Chapter 14 : ปรับความเข้าใจ
เสียงโวยวายดังผ่านมาจากบันไดดังปึงปัง หญิงสาววิ่งพรวดพราดมาหาแม่ เธอคงลืมนัดของชายหนุ่มไปเสียแล้วทั้งที่เขาอุตส่าห์มาหาถึงบ้าน
“ไม่ต้องไปนะลูก คนช่วยแม่เยอะแยะ แล้วนี่บริษัทของเจ๊แดงเขาเป็นบริษัทใหญ่ มือโปรทั้งนั้นพนักงานตั้งเท่าไร ลูกอยู่บ้านอ่านหนังสือนะ...”
สุดท้ายเธอต้องยอมชวดไปสักหนึ่งงาน ลูกสาวทำหน้างอตอบเสียงอ่อน “ก็ได้จ้ะแม่... มีอะไรโทรหารินนะ”
“ไม่มีหรอกย่ะ บ้านหลังนู้น... ถัดจากบ้านคุณศรัณย์ไปสองหลัง ใกล้แค่นี้”
“บ้านนั้นเหรอแม่? ที่คุณผู้หญิงสวย ๆ ป่ะ”
แววตาเป็นประกายของเธอทำให้อีกคนสงสัย ไหนจะท่าทีกระตือรือร้นอยากจับไม้กวาดทำงานบ้านคนอื่นเสียเหลือเกิน จนคุณแม่โบกมือลาแล้วบอกว่าคราวหน้าค่อยไป ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ไป เขาถึงได้มายืนข้าง ๆ เธอ กวาดสายตามองร่างบางในชุดทำงานชุดเดียวกันกับคุณแม่
“บ้านหลังนั้นมันมีอะไร? ทำงานบ้านเดียวเงินไม่พอกินหรือไงครับ? อายุแค่นี้ทำไมใช้เงินสิ้นเปลือง ไปถ่ายแบบก็ได้ค่าตัวเยอะกว่าคนอื่นเขา...”
คนบ่นไม่ได้รู้เลยว่าไอรีนเป็นเด็กช่างอยากรู้อยากเห็น เวลาไปทำความสะอาดบ้านไหนเธอสนุกกับการทำงาน การเยี่ยมชมบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าฟรี ๆ นั่นทำให้เธอชอบติดสอยห้อยตามคุณแม่ไปทุกที่ ไม่รวมเรื่องเผือก...
เธอไม่พอใจคำพูดของเขานัก บางเรื่องก็ต้องพูดกันให้เข้าใจ
“เห็นแบบนี้รินส่งเสียทั้งครอบครัวนะคะ เดือนก่อนนู้นลุงยืมเงินไปซ่อมบ้านที่ต่างจังหวัด ต้นเดือนป้ารินขอค่าเทอมหลาน... บ้านนี้รินผ่อนมาตั้งแต่อายุเท่าไร นู่นนั่นนี่เสียรินซ่อมหมด แล้วบ้านนั้นสวยอ่ะค่ะ... คุณผู้หญิงบ้านนั้นก็สวย ใจดี... บ้านคุณเขามีขนมอร่อย ๆ มีบัตเลอร์... อุ๊ย” แล้วรีบปิดปากหลังพูดเพลิน ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นมองเธออย่างสงสัย
“บัตเลอร์ทำไม?”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“บอกอามาซะดี ๆ” คุณอาแค่ในนามเริ่มขู่เธอด้วยการหรี่ตามองดุ หญิงสาวถึงกับสูญเสียความมั่นใจ
“รินพูดไม่ได้ค่ะ มันเป็นจรรยาบรรณแม่บ้าน เราไม่เอาลูกค้าไปนินทาลับหลัง”
“ไม่นินทาน้อยไปสิ...”
ไอรีนว่าจะไม่พูดแล้วแต่พอถูกจ้องหน้าอยู่อย่างนั้น เธอคิดว่าถ้าเขาอยากรู้ต้องหาทางเปิดปากเธอแน่ ๆ จึงละจรรยาบรรณที่ว่า ยกมือป้องปากกระซิบ
“เขา... อยู่กันสามคนผัวเมีย...”
