"กรี๊ด!!" ร่างเล็กดีดตัวผึงจากที่นอนพร้อมกับเสียงร้องด้วยความตกใจ นิทราถูกทำลายในฉับพลัน และเจ้าของร่างเล็กที่ตื่นกลางคันก็ลุกนั่งหอบแฮ่กอยู่อย่างนั้นเมื่อยั้งสติได้ว่ามันคือฝันร้ายที่ทำให้เธอตกใจตื่นเหมือนเช่นเคย มือก็กำผ้าห่มแน่น หัวใจยังเต้นระทึกราวกับตัวเองย้อนกลับไปสู่อดีตที่เจ็บปวดนั้นซ้ำๆ ทุกวัน น้ำตาเอ่อรินหยดเป็นทางบนสองแก้มขาวจนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความพร่ามัวให้หมดไป
เจียระไนรวบรวมสติให้อยู่กับปัจจุบันและหันมองรอบๆ พบว่าคนตัวใหญ่ที่นอนเคียงข้างเธอตลอดทั้งคืนไม่อยู่เสียแล้ว เขาคงรีบออกไปทำงานหรือไม่ก็กลับบ้านไปก่อนที่จะเข้าบริษัทเพื่อทำหน้าที่ในอ**บทบาทหนึ่ง
นาฬิกาบนตู้โชว์บอกเวลาเกือบๆ จะหกโมงเช้า เธอจึงพยุงร่างอิดโรยลงจากเตียงบ้าง ถึงแม้จะมีคนเลี้ยงดูแต่ก็ใช่ว่าไม่ต้องทำงานทำการ อย่างไรเสีย เธอก็ยังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นกิ้งก่าได้ทองด้วย เพราะเท่าที่เป็นอยู่ก็มีแต่สายตาเหยียดหยามดูถูกดูแคลนมากเกินพออยู่แล้ว
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้เวลาเพียงไม่นานเพื่อต้องทำเวลาไม่ให้ไปทำงานสาย เธออยู่ในชุดพร้อมสำหรับการเผชิญโลกอันเลวร้ายในวันใหม่และเดินออกจากห้องนอนเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารง่ายๆ รับประทานรองท้อง ส่วนมาก เจียระไนจะชอบทำทานเองมากกว่าจะซื้อหา เธอต้องการประหยัดและฝึกปรือฝีมือของตัวเองไปในตัว อีกอย่าง มันเป็นกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดได้ดีเลยทีเดียว
'อาหารเช้าอยู่ในตู้เย็น เวฟก็กินได้เลย ฉันมีนัดกับสารวัตรคมปราชญ์แต่เช้า ต้องรีบเข้าบริษัทด้วย'
โน้ตข้อความสั้นๆ ถูกแปะเอาไว้ตรงตู้เย็น หญิงสาวเห็นมันในทันทีที่เธอตั้งใจจะเปิดหาของมาทำกับข้าวให้ตัวเอง ความอบอุ่นใจลึกๆ ก่อตัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงเมื่อได้รับการเอาใจใส่จากเขา แม้ไม่บ่อยครั้งหรือบางครั้งเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่ามันบั่นทอนความเข้มแข็งให้สึกกร่อนลงทุกทีๆ
แต่เมื่อนึกถึงประโยคหนึ่งในข้อความนั้น เธอก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความอยากรู้ปนสงสัย 'มีนัดกับสารวัตรคมปราชญ์' นั่นหมายความว่ามีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคดีซึ่งเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัย เหมราชจึงได้รีบร้อนออกไปหาสารวัตรคนนั้นซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีดังกล่าวอยู่ ใจสาวเต้นตึกตักทั้งชาปลาบไปทั้งตัวเมื่อไม่อาจคาดเดาได้เหตุการณ์จะเป็นไปในทางที่ดีหรือเลวร้าย ด้วยทางญาติผู้เสียชีวิตไม่ยอมความ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็นโดยเจตนาหรือไม่ ทางนั้นก็ยืนกรานเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
นี่เอง...คือสาเหตุและที่มาของสัญญาที่เหมราชใช้ผูกมัดตัวเธอ เขาใช้ทั้งอำนาจและเงิน ช่วยวิ่งเต้นคดีจนเธอไม่ต้องติดคุก และยื่นอุทธรณ์สู้คดีให้เธอกลายเป็นผู้บริสุทธิ์...
ทั้งที่...ตัวเธอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า...เพราะจากที่เคยพูดคุยกันสารวัตรคนนั้นให้ความร่วมมือในการสืบหาข้อเท็จจริงของรูปคดีเท่านั้น แต่หากทั้งพยานและหลักฐานยืนยันมัดตัวผู้ต้องหาแน่นหนาก็คงไม่สามารถช่วยอะไรได้ คนผิดต้องรับโทษตามกฎหมายเพื่อชดใช้และไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
หญิงสาวดึงเอากล่องอาหารซึ่งเหมราชเตรียมไว้ให้ทั้งที่ยังคิดไม่ตก ยอมรับว่าเป็นคนจิตใจอ่อนไหวขนาดหนัก กลัวไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นมันจะนำมาซึ่งความหวาดระแวงไปต่างๆ นานาให้กับเธอไปเสียหมด จนเหมราชเองยังเคยพาไปขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ให้ช่วยเยียวยาจิตใจ
"ใจเย็นๆ เจ้าขา...เธอไม่ได้ทำ...ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี..." มือเล็กสั่นเทาจับกล่องอาหารเอาไว้แน่น หายใจเข้าออกเฮือกใหญ่ก่อนจะรวบรวมกำลังนำมันใส่ตู้ไมโครเวฟ จะกินไม่ลงหรือไม่อยากกินก็ต้องกิน ไม่อยากอยู่หรืออยากหายไปจากโลกนี้สักแค่ไหนก็ต้องทนอยู่เพื่อคนที่รัก เพื่อคนที่กำลังรอคอยด้วยจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยรักแท้อันบริสุทธิ์...
"คุณพอส...เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมต้องไปพบสารวัตรปราชญ์ตั้งแต่เช้าแบบนั้นด้วยคะ" เสียงเรียกทักคุ้นหูหยุดสองเท้าที่กำลังสาวเดินหน้าให้หยุดชะงัก ชายหนุ่มหันกลับมามองเจ้าของเสียงซึ่งอยู่ในอาการประหม่า อยากรู้อยากเห็น ซ้ำยังมองซ้ายมองขวาระแวดระวังตัวอย่างนึกขัน
"กลัวคนเห็นแล้วแอบเข้ามาทำไมเนี่ย..." เหมราชแสยะยิ้มถาม ด้วยบริเวณนี้เป็นทางเดินไปห้องน้ำชายของห้องประชุมใหญ่ หากใครมาเห็นเธอกับเขายืนคุยกันเช่นนี้ย่อมไม่เกิดผลดีแน่นอน หากแต่พอเสร็จเรื่องจากสารวัตรคมปราชญ์เมื่อเช้า เขาก็เข้าห้องประชุมยาวจนบัดนี้เกือบบ่ายสองเข้าไปแล้ว เจียระไนคงรอนานและทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว
"คือ...เจ้าขาเห็นข้อความเมื่อเช้าแล้วสงสัยค่ะ"
"รอให้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยถามก็ได้นี่"
"เจ้าขาอยากรู้...มีเรื่องเกี่ยวกับคดีหรือเปล่า" ดวงหน้าขาวซีดของเธอใจจดใจจ่อกับคำตอบ ดวงตาลุกวาวอย่างกระตือรือร้น
"ไม่มีอะไรหรอก...ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรับปากแล้วว่าจะช่วย ยังไงก็จะช่วยให้ได้"
"แม้ว่าเจ้าขาจะเป็นคนผิดจริงๆ...อย่างนั้นเหรอคะ..."
"เธอไม่ได้เป็นคนทำเจ้าขา...เชื่อใจฉันก็พอ เลิกกังวลเรื่องนี้ได้แล้ว เธอไม่เสียตัวฟรีๆ หรอก ฉันรับรอง..."
"คุณพอส! คุณนี่มัน!..." เจียระไนหลุดจากอารมณ์เดิมๆ ในทันทีเมื่อถูกถากถางเช่นนั้น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความอดสูและรีบหันหลังเดินกลับไปยังทางเดิม แต่แขนเล็กๆ ของเธอก็ถูกดึงเอาไว้เสียก่อน
"ล้อเล่น! แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วยเหรอ ขี้แยจริงๆ นะเราน่ะ..."
"เจ้าขาจะกลับไปทำงานค่ะ ออกมานานแล้ว เดี๋ยวที่แผนกจะสงสัยเอา"
เหมราชหลบยิ้มอย่างอดเสียไม่ได้เมื่อเห็นหน้ากระเง้ากระงอดแสนงอนนั้น ใจหนึ่งนึกขำในความไม่รู้จักโต อีกใจก็สงสารครามครัน อย่างเขาว่า ริจะเลี้ยงเด็กต้องทำใจ ยิ่งเด็กไม่เคยมีใครอุปการะมาก่อน ปรมาจารย์อย่างเขาต้องนำทางสอนสั่ง และยิ่งต้องติวเข้มให้เป็นพิเศษหน่อย
"นึกว่าคิดถึงซะอีก อุตส่าห์มาแอบพบเนี่ย ไหนดูซิ...โกรธจนหน้าแดงเป็นก้นลิงซะแล้ว" ไม่พูดเปล่าร่างเล็กถูกดึงเข้าหาแผงอกพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มรีบฉวยโอกาสโน้มจูบแก้มขาวซับสีเลือดเจือจางอย่างเอ็นดู มันหอมและนุ่มเหมือนทุกคืน และไม่ได้แตกต่างจากทุกๆ วัน แต่ช่างตรึงใจอย่างแปลกประหลาดราวกับไม่อาจขาดกรุ่นกลิ่นนี้ได้อย่างผู้หญิงคนอื่นที่เคยผ่านมาอีกแล้ว
"ปล่อยค่ะคุณพอส จะบ้าเหรอคะนี่มันทางเดินนะ"
"ก็ใครบอกว่าทางรถไฟฟ้าใต้ดินล่ะ...หืม..."
