ม่านสวาท ตอนที่ 3

2236 Words
"อื้อ!!" เจียระไนสะดุ้งเฮือก! ขาข้างหนึ่งได้รับอิสรภาพแล้วในทันทีทันใด แต่อีกข้างถูกยกโยกสูงขึ้นไปอีกจนหน้าขาแนบกับลำตัวเธอเอง ในขณะที่ส่วนใจกลางความรู้สึกก็ยังถูกเขาบุกกระหน่ำซ้ำเรียวลิ้นไปตามรอยร่อง ปาดเลียเรี่ยไรทั่วทุกสรรพางค์ ราวจะเก็บกินทุกรายละเอียดไม่ให้ตกหล่น หอมหวานนักหรือไร รสชาติมันโอชะถึงปานนั้นเชียวหรือ ชายหนุ่มถึงไม่ยอมโงหัวเอาแต่เก็บเล็ม ขบแทะไม่ยอมหยุดเสียที เสี้ยวใจหนึ่งเสียวซ่านเหมือนจะขาดรอน แต่ก็ยังไม่ยอมโฉบเฉี่ยวไปยังสิ่งที่เฝ้าหวังเสียที เหมราชแกล้งเธอ! เขาไม่ยอมปล่อยความอัดอั้นให้ได้รับอิสระจนกว่าตัวเองจะพอใจสินะ ทั้งที่เธอสั่นคลอนไปทั้งร่าง เนินเนื้ออวบอูมด้านบนก็ไม่ได้รับการละเว้น เขากัดเบาๆ ครอบครองทุกอย่างไว้ในอุ้งปากในคราเดียว ก่อนจะคายออกมาและตวัดชิวหาตรงจุดอ่อนไหวที่สุด มืออีกข้างจับโคนขาที่ปล่อยปละเมื่อครู่ให้แยกออก เผยดอกไม้งามให้ชัดถนัดตาทุกรายละเอียด ดวงตาพร่ามัวของเขายังคงมองเห็นความงามแห่งอิสตรีแจ่มชัด สีสันของเธอสดสวย กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ลุ่มหลงไม่อยากละห่าง รสชาตินั้นหรือก็ช่างเลิศล้ำหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่เคยเลย! ที่นึกอยากปรนเปรอผู้หญิงคนไหนเท่าเจียระไน เขานึกด่าตัวเองในใจว่าคงเป็นบ้า ผีป่าเข้าสิงไปแล้วที่ลงทุนทำเรื่องมิควรแบบนี้ แต่เมื่อเผลอใจไปกับอารมณ์มืดมัวนั้นแล้วก็รู้ทันทีเลยว่า มันคุ้มค่าและไม่น่านึกลังเลเลยแม้แต่น้อย เสียงหวานครางแหบและลดระดับความดังลงเหมือนหญิงสาวจะสิ้นลมลงได้ทุกขณะหากเขายังรีรอ ชายหนุ่มจึงละจากการจับโคนขาอวบตรงฐานสะโพก ยกตัวผละริมฝีปากและกิจกรรมอันรัญจวนชั่วขณะ ส่งปลายนิ้วชี้เข้าปากอุ่นร้อนที่ครางครวญไม่ยอมหยุด ซึ่งเธอก็รับมันไว้แต่โดยดี ซ้ำยังดูดกลืนเป็นจังหวะ ใช้ลิ้นเลียวนรอบๆ ตวัดห่อไว้ด้วยความเคลิบเคลิ้มหลงใหล ก่อนจะดึงออกและมองดูความเปียกชื้นที่อาบนิ้วอวบด้วยความพึงพอใจ แสยะยิ้มให้กับดวงหน้าหวานที่กลืนน้ำลายลงคอปรือ ตาพลิกใบหน้าซ้ายทีขวาทีช้าๆ คล้ายคนละเมอ ริมฝีปากใหญ่หนาประทับจูบยังเนินสาวอีกครั้ง ค่อนๆ แทรกปลายลิ้นไปตามรอยแยกซึ่งเจิ่งนองไปด้วยความปรารถนาที่หยดรินเต็มเปี่ยม นำนิ้วนั้นจดจ่อและค่อยๆ สอดลึกสนองตอบปฏิกิริยากระสันซ่านของเธอ เจียระไนยกสะโพกรับครางฮือ ทั้งขยับเชื้อเชิญความหนักหน่วงที่กำลังบุกล้ำเป็นจังหวะในคราแรก สายตาคมกล้าเหลือบแลดวงหน้าซับสีเลือดที่ประปรายไปด้วยหยาดน้ำ เธอพอใจ เธอเป็นสุข และเร่าร้อนผิดอุปนิสัยปกติอย่างไม่น่าเชื่อ ความฮึกเหิมลำพองตัวบังเกิดแก่ผู้ควบคุมเกมทันที เมื่อสามารถเรียกเอาความดิบในตัวเธอให้เป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของกุลสตรี ชายหนุ่มรุกนิ้วหนักกระชั้นถี่ ร่างเล็กหอบโยนยกรับสัมผัสล้ำลึกจากสิ่งแปลกปลอมที่เร่งโหมกระหน่ำอยู่ในตัวเธอ หน้าท้องบิดร่อนเกร็งเครียดด้วยความเจ็บปวดปนกระสัน มือเล็กเผลอขยุ้มศีรษะและดึงทึ้งเส้นผมของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งอุ้งปากเรียวลิ้นและนิ้วร้ายทำงานกลมเกลียวเป็นหนึ่งเพื่อส่งมอบความสุขสมให้กับเธอ ล่วงเวลาเพียงไม่นาน หยาดน้ำทิพย์หอมหวานก็หลั่งรินพร้อมๆ กับเสียงหวีดหวิวปานจะขาดใจ น้ำเสียงของเธอพริ้งเพราะเสนาะหูเสียยิ่งกว่าภูตพรายตนใดมาดีดพิณขับขานกล่อมกลอนให้ฟัง หญิงสาวกดศีรษะเขาแนบกลางใจสาวในจังหวะสุดท้ายพร้อมๆ กับดีดสะโพกเข้าหาเพื่อไขว่คว้าสวรรค์นั้นมิให้หลุดลอยจากไป ก่อนทุกอย่างจะสิ้นสุด เธอหมดแรง ร่างกายอ่อนเปลี้ยหมดกำลังราวกับทหารที่เพิ่งเสร็จกิจจากศึกสงคราม เหมราชผละใบหน้าออกห่างความหอมหวานอย่างสุดแสนเสียดาย สูดปากครางกับร่างเล็กที่นอนระทดระทวยคล้ายขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ เธอขาวโพลนอวบอิ่ม มีริ้วรอยแดงปื้นระบายฉาบประปรายทั่วตัว ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากน้ำมือของเขาทั้งสิ้น บางครั้งก็อยากยั้งมือ แต่เมื่ออารมณ์เถื่อนทมิฬถูกปลุกให้ลุกตื่น ยากยิ่งนักจะหักห้ามด้วยความปรานี "อื้อ! คุณ!..." "ใจเย็นสาวน้อย เธอก็รู้ว่ามันยังไม่จบ" เขากล่าว...ขณะให้เสรีภาพแก่ความเจ็บปวดซึ่งขดตัวดีดดิ้นอยู่ภายใต้ชั้นในสีขาวและนำมันมาถูไถกับร่องหลืบบอบบางของเธอ ขนาดที่ไม่ธรรมดาส่งผลให้ใจสาวสั่นระรัว เธอเผชิญหน้ากับตัวตนของเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไม่เคยชินกับมันสักที ความทรงจำอันเจ็บปวดในครั้งแรกที่ถูกช่วงชิงความสาวยังตราตรึง ทั้งสภาพจิตใจซึ่งมิได้สมยอมเต็มร้อย ความกลัว ความตื่นตระหนกและจำใจต้องแบกรับฐานะอันน่ารังเกียจทางสังคม ทำให้บาดแผลในวันนั้นยังคงร้าวรานแทบทุกครั้งที่นึกถึงและ...ทุกคราที่ร่างกายต้องรับเอาความร้ายกาจของเขาเข้ามา "เจ็บไหมเด็กดี..." การส่ายหน้าสั่นๆ คล้ายสติยังเผอเรอคือคำตอบให้เหมราชเดินหน้าสอดลึกสุดกำลังกับการออกแรงเพียงครั้งเดียว เขาครางซาบซ่าน เสียงโหยหวนเหมือนสัตว์ร้ายเจ็บหนัก เจ็บปวดรวดร้าวช้ำระทมทั้งที่ถูกโอบอุ้มไว้ด้วยเนื้อเยื่ออุ่นร้อนบอบบาง การเต้นกระตุกตอบรับเรียกร้องที่รัดรอบลำตัวแข็งขึงยังความทรมานยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่รวมเป็นหนึ่งหลายเท่านัก รู้ตัวแล้วว่าการสอดประสานไม่ได้ช่วยบรรเทาอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกแม้แต่น้อย กลับกัน...ความร้อนรุ่มและปวดระบมราวร่างกายจะปริแตกเป็นเสี่ยงกลับยิ่งทวีสูงขึ้นทุกอณูผิวเนื้อ ทางออกเดียว...คือต้องกอบโกยและปลดปล่อยความรู้สึกเหมือนคนใกล้สิ้นใจนี้ให้หลุดพ้นโดยเร็วที่สุด "ทนหน่อยนะเจ้าขา" ด้วยรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำนี้เป็นสิ่งซึ่งเจียระไนอาจต้านทานไม่ได้ เขาจึงบอกกล่าวเป็นการเตือนให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจรอรับการลงทัณฑ์ เธอหนีไม่รอดหรอก ไปไหนไม่ได้ด้วย ยอมไม่ได้ก็ต้องยอม ทนไม่ได้ก็ต้องทน ไม่มีทางเลือก ไร้ซึ่งแสงสว่างให้มองเห็นทางออก ได้แต่เพียงภาวนาให้เขาเอ็นดูสงสาร หลงเหลือความปรานีให้แก่กันบ้างเท่านั้น... "กรี๊ด! คุณพอส เจ้าขาเจ็บ!" สองขาถูกแยกห่างด้วยความเร็วและไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่แรงบุรุษจะถาโถมสาดใส่ไม่นึกยั้ง เขาครางสุขสมทุกจังหวะที่กระแทกตัวหนักหน่วงใส่เธอ แผ่นหลังเล็กแคบครูดไถลไปกับผิวก้อนหิน โชคยังดีที่มีเสื้อปูรองรับและมันก็หนาพอจะช่วยลดแรงเสียดทานเมื่อถูกซัดถูไถขึ้นลง เหมราชสอดแขนใต้ข้อพับขาและยกสูงขึ้นพร้อมกันทั้งสองข้าง ส่งผลให้ลำตัวช่วงล่างของหญิงสาวเชิดรั้นลอยเด่นรอรับการรุกรานเต็มอัตรา เขาขยับตัวประชิดคร่อมเพื่อจะได้สะดวกในการตอกย้ำความเป็นเจ้าของ ร่างกายเธองอคู้และไม่สามารถกระดิกกระเดี้ยว ได้แต่กรีดร้องไปตามจังหวะเมื่อเขากระหน่ำซ้ำลึกไร้ซึ่งความเมตตา กระนั้น...ความรัญจวนก็ยังก่อตัวไปพร้อมๆ กับการเสียดสีระหว่างกัน หญิงสาวกำจิกเนื้อตัวเองเป็นที่ระบายความรู้สึกปั่นป่วนชวนให้เตลิด รู้ตัวว่าได้ปลดปล่อยหยดหยาดเพื่อเชื่อเชิญภมรหนุ่มให้เด็ดดื่มน้ำหวานอันโอชะอีกครั้ง ช่วยอำนวยความคล่องตัวในการเสพประสาน ลดหลั่นความปวดแสบที่เกิดจากการรุกเข้าออกเร็วและถี่นับครั้งไม่ถ้วน เหมราชเรียกเอาความเร่าร่านในตัวเธอให้หลั่งรินแสดงความต้องการอย่างหน้าไม่อาย จิตสำนึกส่วนลึกสุดก้นบึ้ง ที่รวบรวมทั้งศีลธรรมอันดีและความทุกข์จากน้ำมือเขาถูกฝังกลบ แทบขุดหาความรู้สึกเหล่านั้นไม่เจอ... อวตารของเหมราชคือเทพบุตรที่คอยเกื้อหนุนเธอเสมอ ปรนเปรอเอาใจมอบความสุขให้จนล้นสำลัก หากแต่...ตัวตนที่แท้จริงเขาคือปีศาจจากขุมอเวจี ผู้พรากเอาความดีงามทั้งชีวิตไปอย่างไม่มีวันทวงคืนกลับได้... "อืม...เก่งมากเจ้าขา ฉันรู้ว่าเธอก็รู้สึกเหมือนกัน...มีความสุขดีไหมที่รัก...มันดีหรือเปล่า" ชายหนุ่มเฝ้าถามเสียงสั่นพร่า และได้เสียงครางหวีดหวิวเบาๆ เป็นคำตอบเช่นเคย ซึ่งก็เป็นที่พอใจอยู่ไม่น้อย เขาวางขาลงและขยับมือไปรั้งสะเอวคอดเล็กตวัดร่างน้อยขึ้นมาอุ้ม ดึงกระแทกเข้าหาตัวในขณะที่สะโพกสอบของตัวเองก็ร่อนรับด้วยแรงที่เท่าเทียม เจียระไนคว้ากอดร่างใหญ่เหมือนกลัวเขาจะหนีหาย ร้องครางรับความสุขทุกจังหวะที่เขาจ้วงกระโจนบ้าคลั่ง พายุพิศวาสสาดซัดสนองตอบอารมณ์ลึกสุดหฤหรรษ์ เธอรู้สึกร้อนผ่าวและคับแน่นสุดบรรยาย ช่องท้องน้อยปวดหนึบทุกครั้งที่ถูกกระทั้นกระแทกดุดันด้วยความแรงสุดกำลังชาย และมันยังหอบอุ้มเอาความสุขเสน่หาทุกขณะที่ได้ลงแรงฝากฝังตัวตนไว้กับเธอด้วย แขนเรียวเล็กเกร็งกอดร่างหนาไว้แน่น เล็บคมจิกกดผิวเนื้อแผ่นหลังตามแรงกระสันซ่านที่กำลังลุกโชน ริมฝีปากบางเจ่ออ้ากัดขบหัวไหล่ผึ่งผายเอาไว้เพื่อเก็บกลั้นความรู้สึกที่อาจเปล่งออกมาเป็นเสียงด้วยความสะท้าน เหมราชออกแรงส่งมอบตอบรับกระชั้นชิดอยู่เพียงไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นเขาก็ส่งเธอปีนป่ายสู่ความเวิ้งว้างสุดเส้นทางรักได้อีกครั้ง และเขา...ก็ไม่อาจรีรอทนทานต่อไปได้อีกจึงปลดปล่อยตัวเองหลุดลอยตามไปบ้าง มอบทุกหยาดหยดอุ่นชื้นไว้กับเธอ แข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขึ้นมาในทันทีเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง เขายังไม่วางร่างเล็กลงจากตัว และเธอก็เริ่มผ่อนคลายแรงกอดเกร็งในตอนแรก ทั้งคู่หายใจหอบถี่พอๆ กัน ต่างซบบนบ่าของอีกฝ่ายเพื่อพักปรับตัวให้คืนสู่ภาวะปกติ เจียระไนรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังไหลรินออกจากร่างกายเธอเมื่อเขาถอดถอนตัวเองออกห่าง เขายังคงทะนุถนอม ค่อยๆ วางเธอลงบนหินที่มีเสื้อปูรองไว้ก้อนเดิม ร่างใหญ่โน้มตัวคร่อมเธอเอาไว้ในลักษณะหอบระโหย ก่อนจะฟุบกอดจนเธอหงายหลังนอนแผ่ราบโดยที่ชายหนุ่มกอดทาบทับหายใจถี่ระรัวสิ้นแรงอยู่เบื้องบน "หนักค่ะ...เจ้าขาหายใจไม่ออก..." เธอกล่าวเสียงแผ่วเบาเพราะเรี่ยวแรงถูกสูบไปหมดไม่เหลือหลอ จะให้กลั้นใจผลักเขาออกคงไม่มีทาง ซึ่งเหมราชก็ยินยอมแต่โดยดี เขาพลิกลงนอนข้างๆ เธอรวบร่างแบบบางมากอดไว้หลวมๆ จูบซับหน้าผากไล่เล็มไปทั่วใบหน้าชื้นเหงื่อและหยาดน้ำเกาะพราวปนเป "พอค่ะ..." "หืม...อะไรกัน นานๆ ได้มาที่แบบนี้" ชายหนุ่มแย้งทั้งๆ ที่ตัวเองยังหายใจไม่เป็นปกตินัก แต่เนื้อนางช่างหอมหวนจนไม่อาจยับยั้งหยุดความต้องการในตัวได้ เหมือนมันไม่เคยมอดไหม้เป็นจุณยังกระพือลุกโหมกระหน่ำร่ำร้องหิวโหยอยู่ตลอดเวลา "เจ้าขาเจ็บไปทั้งตัวแล้วนะคะ" เสียงสั่นพร่าเล็กๆ นั้นเหมือนจะเตือนสติหื่นหิวของเขาให้หยุดชะงักครามครัน นึกเอ็นดูคนตัวเล็กจับใจและครุ่นคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็ตักตวงมามากพอสมควรแล้ว การให้เธอได้พักฟื้นร่างกายบ้างน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า หักโหมไปพานจะป่วยไข้ และเขาเองนั่นแหละที่จะลงแดงตายหากเจียระไนเกิดนอนซมสักสัปดาห์สองสัปดาห์ อากาศก็หนาวและเธอก็แช่อยู่ในน้ำนานแล้วด้วย ถูกเขาเอาเปรียบจนเนื้อตัวเจ็บช้ำระบมอีก...ไม่เป็นการดีแน่ๆ ถ้าจะลงไม้ลงมือกับเธอต่อ "อุ๊ย!" หญิงสาวอุทานเมื่อตัวเธอลอยสูงตามแรงยกของหนุ่มใหญ่ เหมือนว่าตัวเธอเบาหวิวดั่งปุยนุ่น และเมื่อเขานำออกจากโพรงซอกหิน แสงสว่างยามเย็นก็สาดซัดเข้ามารำไร มือเล็กรีบไขว้ปิดส่วนเปลือยของตัวเองแม้จะไม่มีอะไรมิดชิดเลยก็ตาม เธออายผีสาง อายฟ้าอายดินขณะที่เขาหัวเราะร่าชอบใจในสภาพร่างกายที่ไม่ต่างกัน "ไม่ต้องกลัว ที่นี่ไม่มีใครนอกจากเรา ฉันเอาผ้ามาให้เปลี่ยนแล้วอยู่ทางโน้น อาบน้ำกันก่อนค่อยกลับนะ" คนฟังไม่ได้ตอบรับคำขอนั้น ไม่อยากขัดใจอะไรอีก เพียงแค่เขาเพลามือ ไม่ลงแรงกับเธอซ้ำสองก็ถือว่าได้รับความเห็นใจมากพอแล้ว หากโต้แย้งไม่คล้อยตามอีกก็มีแต่เธอนั่นแหละจะเจ็บตัวเจ็บใจเสียเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD