดห้องแบบไหนให้เธอพักคะ” เจ้าหน้าที่สาวตอบคำถาม แล้วเอ่ยถามกลับมาพร้อมกับยืนรอฟังคำตอบ
“จัดห้องพักพิเศษให้เธอครับ ส่วนค่าใช้จ่ายผมจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด นี่นามบัตรผมครับ” เขาเอ่ยบอกแล้วหยิบนามบัตรของตนเองไปให้เจ้าหน้าที่
“อัศวโภคิน” เจ้าหน้าที่สาวเอ่ยนามสกุลที่เห็นอยู่ในนามบัตรออกมาเบา ๆ แล้วเงยขึ้นมองชายหนุ่มที่ยังอยู่ในชุดเสื้อช็อปสีแดงตรงหน้า
“ครับ ปฐวี อัศวโภคิน”
“ดิฉันจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใคร เจ้าหน้าที่ก็รีบกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ไม่นานก็กลับออกมาแล้วแจ้งให้ปฐวีไปรอยังห้องพักที่ได้จัดเตรียมไว้ให้
ผู้ชายตัวโตหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาที่อยู่ภายในห้องพักฟื้น แผ่นหลังกว้างเอนลงบนพนักพิงด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยมาก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่าตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว
“ซวยฉิบหาย แม่งวิ่งออกมาได้” เขาสบถคำเบา ๆ อย่างหงุดหงิด หากไม่เกิดเรื่องขึ้น ป่านนี้คงได้ไปนั่งดื่มเหล้าเคล้าสาว ๆ อยู่ที่คลับไปแล้ว
เปลือกตาคมปิดลงจนสนิท สองมือประสานไว้ที่หน้าท้องอย่างผ่อนคลาย แต่เพียงไม่นานก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูห้องเข้ามา
เป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลชายสองคนเข็นเตียงที่มีผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่เข้ามาข้างใน แล้วช่วยกันย้ายเธอให้นอนบนเตียงคนไข้ที่อยู่ภายในห้อง
“เธอยังไม่ฟื้นเหรอครับ” ถามออกไปแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปดูคู่กรณีที่ยังนอนหลับสนิทอยู่ นัยน์ตาคมจ้องมองเนิ่นนาน ตอนนี้เองที่เขาเพิ่งจะได้สังเกตใบหน้าของเธอจริงจัง ‘สวยมาก สวยยิ่งกว่าดาราที่เขาเคยควงเสียอีก’
“คุณหมอแจ้งว่าอาการบาดเจ็บไม่ได้มีอะไรมาก แต่ร่างกายเธออ่อนเพลียมากครับ เหมือนกับไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน ก็เลยยังไม่ฟื้นครับ” เจ้าหน้าที่พยาบาลชายตอบคำถามเสร็จแล้วก็ขอตัวออกจากห้องไป
สองเท้าก้าวมาประชิดเตียงคนไข้ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองเธออยู่แบบนั้น แล้วก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ ก่อนที่จะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาลูกน้องคนสนิท
“ไหนนายบอกว่าไม่เกินคืนนี้จะรู้ว่าเธอเป็นใคร นี่มันเลยเที่ยงคืนมาแล้วนะ ทำไมยังไม่มีข้อมูลอะไรส่งมาให้ฉันอีก” ปฐวีถามออกไปเสียงเข้ม เรื่องเล็ก ๆ แค่หาข้อมูลของเธอ มันไม่สมควรจะต้องใช้เวลานานขนาดนี้
//พวกผมกำลังพยายามอยู่ครับคุณวี แต่ว่า ไม่ว่าจะค้นจากที่ไหนก็ไม่พบข้อมูลของเธอเลยครับ ขนาดได้รูปถ่ายที่คุณวีส่งมาให้แล้วเอามาเทียบในฐานข้อมูล ก็ไม่มีคนที่หน้าคล้ายเธอเลยครับ//
‘มันจะเป็นไปได้ยังไง’ หัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากันในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกน้องรายงานกลับมา ระบบค้นหาของ PN กรุ๊ป เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด ถูกจัดระบบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีโดยเฉพาะ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะค้นหาข้อมูลของเธอไม่พบ
ระหว่างที่กำลังคุยกับลูกน้อง สายตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ขยับตัว
“พวกนายหาต่อไป แค่นี้แหละ” ปฐวีบอกกับฟาซานเสร็จก็รีบก้าวเท้ามาหยุดยืนอยู่ข้างเตียง
เปลือกตาที่มีขนตาเรียงเป็นแพขยับเปิดอย่างช้า ๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมากุมแผลที่บริเวณศีรษะเอาไว้ ใบหน้าสวยหันไปมาเล็กน้อย แล้วก็ลืมตาขึ้นจนสุด
ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างเตียง สองมือกำลังจะดันตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อหนีไปจากตรงนี้แต่ก็ไม่มีแรงมากพอ
“จะไปไหน เดี๋ยวก็เจ็บกว่าเดิม”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้หญิงสาวหยุดการกระทำของตัวเอง นัยน์ตาสีดำช้อนขึ้นมองราวกับกำลังสงสัยบางอย่าง
“คุณเป็นใครคะ” เธอถามออกมาด้วยเสียงเบาแผ่ว แต่สำเนียงของเธอนั้นกลับแปลก ๆ เหมือนคนที่ไม่ถนัดภาษาไทยเท่าไหร่
“ผมเป็นคนขับรถชนคุณ แล้วคุณล่ะ เป็นใครมาจากไหน ผมจะได้โทรไปบอกญาติให้”
หญิงสาวยังนั่งมองหน้าปฐวีนิ่ง ๆ โดยที่ไม่ตอบอะไรกลับมา จนเขาต้องถามขึ้นอีกครั้ง
“นี่ ไม่ได้ยินหรือไง ผมถามว่าคุณเป็นใคร มีญาติไหม”
ใบหน้าสวยส่ายไปมาแทนคำตอบ แล้วก็นั่งนิ่ง ๆ มองหน้าเขาอย่างเดิม
“ไม่มีญาติ?”
“ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร”
คราวนี้เป็นตัวปฐวีที่แน่นิ่งหลังจากได้ยินคำตอบจากเธอ
“เดี๋ยวนะ นี่เธอกำลังบอกว่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครอย่างนั้นเหรอ”
คราวนี้เธอพยักหน้าขึ้นลง แล้วเอามือกุมศีรษะตัวเองเอาไว้ “ปวดหัวจัง”
อารมณ์หงุดหงิดจากการที่ต้องมาติดอยู่ในโรงพยาบาลเกือบทั้งคืนเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อดูเหมือนว่าอุบัติเหตุธรรมดา ๆ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่มากกว่าที่คิด เพราะผู้หญิงคนนี้อาจจะความจำเสื่อม
///////////////////////////////////////////////////////