Chapter 4 : คนรู้จักที่ไม่รู้จัก
คุณอาหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวไม่ได้ไปส่งเธอที่บ้าน แต่พาไปรับประทานอาหารย่านอารีย์
ห้องรับประทานอาหารสุดส่วนตัวประตูปิดมิดชิด ตกแต่งตามแบบฉบับของห้องอาหารญี่ปุ่นระดับหรูหรา เหมาะสำหรับคุยธุรกิจ มีเครื่องดูดควันสำหรับปิ้งย่าง และเสื่อแบบนั่งราบกับพื้น
ไอรีนเคยทานอาหารญี่ปุ่นกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมจนถึงมหา’ลัย ถึงเธอไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่เป็นคนชนชั้นกลาง เงินเดือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอพอมีกำลังจ่ายค่ากินเที่ยว โทรศัพท์ไอโฟนกล้องสวยประสาเด็กสาวที่รู้จักการเข้าสังคมอยู่บ้าง
เธอคงไม่ต้องทำเรื่องเปิ่น ๆ ให้โดนคุณอาดุอีก ในขณะที่สีหน้าของเขาไม่พึงพอใจนักยังบอก
“อานึกว่า Irene จะเป็นอย่างโอโต้ซังเล่าให้ฟังเสียอีก บ้านโอโต้ซังมีรูปไอรีนเต็มบ้าน มีห้องพิเศษห้องหนึ่งกว้างมาก ทั้งห้องรวมฟิกเกอร์มังงะ มีรูปไอรีนใหญ่เท่าฝาบ้าน มันสวยมาก ๆ น่ารักสมบูรณ์แบบ”
นั่นล่ะ... พวกบ้าการ์ตูนมังงะ กระทั่งชีวิตจริงยังอยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝัน
หญิงสาวจึงต้องยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้เขาผิดหวังกับตัวตนจริง ๆ ของเธออีกครั้ง จากนับไม่ถ้วนไม่รู้ว่าไหว้ไปกี่ที ก่อนที่เขาจะบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเข้าประเด็นแนะนำตัวว่ามาเมืองไทยเพื่อจุดประสงค์อะไร นอกจากการมาจัดการงานบริหาร ซึ่งบริษัททางสาขาไทยมีปัญหามาได้สักพัก
อย่างที่รู้ว่าเธอเป็นนางแบบอันดับหนึ่งของบริษัทมาตั้งแต่อายุยังน้อย ไอรีนติดสัญญาพรีเซนเตอร์ปีต่อปี เป็นสัญญาที่แม่ของเธอเซ็นไว้เพื่อบริษัทของเขาจะสามารถถือลิขสิทธิ์ภาพทุกการถ่ายรูปจากนางแบบโดยเธอไม่สามารถรับงานที่อื่นได้ในเงื่อนไขที่จำกัดเรื่องภาพลักษณ์ ตัวเขาเพิ่งได้อ่านสัญญาจริง ๆ จัง ๆ เลยตั้งใจว่าจะจัดการมันเสียใหม่
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเก้าอี้ประธาน ซึ่งบางคนคงไม่ค่อยพอใจนักหากว่ามันจะกระทบกับธุรกิจ ที่เน้นขายพวกช่างฝันแต่กดขี่พรีเซนเตอร์
นัยน์ตาคู่สวยจับจ้องวงหน้าหล่อเหลาเข้มขรึมรับริมฝีปากกระจับบาง คิ้วเข้มหน้าที่เรียบขนานไปกับดวงตาคู่คมปลาบ ตั้งแต่ตอนเข้าร้านมาพนักงานทุกคนที่ทักทายเขาด้วยภาษาบ้านเกิดคงมีความคิดอย่างเดียวกับเธอ คือชายหนุ่มเหมือนเป็นคนญี่ปุ่นเสียมากกว่าจะเป็นคนไทย
คุณอาศรัณย์ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วประสาลูกคนรวย ท่าทางเป็นคนดี สุภาพ ถึงได้เห็นใจนางแบบทุกคนยังบอกกับเธอว่าขายเกมเป็นหลักไม่ใช่จะขายผู้หญิง บริษัท AIRI พัฒนาเกมจีบสาวจีบหนุ่มเป็นหลักและเกมอื่น ๆ เขายังไม่สนใจว่านางแบบคนไหนจะไปรับงานที่ไหน ต่างจากความคิดของบิดาของเขา
น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกของเขายังราบเรียบทว่าน่าฟัง มันเหมือนการพูดกล่าวธรรมดาแต่เป็นใบมีดอาบน้ำผึ้ง
“แล้วเธอเรียนอะไร?”
“เภสัชกรค่ะ”
“อ้อ... โอโต้ซังเคยบอกแล้วล่ะว่าไอรีนเรียนเก่ง เป็นนักเรียนทุนเรียนดี”
“ค่ะ”
ไอรีนกลืนน้ำลายลงคอแห้งผาก ยกถ้วยชาใบเล็กขึ้นจิบ ประคองมันอย่างระวังกิริยา พร้อมจินตนาการว่าตัวเธอเป็นตัวละครเอกในเกม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาด แม้ว่ามันจะยากกับการต้องทำตัวเรียบร้อยตลอด เพราะว่าเธอไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรนักแค่เป็นคนรักสะอาด ดูแลบ้านเรือนอย่างกุลสตรีด้วยความเป็นลูกสาวแม่บ้าน
ขณะที่คุณอาพูดเก่งถามเองตอบเองอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ภาษาไทยคำยาก ๆ อาจต้องใช้เวลาคิดมันด้วยความที่ไม่ได้มาเมืองไทยนาน เขามีคุณแม่เป็นคนไทยแต่ใช้ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลักมาทั้งชีวิต ภาษาไทยได้พูดตอนมาเยี่ยมเยียนญาติทางฝ่ายแม่นานทีปีละหนหรือพูดกับบิดาซึ่งอยู่เมืองไทยนานกว่าเขาเสียอีก
เรียกว่าเป็นลูกครึ่งที่อ่านออกเขียนได้ไม่คล่อง พูดชัดแต่มีบางคำไม่รู้ คำยาก ๆ เขาก็ไม่รู้ต้องถามเธอว่ามันหมายความว่าอะไร
ไอรีนใช้ภาษาอังกฤษในการอธิบายให้เขาเข้าใจ ส่วนญี่ปุ่นนั้นเธอพูดได้นิดหน่อยเพราะคุณท่านเคยสอนไม่มาก
ระหว่างรออาหารไม่ถึงสิบห้านาที เธอเพิ่งรู้ว่าเขาอุตส่าห์โทรสั่งเลขาฯ ให้จองร้านนี้ล่วงหน้าตั้งแต่ยังอยู่ญี่ปุ่นจนมาถึงเมืองไทยจากสายโทรศัพท์เมื่อสักครู่ เขาบอกว่าจะลงไอจีโซเชียลสร้างกระแสว่าได้รับประทานอาหารกับไอรีนไอดอลในดวงใจ เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปด้วย
เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!
ร้อยวันพันปีเขาหรือเป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ จะมารับประทานอาหารกับเธอเมื่อไรก็ย่อมได้ นางแบบสาวดาราดังคนไหนในสังกัดเข้าหา ยอมให้กินฟรี ๆ ระดับศรัณย์วริศเป็นเรื่องง่ายเพียงยกสายสั่ง โดยไม่ต้องก้าวขาออกจากห้องนอนด้วยซ้ำ
มันมีเส้นกั้นขนาดมหึมาระหว่างเธอและเขา... เจ้านายคนใหม่ของบริษัทและเจ้าของบ้านคนต่อไป
อาหารมาเสิร์ฟเป็นคอร์ส เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยครีมชีส ไข่ตุ๋นปูอัด พื้นผิวหน้าของมันเกลี้ยงเกลาตามราคาร้านอาหารมีเกรด ไล่ไปถึงเมนูปลาอาหารจานหลัก พวกเนื้อต้มผักต้มสุก เธอได้รับน้ำใจจากคุณอาที่เป็นสุภาพบุรุษพอสมควร เขาใช้ตะเกียบคีบอะไรมาเธอจึงทานอย่างว่าง่าย ทั้งที่เป็นคนชอบทานอาหารรสจัดมากกว่า ยังนึกถึงแม่ว่าทานอะไรหรือยัง จนต้องขออนุญาตเจ้านายในฐานะอาเพื่อโทรบอกแม่ก่อนว่าจะกลับบ้านกี่โมง
ศรัณย์วริศตั้งหน้าตั้งตารอจนกระทั่งเธอวางสายแล้วคงนึกถึงแม่บ้านสาวซึ่งเป็นคนสวยมาก ๆ คนหนึ่งอย่างแม่ของไอรีน
“เธอรู้ไหมว่าโอโต้ซังเสียหุ้นส่วน เสียเงินไปกี่ล้านกับข่าวลือเมื่อนานมาแล้วน่ะ... จำได้หรือเปล่า? ไม่นับเป็นเงินเยนหรือบาทนะ อาอยากให้นับเป็นดอลลาร์ฯ”
“ไม่ทราบค่ะคุณอา คุณท่านไม่เคยบอกริน”
“อ้าว... นี่เธอกับแม่เธอ... ไม่ได้สนิทกับโอโต้ซังเหรอ?”
ไอรีนคิดว่าเขาคงค้างคาใจมานาน อีกทั้งบิดาของเขาเองไม่ใช่คนพูดเยอะหรือชอบอธิบาย