“แล้วยังไง? ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน”
“สามคนนะคะคุณอา คุณเขามีสามี 2 คนเลยนะ เหมือนคนแถวบ้านรินเลยอ่ะ ที่บ้านรินมีสาวชาวสวนคนงาม ทำสวนทำไร่มีผัวสองคน... เขาอยู่กันยังไงนะ?”
เสียงหวานแผ่วเบาและสีหน้าสงสัย ทำให้เขาต้องโน้มลงไปฟังให้ชัด ในใจนึกอนาถตัวเองที่ต้องมากลายเป็นพวกชอบนินทาชาวบ้าน แต่เป็นเพราะเธอดันตื่นเต้นเหลือเกิน เขาเลยอยากรู้ขึ้นมาว่าบ้านหลังไหน
“แต่ว่า... สามีเขาหล่อมากค่ะคุณอา เป็นบัตเลอร์ฝาแฝด หล่อล่ำบึ้ก! ตัวเท่า ๆ คุณอาเลย เขาเป็นดาราได้เลยนะคะ โอ๊ย หุ่นดี๊ดี... คุณเขาต้องทำบุญด้วยอะไรนะคะ?”
ท้ายประโยคนั้นทำเขาแอบโกรธเคืองเธออยู่ไม่น้อย ใครเรอะ! จะมาหล่อเท่าคุณอาศรัณย์แล้วทำไมเธอต้องไปทำบุญ! ขณะที่ยังเอียงหน้าฟังอย่างตั้งใจ เพราะความรู้สึกจั๊กจี้ลมร้อนจากปากเรียวที่เป่าผ่านมามาถึงแก้มสาก พอผละจากคนตัวเล็ก สังเกตเห็นท่าทางช่างสอดรู้ แววตาคู่สวยสีมรกตหรี่เล็กจนเหยียดตรงว่าจริง ๆ นะคะอะไรสักอย่าง เขาคงไม่ทันฟังแต่ดูยังไงก็น่ารักน่าตี
“มันน่าจับมาตีปาก... แย่มาก นิสัยแย่มาก ๆ ทำไมถึงได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
“ทีคุณอาล่ะ มาหารินบ่อย ๆ ไม่กลัวคนเขานินทาหรือคะ?”
“ไม่สนใจครับ อามาทำหน้าที่เพื่อคนบนสวรรค์”
ศรัณย์วริศคงพูดไปอย่างนั้น ที่ผ่านมาเขาทำเกินหน้าที่ไปไม่รู้เท่าไร หากว่าเธอเพิ่งรู้ตัวตอนนี้ก็นับว่าสายเกินสาวเข้าวัยยี่สิบจะรู้ หรือว่าเธออาจรู้มาตั้งนานแล้ว?
“แน่ใจหรือเปล่าคะคุณอาว่ามาเพื่อคุณท่าน? รินว่า... มันแปลก ๆ”
หญิงสาวเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ให้พ้นห่างจากคนที่ตั้งใจเข้ามาใกล้เธอด้วยความตั้งใจอ่อย! ตาเหลือบมองเสื้อยืดสีดำเรียบเนี้ยบส่งกลิ่นหอมอ่อนของโคโลญจน์จาง ๆ
“ไม่แปลกหรอก อามีของขวัญวันเกิดให้รินด้วยนะ ไปกันเถอะ ห้องเราอยู่ไหนล่ะ?”
“ปกติรินอ่านหนังสือในห้องคอมพิวเตอร์ชั้นสองค่ะ รินขอไปปิดประตูบ้านก่อน”
“ครับ...”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนวงหน้าหล่อเหลาเพียงครู่ หญิงสาวคงไม่ทันเห็น พอเธอเดินไปปิดประตูรั้วเหล็กหน้าบ้าน ล็อกมันด้วยแม่กุญแจสีเงินอันใหญ่ ก่อนจะกลับมานำทางแขกขึ้นบันไดไปห้องคอมพิวเตอร์ชั้นสอง