"อื้อ! ไม่นะ..."
เหมราชลืมตาโพลงเมื่อเสียงหวานแว่วเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดของยามค่ำคืนในห้องนอน เขารีบผงกหัวมองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังดิ้นเบาๆ ส่ายหน้าไปมาพร้อมส่งเสียงครางร้องห้ามตะกุกตะกัก ความกลัวฉายชัดบนใบหน้าแม้จะมีเพียงแสงสลัวให้เห็นเพียงเลือนราง ฝันร้ายมาเยือนเธออีกแล้ว...
"เจ้าขา...เจ้าขา..."
"ไม่! ไม่นะ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ฆ่าคุณ! ไม่ใช่นะ!..."
"เจ้าขา! เจ้าขา นี่ฉันเอง ลืมตาขึ้นมาสิ เจ้าขา!" ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีเมื่อปลุกเรียกเท่าไหร่เธอก็ไม่ยอมตื่น อีกทั้งยังปัดป้องร้องห่มร้องไห้หนักยิ่งกว่าเก่า จึงรีบเขย่าตัวและร้องปลุกดังกว่าเก่า
"ไม่ใช่! ฉันไม่ใช่ฆาตกร ฮือๆ..."
"เจ้าขา!"
"ไม่!!! ช่วยด้วย กรี๊ด!!"
"เจ้าขา! โธ่! เจ้าขาตื่นสิ!"
ร่างเล็กถูกคนตัวใหญ่จับดึงให้ลุกนั่งกึ่งนอนทั้งๆ ที่เธอยังอาละวาดกรีดร้องไม่หยุด แต่มันก็ได้ผล การกระทำของเขาทำให้เจียระไนรู้สึกตัวจนได้ เธอลืมตาขึ้นด้วยความตื่นตระหนก เหงื่อกาฬผุดพรายทั่วดวงหน้า ริมฝีปากซีดสั่นยังส่งเสียงครางฮือด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว
เหมราชคว้าร่างบางแข็งทื่อเข้ามากอด พร้อมทั้งเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงให้แสงสว่างช่วยขับไล่ความมืดมิดในใจเธอ เผื่อจะบรรเทาความหวั่นสะพรึงออกไปได้บ้าง
"ใจเย็นๆ ก่อน ไม่เป็นไรนะฉันอยู่ตรงนี้แล้ว..." เขาเอ่ยปากปลอบพร้อมลูบแผ่นหลังชื้นเหงื่อ ประโลมให้เธออุ่นใจว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ไม่ได้ต่อสู้กับความเดียวดายที่เจ็บปวดฝังลึกยากจะลืมเลือน
"คุณพอส..." เสียงหวานสั่นพร่าครางชื่อเจ้าของอ้อมกอดคล้ายละเมอ
"ใช่...ฉันเอง ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ..."
ร่างเล็กผวากอดเต็มแรงพร้อมปล่อยเสียงโฮไม่เก็บกลั้น เหมราชยิ่งกอดรัดร่างสั่นสะอื้นอย่างเห็นใจ ปลุกปลอบและเวทนาสงสารเคล้าคละปะปน
"คุณแนน...คุณแนนมาหาเจ้าขาอีกแล้ว เจ้าขากลัว" เธอซบอิงอกอุ่นราวจะใช้กันภัยให้ตัวเองได้อยู่รอดจากความหวาดหวั่นสั่นผวาที่ตามติดทุกลมหายใจเข้าออก
"เธอคิดมากแล้วเก็บเอาไปฝันอีกแล้ว แนนเนินที่ไหนกัน ไม่มีใครทั้งนั้นแหละ"
"คุณแนนจริงๆ ค่ะ คุณแนนมายืนตรงนั้น..." เธอชี้ไปยังปลายเตียงนอนด้วยท่าที่กล้าๆ กลัวๆ เช่นเดิม ไม่กล้ามองมันด้วยซ้ำ ต้องรีบซุกหน้ายังแผงอกล่ำสันเช่นเดิม แม้รู้ว่าไม่ได้เป็นเจ้าของ แม้รู้ไม่อาจครองสิทธิ์ แต่หากในเวลานี้ขอแอบอิงพิงซบให้หัวใจพอได้สงบสุขชั่วคราวเท่านั้นเอง
"ไหน! ไม่เห็นมี เหลวไหลใหญ่แล้วเจ้าขา นอนเถอะ...เปิดไฟไว้แบบนี้ก็ได้" ชายหนุ่มเบี่ยงประเด็นและรั้งตัวเธอให้นอนพร้อมๆ กับเขาโดยไม่ได้ปล่อยมือออกห่าง หากเจียระไนสังเกตสักนิดจะรู้ว่าแรงกอดนั้นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดไม่แพ้สภาวะจิตใจเธอในยามนี้เลย
"แนนเขาไปดีแล้ว เขาไม่มาวุ่นวายกับเราหรอก"
"แต่...แต่เจ้าขา...ทำให้คุณแนนตาย..."
"ลืมมันไปซะเถอะ" เหมราชกล่าวเสียงทุ้มเรียบ มือใหญ่ลูบปลอบร่างสั่นระริกในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเจอกับหญิงสาวที่กำลังกกกอดจนถึงบัดนี้ไหลเวียนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนเช่นที่เกิดขึ้นบ่อยๆ
เจียระไน...เธอไม่เหมือนใคร เธอ...ไม่มีใครเหมือน การได้จับจองเป็นเจ้าของใช่ว่าจะยากเย็นแต่ก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างคนก่อนๆ...กลับกัน ความยุ่งยากที่ตามมาก็มากมายยุ่งเหยิง พัวพันหลายคน หลายกรณี ทำให้ชีวิตเจ้าสำราญที่ใครๆ เห็นจากภายนอกนั้น แท้จริงทุกอย่างไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
"คุณแนนต้องโกรธ ต้องเกลียดเจ้าขามากแน่ๆ เลยถึงไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียที เจ้าขา...กลัว ภาพนั้นมันผุดขึ้นมาทุกครั้งที่เจ้าขานอน หน้าคุณแนนตอนที่พลัดตกลงไป...ยังจ้องเจ้าขาอยู่ตลอดเวลา"
"เพราะคิดมากไงล่ะ ถึงได้เก็บเอามาฝันบ้าๆ บอๆ เรื่องมันกำลังจะจบ อีกหน่อยมันก็จะผ่านไปเอง เข้าใจไหม..."
"เจ้าขากลัว...ถ้าคดีพลิกล่ะคะ ถ้า...ตำรวจหาพยานได้ว่าเจ้าขาเป็นคนทำให้คุณแนนตายไปจริงๆ เจ้าขาต้องติดคุกแน่ๆ เลย"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรับปากแล้วก็ต้องทำได้สิ ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะ มีฉันอยู่ทั้งคน ใครก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เข้าใจไหม..."
เหมือนคำมั่น เหมือนการปลอบโยนส่งมอบไออุ่นให้หัวใจคลายจากความหนาวเหน็บ แต่ชั่วครู่...ความจริงก็ประจักษ์ว่าอ้อมกอดนั้นแท้จริงช่างร้อนรุ่มราวถูกไฟจากนรกโลกันตร์เผาไหม้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างเจ็บฝืด ดวงตาปรือฉ่ำหยาดน้ำปิดหลับลงช้าๆ อย่างจำยอม
เธอไม่อาจหนีเขาพ้น เขาคือเกราะคุ้มภัยจากอันตรายภายนอกไม่ให้ย่ำกรายมาแตะต้อง แต่ขณะเดียวกัน ด้านในของเกราะที่พำนักอยู่นั้นก็เต็มไปด้วยหอกแหลมคมที่คอยทิ่มแทงให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างที่สุด โดยไม่เหลือทางออกให้แทรกมุดหลุดลอดออกไปได้เลย
"นอนเถอะ...พรุ่งนี้มีสัมมนาแต่เช้า"
"ค่ะ..." คนในอ้อมแขนตอบรับอย่างว่าง่าย แม้จะยังสะพรึงกับฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน แต่หากก้นบึ้งของหัวใจก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อไม่ได้อยู่เพียงลำพังเดียวดาย เธอทอดร่างลงตามแรงพยุงของชายหนุ่ม เขาลูบศีรษะเลื้อยเลยไปตามแผ่นหลังอย่างต้องการประโลมปลอบขวัญ พร้อมกันนั้นก็จุมพิตหน้าผากสาวเบาๆ สูดเอาความหอมกรุ่นแห่งผิวเนื้อเข้าจมูกไปพร้อมๆ กัน
"อย่าค่ะ..." สัญชาตญาณที่คุ้นเคยบอกให้รู้ว่าถึงความต้องการของคนตัวใหญ่ หญิงสาวรีบเอ่ยปากห้ามพร้อมแหงนหน้าส่งสายตาเศร้าสร้อยเว้าวอน บอกเป็นนัยว่าตัวเองไม่พร้อมกับมันมากแค่ไหน
ทว่าริมฝีปากชมพูสั่นระริกกลับยิ่งกระตุ้นกำหนัดเสน่หาให้พวยพุ่งกว่าเก่า เหมราชไม่อาจอดใจไหวเขาจองจำกลีบปากเย้ายวนนั้นอย่างนุ่มนวลทะนุถนอม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
"ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย คิดมากไปได้...ยังอิ่มอยู่ แต่ถ้ายังไม่หลับ ยังดิ้น ยังดื้อมากๆ ก็ไม่แน่นะ ฉันมันคนหิวบ่อยด้วยสิ หึหึ"
"ทะลึ่งนะคะ...เจ้าขานอนดีกว่าค่ะ" เจียระไนบอกพร้อมหลับตาพริ้มและขยับศีรษะให้อยู่ในท่าสบายๆ ดังเดิม เสียงหัวเราะขบขันยังแว่วให้ได้ยินสองสามครั้งก่อนที่ไฟจะดับลง ทั่วทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืดสลัวอีกครั้ง
จังหวะการเต้นของหัวใจชายหนุ่มสม่ำเสมอขึ้น รับรู้ได้เพราะสัมผัสที่แนบชิดกันอยู่ บ่งบอกว่านิทราได้มาเยือนเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อาจเพราะภาระหน้าที่ทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัว รวมถึงกาฝากหัวใจเช่นเธอ ทำให้ในแต่ละวันเหมราชต้องวิ่งวุ่นจนเพลียเหนื่อยไม่ใช่น้อย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะหลับไปอย่างง่ายดายทั้งๆ ที่เธอยังงุ่นง่านและขยับไปมาเพราะไม่อาจข่มตาให้ปิดสนิทใจได้สักที
ร่างเปื้อนเลือด ใบหน้าฉาบแววอาฆาตของใครคนหนึ่งที่ทั้งชีวิตเธอคงไม่อาจลืมยังคงติดตาและไม่อาจลบเลือนให้จางหาย หาก...ไม่ดิ้นรนมาทำงานที่นี่ เรื่องคงไม่เกิด หาก...ปฏิเสธไม่ไปร่วมปาร์ตี้สังสรรค์ที่ทางแผนกสามารถผ่านทำโปรเจ็กต์ใหญ่ได้ทะลุเป้าในรอบสิบปี เธอก็คงไม่ต้องมาทนรับชะตากรรมอันน่าสังเวชใจเช่นนี้...
เหตุการณ์ทุกฉาก ทุกตอนในวันนั้นยังแจ่มแจ้ง เธอถูกคะยั้นคะยอให้มาร่วมฉลองชัยกับพนักงานคนอื่นๆ ในแผนกเนื่องในโอกาสพิเศษที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในตอนแรกก็ไม่ได้รับปากอย่างเป็นทางการเพราะเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่นาน แถมเพื่อนร่วมงานหลายๆ คนก็ดูจะไม่ใคร่ชอบพอเธอสักเท่าไหร่
แต่เมื่อหัวหน้าแผนกเป็นคนเอ่ยปากสมทบก็รู้สึกเกรงใจ จึงจำต้องเป็นส่วนหนึ่งในการสังสรรค์วิปโยคนั้น สถานที่จัดงานคือบริเวณสระว่ายน้ำชั้นสามของโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคู่ค้ากับทางบริษัท และนอกจากพนักงานในแผนกแล้ว บุคคลสำคัญรวมถึงเพื่อนร่วมงานแผนกงานอื่นๆ ก็มาร่วมสนุกด้วยหลายคน ทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากขึ้น บวกกับวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดทำให้ทุกคนเต็มที่กับการดื่มฉลองอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช
เหมราชก็ได้รับเชิญให้มาร่วมเป็นเกียรติในงานนี้ด้วย เขามาหลังคนอื่นๆ และทักทายให้กำลังใจและแสดงความยินดีตามธรรมเนียม เพราะเป็นปาร์ตี้เล็กๆ จึงไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องพิธีรีตองเท่าไหร่นัก แต่ในฐานะท่านประธานบริษัท เหล่าพนักงานก็ให้ความเคารพ ไม่กล้าปีนเกลียวอย่างเช่นเพื่อนร่วมงานด้วยกัน ชายหนุ่มจึงปลีกตัวไปนั่งโต๊ะวีไอพีที่ถูกจัดไว้ให้โดยเฉพาะกับเหล่าหัวหน้าแผนก
การดื่มเหล้าเคล้ากับแกล้มและรื่นเริงไปกับเสียงเพลงแสงไฟอาจเป็นเรื่องปกติของเหล่าคนทำงานที่มักหาเวลาว่างไปปลดปล่อยความเครียด แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความเคยชินของเจียระไน เธอรู้สึกวิงเวียนและอึดอัด หายใจไม่ใคร่จะคล่องปอดเอาเสียเลย พวกผู้ชายก็คอยแต่จะชวนเธอดื่มกิน ชวนออกไปเต้นรำบ้าง เล่นน้ำบ้าง ส่วนผู้หญิงหลายคนก็มองราวจะกินเลือดกินเนื้อโดยเฉพาะ ‘นันทิกา’ สาวนักบัญชีผู้กำลังมีปัญหากับแฟนหนุ่มซึ่งกำลังตีตัวออกห่าง
ซึ่ง...เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นมือที่สาม เพราะฝั่งผู้ชายดูจะเทียวไล้เทียวขื่อให้ความสำคัญเป็นพิเศษจนออกหน้าออกตา
หากแต่เธอรู้ตัวว่าเขามีเจ้าของและไม่เคยคิดกับชายหนุ่มคนนั้นเป็นอื่นนอกเสียจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง หญิงสาวจึงพยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด แต่คำครหาก็มิได้สร่างซาลง ซ้ำจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกทีๆ เมื่อคนทั้งสองดูจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมกันได้อีกและฝ่ายผู้ชายคือ ‘จิณณะ’ ก็ดูจะตอแยเธอหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน หลายคนหลายฝ่ายจึงจับตามองและเป็นเก็บเอาไปพูดต่อกันอย่างสนุกปาก
แม้กระทั่งค่ำคืนอันแสนน่าจะอึดอัดใจนี้ก็เช่นกัน...จิณณะ แสดงความหึงหวงและเอาใจเธอจนน่าเกลียดทั้งที่แฟนของเขาเองก็อยู่ร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย
ที่สำคัญกว่านั้น...สายตาของเหมราชที่มองอย่างไม่ละวางก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหายใจติดขัดร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก ใจนั้นไม่ได้คิดในทางอื่นไกลนอกเสียจากความกังวลว่าเจ้านายจะทราบความเรื่องฉาวนั้น และอาจมีผลต่อหน้าที่การงาน เขาจึงได้คอยจับตาดูพฤติกรรมแบบไม่ปิดบังเช่นนั้น