"..." ไม่ทันได้ตอบโต้อะไรออกไป กลีบปากที่กำลังเผยอเจรจาก็ถูกจองจำไปเสียก่อนแล้ว ดวงตากลมโตเบิกโพลงตกใจในความกล้าบ้าบิ่นและหื่นไม่เลือกที่ต้องเจอจากชายหนุ่ม เธอยังพยายามผลักคนตัวใหญ่ให้ออกห่างแม้จะเหลือแรงเพียงน้อยนิด แต่คุณพระ! เหมือนเอาเศษไม้ไปงัดหิน
"หอมเหลือเกิน หวานอีกต่างหาก...ชักไม่อยากเข้าประชุมต่อแล้วสิ" เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ ขนาดว่าอยู่ในที่รโหฐานและมีเพียงกำแพงตรงหัวมุมบังสายตาเท่านั้น แต่หากใครเดินดุ่มเข้าทางนี้ก็จะเห็นทันทีโดยไม่ต้องแอบส่องให้เสียเวลา
"..." หญิงสาวได้จังหวะจะอุทธรณ์ห้ามปรามอีกครั้งแต่ก็ถูกเขากดจูบซ้ำอีกครั้ง จุมพิตร้ายนัวเนียเล้าโลม นุ่มดุจไหมชั้นเลิศและกรุ่นหอมเหมือนได้อยู่ในทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ ชั่ววูบสติหนึ่งตัวเธอเองก็หลงลืมความเป็นตัวเองในฉับพลัน เสน่หามันยั่วยุให้พลอยเตลิดไปตามกระแสสวาทที่เขากำลังเพียรป้อนสอนให้อย่างละเมียดละไม
ปลายลิ้นสากหนาตวัดรุกเข้าหาอย่างเชื้อเชิญและถือวิสาสะ ทำให้ลมหายใจสาวน้อยติดขัด มือไม้อ่อนเปลี้ยหยุดการต่อต้านและปล่อยอารมณ์ไปตามการชักนำโดยสมบูรณ์แบบ
ช่างง่ายดาย...เหลือเกิน...
"ว้าย!! กรี๊ด!..." เสียงร้องด้วยความตกใจพร้อมกับเสียงตกหล่นของอะไรบางอย่างเรียกให้คนทั้งคู่หยุดบทเรียนในฉับพลันแล้วหันมองมายังต้นเหตุโดยอัตโนมัติ แม่บ้านทำความสะอาดนั่นเอง
หญิงวัยกลางคนร่างท้วมซึ่งยืนตาค้างอ้าปากหวอกับภาพตรงหน้า รีบตั้งสติและเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของนางด้วยความทุลักทุเล มือไม้สั่นงก
เจียระไนถือโอกาสนั้นผลักร่างใหญ่สุดแรง วิ่งออกไปจากที่เกิดเหตุด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งอาย และสมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ เดิมทีปัญหามันก็แย่มากพออยู่แล้ว มาตอนนี้มันกลับจะยิ่งเลวร้ายกันไปใหญ่
"เจ้าขา เดี๋ยว!" เหมราชหัวเองก็หัวเสียไม่ใช่น้อย เขารีบโผตามสาวน้อยไปในทันทีเพราะรู้สึกได้ถึงสภาพจิตใจของเธอ แต่ก็ไม่ลืมจะหันมากำชับผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกคน
"หวังว่าเธอจะไม่เห็นอะไรใช่ไหม..."
"ค่ะท่าน ค่ะๆ...ดิฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยค่ะ ขอ...ขอตัวก่อนนะคะ" พนักงานทำความสะอาดผู้โชคร้ายรีบพาตัวเองออกไปจากตรงนั้นในทันทีเช่นกันโดยไม่รีรอ ไม่เช่นนั้น นางคงชะตาขาดกลางอากาศเป็นแน่แท้
เหมราชสาวเท้าตามร่างระหงที่วิ่งลับตาไปไปแล้วแต่ก็ต้องชะงักตัวเองเอาไว้ เขามีภาระหน้าที่ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยจึงจำเป็นต้องละทิ้งความรู้สึกของสาวน้อยไว้ก่อน แม้ใจจะงุ่นง่านหงุดหงิดสักแค่ไหน ชายหนุ่มก็ยังลำดับความสำคัญในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบได้อยู่
ทิศทางของเป้าหมายจึงถูกเปลี่ยนเป็นห้องประชุมใหญ่แทนที่การตามไปปลอบประโลมเจียระไน ซึ่งเขารู้ดีว่าเธอจิตใจอ่อนไหวเป็นที่สุด แม้บางครั้ง...หญิงสาวจะฝืนทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่เคยปริปากกับเรื่องความสัมพันธ์ภายใต้สัญญาบ้าบอนี้มากแค่ไหนก็ตาม