เหตุแห่งความช้ำ ตอนที่ 2

973 Words
หญิงสาวกอดคนข้างกายแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อหวนนึกลำดับเหตุการณ์ในครั้งนั้น ริมฝีปากบางเฉียบเม้มขบเข้าหากันจนรู้รสปวดแปลบ น้ำตาไหลรินเป็นทางเช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ถี่ระทึกขึ้น หากย้อนเวลากลับไปได้ หากให้เลือกอีกครั้ง...เธอจะไม่ยอมไปร่วมงานในคืนนั้นอย่างเด็ดขาด ด้วยสภาพที่บีบบังคับจากหลายๆ ปัจจัยในคืนนั้นทำให้เธอไม่อาจทนนั่งฝืนใจตัวเองได้อีกต่อไป เจียระไนยังจำได้ดีว่าเธอลุกขึ้นเดินออกไปจากบริเวณที่ทุกคนกำลังดื่มกินกันอยู่เสียเฉยๆ เมื่อเจอคนทักไถ่ถามเธอก็บอกเขาไปว่าขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนเพราะรู้สึกมึนศีรษะ และเสียงเพลงเสียงเฮฮาก็ดังจนเธอปวดหูไปหมด จากนั้นจึงปลีกตัวเข้าไปในตัวอาคารเดินลัดเลาะไปที่ระเบียงชมวิวที่ทางโรงแรมจัดไว้สำหรับนั่งพักดูบรรยากาศยามค่ำคืน ความเงียบสงบมาเยือนจนรู้สึกโล่งใจและผ่อนคลายขึ้นมาในบัดดล และไม่ต้องเป็นกังวลว่าจะมีใครอื่นมาแย่งแบ่งปันพื้นที่นี้ไปจากเธอเพราะทางทางบริษัทได้เหมาให้พนักงานไว้โดยเฉพาะ แขกหรือลูกค้าคนอื่นๆ ของทางโรงแรมจะไม่ได้ขึ้นมาบริเวณนี้อยู่แล้ว ดังนั้น หากใครจะมาขัดจังหวะก็คงมีแต่คนรู้จักในที่ทำงานเดียวกันเท่านั้น เธอได้แต่หวังว่าอีกสักพักคงหาโอกาสขอตัวกลับได้อย่างสมเหตุสมผล แต่แล้วเพียงชั่วครู่ จิณณะก็ตามมาหาจนเจอในสภาพเมามาย ในยามนั้น ใจนึกกลัวจะเกิดปัญหาใหญ่โตซ้ำซัดให้สถานการณ์มันแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ หญิงสาวจึงตัดสินใจพูดคุยไปแบบตรงๆ ให้เขาเลิกล้มความคิดในแง่ชู้สาวเสีย เพราะเธอไม่เคยมีความคิดแบบนั้นอยู่ในหัวเลย คงมองเห็นเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนหรือพี่ชายเพื่อตัดปัญหาต่างๆ แต่หากจิณณะไม่ยอมรามือ พยายามกอดจูบเธอในที่รโหฐานแห่งนั้น เมื่อความอดทนถึงขีดสุด เธอจึงตบหน้าเขาไปหวังเรียกสติและขู่ออกไปว่าหากยังมายุ่มย่ามไม่เลิกจะลาออกจากงานแล้วไปอยู่ที่อื่น ชายหนุ่มผู้มากรักจึงยอมผละห่างจากไปในที่สุด มันคงเป็นการดีหากเรื่องทุกอย่างจบแค่นั้น...แต่มันไม่ใช่ เมื่อจิณณะไปแล้ว เธอยังคงยืนทำใจอยู่ตรงระเบียงของตึก และกำลังจะกลับบ้าน ไม่คิดเข้าไปในงานอีกเพราะเวลาก็ล่วงเลยดึกมากแล้ว ทุกคนเมามายคงไม่ได้สังเกตว่าเธอแอบหนีกลับตอนไหน จังหวะนั้นเอง... นันทิกาก็โผล่มา...ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียมและท่าทีเอาเรื่อง เจ็บแค้น โกรธเคือง ดวงตาแดงก่ำและได้กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นคลุ้งจนเธอต้องเอามือปิดจมูก รับรู้ได้ถึงอันตรายที่เยื้องย่างเข้ามาเมื่อนันทิกาปรี่เข้ามาตบตีแบบไม่ยั้ง แรงคนเมาช่างมหาศาล บวกกับความโกรธแค้นชิงชังพยาบาท แม้จะออกปากห้ามและปัดป้องก็ไม่อาจทัดทานฝั่งตรงข้ามได้แม้แต่น้อย ด้วยความฉุกละหุกชุลมุนวุ่นวาย เจียระไนเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตนเองได้ตอบโต้ไปอย่างไรบ้าง รู้เพียงว่าอยากเอาตัวรอดจากการประทุษร้ายที่รัวกระหน่ำใส่ไร้ความปรานีนั้นให้เร็วที่สุด เธอรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างที่เมามายสุดกำลัง และพยุงตัวลุกยืนมองอีกฝ่าย ภาพที่เห็นคือนันทิกาเซซังไปปะทะกับราวระเบียง เจ้าหล่อนยังมองเธอตาขวางแต่ร่างก็เซไปเซมาทรงตัวไม่อยู่ นั่นอาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัวบวกกับออกแรงมาก ทำให้ร่างกายเกิดอาการแปรปรวนกะทันหัน แล้วจู่ๆ ร่างที่ขาดการควบคุมของนันทิกาก็ทิ้งน้ำหนักตัวไปที่ราวระเบียง ซึ่งมีความสูงเหนือสะเอวนิดหน่อย ทำให้ขอบราวนั้นไม่อาจรั้งกั้นร่างที่กำลังทิ้งช่วงตัวส่วนบนไปด้านหน้าเต็มกำลัง เพียงเสี้ยววินาที...เสียงกรีดร้องของเจียระไนที่เห็นเหตุการณ์แบบจะๆ ก็ดังหวีดระงมทั่วทั้งโรงแรมแห่งนั้น... เจียระไนทรุดตัวนั่งเหมือนคนไร้วิญญาณ น้ำตานองหน้า แต่กลับไม่มีแม้เสียงสะอื้นให้ได้ยิน ทุกอย่างดำมืด น่าสะพรึงเป็นที่สุด เธอมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อถูกพยุงโดยใครคนหนึ่งและโอบกอดไว้ในอ้อมแขน พอสติค่อยๆ กลับคืนก็พบว่าทุกคนที่มาร่วมงานสังสรรค์อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตารอบตัวเธอเสียแล้ว เจ้าของอ้อมแขนอบอุ่นนั้นหาใช่ใครที่ไหน เป็นเหมราช ท่านประธานหนุ่มนั่นเอง เจียระไนรีบผละออกจากอ้อมอกนั้นและแทรกตัวไปยังราวระเบียงเพื่อมองดูด้านล่าง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงชะตากรรมของนันทิกา และแล้ว...ก็ต้องทรุดตัวราวกับวิญญาณจะหลุดลอยออกไปพร้อมๆ ร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดบนพื้นด้านล่างของตัวตึก ด้วยแสงไปที่ส่องสว่าง และความสูงเพียงสามชั้นทำให้มองเห็นภาพอันน่าสยดสยองนั้นได้อย่างชัดเจน นันทิกา หญิงสาวผู้ลาโลกไปก่อนวัยอันสมควรนอนแน่นิ่ง โลหิตแดงฉานอาบทั้งตัว ดวงตาเบิกโพลงฉายแววอาฆาตค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น เสียงหวีดร้องและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังระงม หากแต่สาวน้อยอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว สติเธอดับวูบอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อไม่อาจทนรับเรื่องราวอันสุดแสนเลวร้ายและสถานะที่ได้รับการกล่าวหาได้ไหว 'ฆาตกร'
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD