Chapter 4 เสน่หามัดใจ (3)

901 Words
Chapter 4 เสน่หามัดใจ (3) จันทร์กะพ้อสะกิดปมผ้าขนหนูออกจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า เมื่อเข้ามาอยู่เพียงลำพังในห้องน้ำ ร่างขาวโพลนที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาบานใหญ่ ทำให้สายตาเผลอจับจ้องมองอย่างลืมตัว ความสมบูรณ์แบบของกายสาวคือสิ่งที่หญิงสาวภูมิใจ หล่อนหมุนกายไปมาอยู่หน้ากระจกเงาเพื่อสำรวจความผิดปรกติที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากตนเป็นคนที่ดูแลรูปร่างตัวเองอยู่ตลอดเวลา หากมีส่วนเกินจะต้องรีบหาวิธีเพื่อกำจัดมันออกไป รับไม่ได้หากสวมเสื้อผ้าแล้วไม่สวยงาม ปลายนิ้วเรียวเผลอแตะที่ริมฝีปากอย่างลืมตัว เมื่อความทรงจำเมื่อเช้าย้อนกลับมาอีกครั้ง รสสัมผัสที่ร้อนแรงและหยาบกระด้างได้ฝากเอาไว้บนกลีบปากอิ่ม หญิงสาวหน้าแดงซ่านผสานตกใจ เมื่อเงาสะท้อนทำให้ได้เห็นรอยแดงเล็กๆ ที่บริเวณซอกคอขาวผ่อง มันเกิดขึ้นได้อย่างไรหล่อนเองก็ไม่ทันรู้ตัว เพราะไม่อาจต้านทานและขัดขืนเรี่ยวแรงของเขาได้ การที่เขาได้ฝากรอยเอาไว้ราวต้องการตีตราจอง ทำให้มือรีบเปิดฝักบัวหวังใช้สายน้ำลบร่องรอยอันน่าอายนั้นออกไปจากร่างกายของตน หญิงสาวถูริมฝีปากจนแดงเห่อและรู้สึกแสบร้อนไปทั่ว เพราะรอยยิ้มของเขายังคงตามมาหลอกหลอน รอยยิ้มหยันและสายตาดูถูกอย่างรุนแรง ทำให้ใจนั้นต่อต้านและผลักไส คิดว่าสายน้ำจะช่วยลบความทรงจำออกไปจากใจ ขณะที่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้ เมื่อทั้งเจ็บใจและเสียใจที่ต้องถูกเขาปล้นจูบไปอย่างหน้าตาเฉย “คนใจร้าย ฉันเกลียดคุณ จะไม่ขอเจอหน้าอีก” ใบหน้าที่ตามมารบกวนแทบจะทุกนาทีเป็นเสมือนเงาตามติด ทำให้หล่อนพยายามย้ำเตือนว่านั่นไม่ใช่การตกลงไปในกับดักเสน่ห์ของเขา สิ่งที่เขาทำคือความเลวร้ายที่จะต้องจดจำ เขาไม่ใช่คนที่หล่อนจะหวั่นไหวไปกับเปลือกนอกที่ห่อหุ้มความร้ายกาจเอาไว้ แต่เป็นคนที่สมควรหลีกให้ไกล เพราะเขาคือซานตานร้ายหาใช่เทพบุตรที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันถึงแต่อย่างใด วิสกี้ชั้นดีบรรจงรินใส่แก้วคริสตัล หลังจากชลาธารลงทุนเข้าเมืองไปหาซื้อมันมา หลังจากที่หาในไร่แล้วมีเพียงน้ำเปล่าให้เขาดื่ม จะมีก็แต่เหล้าราคาถูกของคนงาน ที่รสของมันไม่คุ้นลิ้นสักเท่าไหร่นัก คงอีกนานพอดู หากเขาคิดจะปรับตัวเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของที่นี่จริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเข้าไปหาบิดาในห้องนอน เมื่อท่านปวดศีรษะจนไม่สามารถออกมาทานข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ ได้ และท่านยังโกรธเขามาก ไม่ยอมที่จะพูดคุยอะไรออกมาอีกเลย สายลมหนาวที่พัดมากระทบกายจนรู้สึกเย็นเยือกไปถึงขั้วหัวใจ ทำให้ชายหนุ่มเดินย้อนกลับเข้าไปในห้อง คว้าเสื้อคลุมมาสวมทับเสื้อยืดแขนยาวอีกชั้น ก่อนพาร่างมานั่งตรงจุดเดิมเพราะเขาเห็นว่าวิวสวยดี ชายหนุ่มนั่งละเลียดวิสกี้อยู่เพียงลำพังตรงระเบียงหลังห้องด้วยหัวใจที่เปลี่ยวเหงา นานแล้วที่ใจของเขาด้านชาไปกับความรักที่ล้มเหลว คนรักล่าสุดที่เลิกรากันไปห่างมาเป็นปีแล้ว และเขาไม่เคยมอบใจให้ใครอีกเลย เมื่อพิษรักเล่นงานจนรู้สึกเข็ดขยาดกับมัน ไม่รู้ว่าผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอยู่กันไปได้อย่างไร ชายหนุ่มคิดขณะทอดสายตามองไปโดยรอบ มีเพียงไร่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่เงียบสงบและน่าเบื่อชวนให้รู้สึกเหงาใจได้ชะงัดนัก อาจเป็นเพราะเขาไม่ชินกับบรรยากาศก็เป็นได้ มาเหยียบแค่เพียงวันแรกก็อยากกลับกรุงเทพฯใจจะขาด แต่เพราะยังไม่บรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งใจ และต้องการเอาชนะบิดาจากถ้อยคำดูถูกที่ฝังรากลึกอยู่ในใจ ทำให้เขา ยอมที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป แม้อะไรๆ จะยังไม่ลงตัวก็ตามที ‘ฉันไม่ไว้ใจ หากจะยกบริษัทให้นาย แค่ตัวเองยังเอาไม่รอด จะไปดูแลพนักงานอีกหลายร้อยชีวิตได้ยังไง ไปเรียนงานที่ไร่ก่อนนั่นแหละดีแล้ว หนูแยมจะช่วยดูแลนายเอง’ ชายหนุ่มขบกรามแน่น เมื่อถ้อยคำดูถูกคอยวนเวียนอยู่ในหัวสมอง จนเกิดแรงผลักดันที่ทำให้เขาจะต้องทำให้บิดาเห็นว่าสามารถทำได้ และหากไม่มีจันทร์กะพ้อ ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะลงเข้าไปดูแลไร่ได้อย่างเต็มตัว ชายหนุ่มคิดอย่างเชื่อมั่นในความสามารถของตน แต่เมื่อคิดว่าหล่อนอาจจะลาออกใจก็กลับสับสน ไม่แน่ใจว่ายินดีหรือไม่ที่หล่อนจะออกไปจากชีวิตจริงๆ ปลายนิ้วแกร่งเผลอแตะริมฝีปากได้รูปอย่างลืมตัว เมื่อรสสัมผัสที่ได้รับยังคงตราตรึงติดอยู่ในใจ ราวอาหารรสเลิศที่ยังคงติดอยู่ปลายลิ้น ได้กินแล้วติดใจอยากที่จะกลับไปลิ้มลองอีกหลายๆ ครั้งจนกว่าจะเบื่อกันไปข้างหนึ่ง +++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD