ม่านสวาท ตอนที่ 4

3064 Words
"กรี๊ด!! ไอ้บ้า! ไอ้คนทุเรศ! หน็อย ใช้งานยังกะทาส อย่าให้หนีไปได้นะ แม่จะเอาคืนให้น่วมเป็นกระสอบทรายยัดนุ่นเลยคอยดู อี๋ๆ ๆ!!" เสียงแหลมกรีดหวีดโวยวายไม่หยุดปากขณะที่มือก็ขยี้ขยำเสื้อผ้าในกะละมังใบใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย ระบายความเจ็บแค้นชิงชังที่ไม่อาจลงกับคนได้กับเสื้อผ้าเหล่านั้นให้มันรับเคราะห์แทน "ซักให้สะอาดใช่ไหม! ได้เลย! สะอาดแน่!" หญิงสาวก่นด่าอาฆาตพลางสอดสายตามองซ้ายมองขวาเพื่อดูลาดเลาตัวต้นเหตุที่บังคับขู่เข็ญให้เธอทำหน้าที่นี้ "กลับมารึยังเนี่ย...สงสัยจะยัง คนอะไรนึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มาเหมือนนกเหมือนกา จับทางไม่ค่อยถูก แล้วเราจะหาทางหนีได้ยังไง จะโกหกแบบรอบที่แล้วก็คงไม่ได้ผล" ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองทุกวันตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา คิดถึงลูก คิดถึงครอบครัว คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกพรากให้จากมาด้วยความเลือดเย็น "โธ่! พี่พอสนะพี่พอส มัวแต่มุดอีหนูจนลืมเมีย ป่านนี้จะรู้หรือยังว่าซองพลูถูกไอ้บ้าโปษัณมาลากมาขังไว้ที่นี่ เฮ้อ...จะรู้ได้ยังไงล่ะ ใครจะบอก" ถามเองตอบเอง คุยกับความสับสนของตัวเองอยู่เช่นนั้นจนเคยชิน รอบๆ บริเวณบ้าน รอบๆ สถานที่แห่งนี้เธอสำรวจทุกซอกทุกมุม เพื่อหาทางเล็ดลอดออกไปตั้งแต่รอบแรกที่เผลอเข้ามาติดกับ จนตอนนี้ถูกดักรอและลักพาตัวมากักขังไว้ก็ยังไม่เคยหาทางออกได้สักที รั้วกำแพงอิฐที่ล้อมรอบบ้านสูงเกือบยี่สิบเมตร! ที่เพิ่งสร้างขึ้นแทนไม้ระแนงเตี้ยๆ ที่เคยกั้นไว้รอบอาณาเขต โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงสามวัน ด้านบนยังต่อเติมด้วยเหล็กดัดเป็นหอกแหลม ซ้ำยังดัดแปลงให้มีรั้วลวดหนาวกั้นเฉียงทำองศากับตัวรั้วป้องกันอย่างมิดชิดอีกทอด คงมีแต่นกเท่านั้นแหละถึงจะโบยบินออกไปได้ สวนดอกไม้ บ้านหลังงามแม้จะมีอาณาเขตและตัวเรือนไม่ใหญ่โตมโหฬารนัก แต่ก็ประดับประดารวมความวิจิตรของธรรมชาติและเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน ใครจะรู้ซึ้งเท่าเธอ...ว่าวิมานน้อยนี้น่าขลาดกลัวราวกับคุกมืดในฤดูกาลที่หนาวเหน็บ "ไม่ซงไม่ซักมันแล้ว! เสียอารมณ์ เจ็บมือ!" เธอตะคอกใส่กะละมังและเสื้อผ้าแทนเจ้าของซึ่งไม่รู้ว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่โดยสัญชาตญาณมันบอกว่าเขาคงไม่ได้ออกไปข้างนอกเป็นแน่ เพราะหากเขาไม่อยู่ในบริเวณบ้าน โปษัณไม่เคยปล่อยให้เธอลอยชายอยู่ได้อย่างนี้หรอก เขาจะจับเธอล่ามโซ่! หรือไม่ก็มัดมือมัดเท้า! จับขังไว้ในห้องปิดตายและตีตรวนกุญแจประตูอีกชั้น ชนิดที่ว่าแม้แต่มดก็ยังแขม่วท้องผ่านออกไปได้ยาก หญิงสาวจัดการล้างมือและเสื้อผ้า เมื่อพบว่าตัวเองไม่อาจทนกับงานที่เขามอบหมายให้ได้ต่อไปอีกแล้ว ผ้าที่กองรวมในภาชนะสีเขียวอมฟ้าถูกกองแช่รวมๆ เลอะเปรอะเปื้อนกระจัดกระจายพ้นขอบกะละมัง แถมโดยรอบก็ยังเต็มไปด้วยฟองของผงซักฟอก หญิงสาวนึกแค้นใจเอาเท้าขาวสะอาดของเธอเขี่ยให้มันตกลงไปอยู่รวมกันเป็นระเบียบมากขึ้น ก่อนจะกระทืบเหยียบซ้ำเพื่อระบายความอัดอั้นที่สุมทรวง "นี่แน่ะ! นี่! นี่! คุณมันโรคจิต สารเลว! ไม่มีหัวใจ!" "ทำอะไรน่ะ!!!" เสียงห้าวห้วยผุดแทรกขึ้นมากะทันหัน ทำให้หฤทชนันท์ตกใจชั่วขณะก่อนจะปรับตัวให้เผชิญหน้าจ้องเขม็งกับเขา ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแห่งบุรุษเพศแกร่งกล้าเรียงตัวเป็นมัดๆ เขาไม่สวมเสื้อ มีเพียงกางเกงยีนส์ขายาวที่ช่วยปกปิดลำตัวส่วนล่าง กระนั้นก็ยังไม่อาจซ่อนเร้นร่างสมบูรณ์แบบไว้ได้แม้แต่น้อย แผงอกล่ำสันเต็มไปด้วยขนดกดำแผ่ปกคลุมประปรายแต่พองาม ลามเลียไล่เรื่อยลงมาถึงขอบกางเกง ไม่เว้นแม้แต่แขน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหนวดเครารกครึ้ม ผมหรือก็ยาวหนาถูกรวบเอาไว้ลวกๆ ผูกกับยางแบบง่ายๆ ผิดเค้าจากใครคนเดิมในความทรงจำลิบลับ การกลับมา...การได้พบเจอกันครั้งใหม่ การได้อยู่ด้วยกันแบบสนิทชิดเชื้อไม่ได้ทำให้เธอคุ้นเคยกับเขาแม้แต่น้อย เมื่อสัมผัสได้ว่า เขากลับมา...แต่ไม่ได้นำพาตัวตนที่แท้จริงกลับคืนมาด้วย ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย... "เหนื่อย!" "ซักให้เสร็จ!" คนตัวใหญ่กว่ากอดดอกเอนตัวพิงกำแพงออกคำสั่ง ดวงตาเขาดุดันจริงจัง ท่าทีเอาเรื่องไม่ยอมให้คนตรงหน้าทำตามอำเภอใจ "ก็เหนื่อยไง ค่อยมาทำต่อ" "เสร็จถึงจะพักได้" "ทำเองละกัน อยากทำอะไรแค่ไหนก็เชิญเลย" แหวใส่เสร็จก็สะบัดหน้าเดินหนีไปเสียดื้อๆ แต่มีหรือจะพ้นมือจอมบงการได้ แขนเล็กของเธอถูกฉุดดึงให้หันกลับมายังผู้ส่งมอบชะตากรรม "ได้ยินที่พูดไหมซองพลู...ฟังไม่เข้าใจรึไง" "ได้ยิน ไม่ได้หูหนวก เข้าใจ แต่ไม่ทำ!!" เธอสวนกลับ ทั้งที่รู้ไม่ส่งผลดีให้กับตัวเองแต่ด้วยทิฐิดื้อดึงเป็นนิจทำให้อดต่อการถูกข่มไม่ไหว "แล้วเมื่อกี้มันอะไร...ใช้เท้าเหยียบเสื้อผ้าผัวแบบนั้นมันใช้ได้เหรอซองพลู" แววตาของเขาบ่งบอกถึงความโกรธและเอือมระอาอย่างชัดเจน นั่นไม่ได้ทำให้แม่สมันน้อยสะทกสะท้านต่อราชสีห์ผู้ควบคุมเธอแม้แต่น้อย ดื้อรั้น อวดดี...หยิ่งทะนง เหมือนเดิมไม่มีผิด เมื่อเคยปราบพยศมาได้แล้วครั้งหนึ่ง ทำไมครั้งนี้...เขาจะทำมันอีกไม่ได้ "ทุเรศ! อย่ามาแอบอ้างอะไรกับฉันนะ คุณไม่มีสิทธิ์ คนที่เป็นผัวตัวจริงของฉันคือพี่พอสต่างหาก รู้ไว้ซะด้วย!!" "ซองพลู...คุณชอบทำให้ผมโกรธ..." เสียงคำรามเล็ดลอดไรฟันกรอดด้วยอารมณ์เดือดดาลกว่าเก่า คำพูดเธอเหมือนหอกทิ่มแทงแยงลึกถึงเนื้อใน กรีดลากช้าๆ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดกระซิบซ่านทีละน้อยอย่างเลือดเย็น "ฉันพูดความจริง...ต่อให้คุณขังฉันไว้ที่นี่ชั่วชีวิต คุณก็ทำให้ทุกอย่างคืนมาไม่ได้ โปษัณ...คุณเลือกจะทิ้งฉันไปเอง ขอให้มันจบแค่นั้นเถอะ อย่ามายืดเยื้อให้เรื่องราวมันยิ่งบานปลายอีกเลย ฉันมีความสุขของฉันอยู่แล้ว คุณจะกลับมาทำลายมันอีกทำไม!" โปษัณมองล้วงลึกเข้าไปดวงตาสั่นระริกแล้วมองเห็นความเจ็บปวดที่เธอพยายามซุกซ่อนมันไว้ เพียงไม่ถึงสองวินาที มันก็หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเขาคิดไปเอง แล้วแววตานั้นก็กลับกลายเป็นความแข็งกระด้างชิงชัง ดูแคลนเช่นเดิมอย่างที่เคยมองเขามาตลอดตั้งแต่พบเจอกันครั้งใหม่นี้ "ใครที่ทิ้งใคร...ใครที่ผิดคำสัญญา แค่ผมไม่อยู่สี่ห้าปี มันคันจนทนไม่ไหวเลยรึไง เล่นชู้สวมเขาจนมีลูกมีเต้ายังไม่พอ คุณยังมีหน้ามาโยนความผิดให้ผมเพื่อให้ตัวเองดูดีมีราคาอีกเหรอ ของมันเคยเน่าซองพลู...ทำยังไงมันก็ยังเหม็นคาวฉาวโฉ่อยู่ดี กำพืดยังไงมันก็คือกำพืดวันยังค่ำ! มัน..." เผียะ! เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อผิวหน้าดังแทนคำปรามาสที่กำลังจะหลุดต่อจากนั้น ใบหน้ากร้านเต็มไปด้วยหนวดเคราถึงกับหันไปตามแรงตบ รู้สึกเจ็บแปลบๆ ตรงริมฝีปากเป็นพิเศษจนต้องแลบลิ้นเลียให้แน่ใจ บาดแผลเล็กๆ ทำปฏิกิริยาตอบสนองทันที เขารู้สึกแสบซ่าน ไม่ถึงกับมาก แต่มันก็ไม่ควรเกิดขึ้น เผียะ!! หันกลับมาอีกทีก็พบว่าฝ่ามือเล็กๆ ก็รอรับซ้ำรอยเก่าอีกรอบ คราวนี้แรงกว่า เร็วกว่า เจ็บกว่าเพราะโดนที่เก่าเต็มๆ ลิ้นสากเล็มเลียริมฝีปากของตัวเองอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ชิมรสชาติฝาดเฝื่อนเค็มปะแล่มๆ รอบนี้...ถึงกับเลือดกบปากเลยทีเดียว "มากไปไหม..." เขาถามและค่อยๆ หันกลับมาจ้องหน้ามือตบ "ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณทำกับฉัน...มันน้อยไปหลายล้านเท่าเลยรู้ไว้ซะด้วย" เผียะ! อีกที...กลัวชายหนุ่มจะยังไม่ซึ้งถึงความมากน้อย อยากให้เขารู้นักถ้าเทียบกันแล้วความเจ็บปวดทางด้านร่างกายมันไม่ร้ายแรงร้าวระทมเท่ากับถูกทำร้ายจิตใจหรอก เทียบกันไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว... "พอแล้วมั้ง...กลัวเวลาผมเอาคืนบ้าง คุณจะรับไม่ไหวอย่างผมนะ" ใบหน้าเหี้ยมเกรียมที่มีหนวดยาวเฟื้อยช่วยเสริมให้ยิ่งดุดันแสยะยิ้ม "ไป ตาย ซะ!!" "ก็ ไป ด้วย กัน สิ..." "อี๋!! ไอ้!" มือเล็กตวัดเหวี่ยงหวังตบซ้ำให้หายแค้นใจอีกสักครั้งแต่คราวนี้กลับถูกเขารวบรับไว้ทันเสียก่อน พร้อมกระชากตัวเข้าหาจนร่างเล็กเซถลาปะทะกับแผงอก "รู้อยู่แล้วว่าทำแบบนี้จะโดนยังไงก็ยังทำได้ทุกวี่ทุกวัน...ชอบก็ไม่บอก คราวหลังไม่ต้องตีบทแตกก็จัดให้บ่อยๆ ถี่ๆ ได้ทุกวันอยู่แล้ว" "ว้าย! นี่ปล่อยนะไอ้คนบ้า!" หฤทชนันท์เตะถีบดิ้นรนให้ตัวเองรอดพ้นจากเงื้อมมือมารในทันควันเมื่อถูกจับอุ้มพาดบ่าโดยที่ยังไม่ทันคิดตั้งตัว ชายหนุ่มเดินลิ่วๆ เหมือนไม่รู้สึกรู้สาทั้งที่รับน้ำหนักของอีกคนเอาไว้และถูกทุบตีเตะต่อยไปตลอดทุกย่างก้าวด้วยซ้ำ อย่างที่เขาว่า เธอรู้...กำลังจะเกิดอะไรขึ้น เธอรู้...ถ้าหาเรื่องทะเลาะแล้วมันจะจบลงเช่นไร ช่างเป็นเรื่องเลวร้ายและน่าขยะแขยงเป็นที่สุด แรงดิ้นสงบลงกะทันหัน สองมือกำทุบแผ่นหลังเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยห้อยตกเหมือนคนสิ้นหวัง เธอไม่น่าใช้อารมณ์เลยจริงๆ นับวันทุกอย่างก็ยิ่งจะดำดิ่งสุดกู่หาทางออกไม่เจอ ปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปรับรู้ถึงคนที่กำลังแบกอุ้มเธออยู่ เขาเองก็หยุดชะงักในทันที และค่อยๆ ประคองให้หญิงสาวยืนลงกับพื้นปูนตรงทางที่เดินอ้อมมาจากด้านหลังบ้านเพื่อไปยังด้านใน "หมดฤทธิ์แล้วใช่ไหม" ชายหนุ่มเท้าสะเอว สีหน้าถมึงทึงถาม เขายังหายใจหอบแรง อาจเพราะความเหนื่อยและยังโมโหอยู่เนืองๆ "..." อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่ทิฐิไม่ได้ลดละ เธอจ้องเขาเขม็งราวจะฆ่าให้ตายเสียตรงนี้เลยถ้าทำได้ มือเล็กๆ ของเธอกำเข้าหากันแน่นจนแขนขาวๆ ดูเกร็งเครียดชัดเจน "อย่าคิดว่าผมไม่กล้านะซองพลู ถ้ายังทำตัวไร้สาระอีกละก็ ต่อไป...คุณจะเจอหนักกว่าเก่า จำเอาไว้" ไม่ใช่เฉพาะคำพูดเท่านั้นแต่สายตาและท่าทางก็บอกบ่งให้เห็นความจริงจังที่แฝงอยู่ไม่ปิดบัง หฤทชนันท์ไหววูบนิดๆ เธอเป็นคนไม่ยอมคน ไม่เคยยอมอ่อนให้กับใครเมื่อถูกกดขี่บังคับย่อมรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยรู้ซึ้งว่าชายหนุ่มคงไม่ได้แค่ขู่ ที่ผ่านมาตลอดหลายวัน เขาพิสูจน์ให้ประจักษ์แล้วว่า 'เอาจริง' "คุณมันเลว ฉันไม่รู้จะหาคำไหนมาเปรียบให้มันสมกับสิ่งที่คุณทำ แต่รู้เอาไว้ด้วยนะว่า...ฉันขอให้เราสองคนจบสิ้นกันแค่ชาตินี้ก็พอ..." คำพูดนั้น บาดลึกเสียยิ่งกว่าเอามีดดาบมาปักอก ดวงตาของบุรุษหนุ่มเจ็บปวดไหวระริกถนัดตา อาจเป็นประโยคสั้น แต่สำหรับเขาความหมายของมันกลืนกินทั้งชีวิตและจิตวิญญาณให้ตกอยู่ในหุบเหวมืดทมิฬไปตลอดกาลเลยทีเดียว รังเกียจ เกลียดชังกันถึงเพียงนั้นเชียวหรือ... "ผมเลวมากใช่ไหมที่ขอให้คุณรอ...ผมติดต่อคุณไม่ได้เลยตลอดห้าปี จดหมายตีกลับทุกฉบับ ผมเลวงั้นเหรอ พอกลับมา คุณก็แต่งงานมีลูกกับเพื่อนของผม ผมเลวมากใช่ไหมที่อยากรู้ว่ามันเพราะอะไร" กลายเป็นเขา ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่บึกบึนที่พ่นวาจาแสนอาดูรออกมา สีหน้าแววตาซึ่งเก็บความทุกข์ระทมมานานปีเปิดเผยให้เห็นเด่นชัด ไม่คิดใช้ศักดิ์ศรีปกปิดแม้แต่น้อย เปล่าประโยชน์ ไม่มีใครไยดีความรู้สึกของเขาหรอก กักเก็บไว้นานไปก็เท่านั้น "จดหมาย...จดหมายอะไรกัน คนอย่างคุณคิดจะบอกกล่าวอะไรฉันด้วยเหรอ จู่ๆ ก็หายตัวไปตอนที่ชีวิตฉันกำลังตกที่นั่งลำบาก คุณทิ้งแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แล้วยังจะมาโทษคนอื่น มาถามหาความเลวของตัวเองอีกเหรอ!" "ผมไม่เคยหายไปเฉยๆ ผมติดต่อคุณตลอดซองพลู ทั้งคุณ ทั้งนายพอส ผมพยายามหาช่องทางติดต่อตลอดแต่ไม่ได้ผลเลย ถ้าไม่ใช่เพราะคุณถือโอกาสตอนผมไม่อยู่แล้วหาทางจับมันอย่างที่พ่อแม่คุณต้องการแล้วมันเพราะอะไร ถ้าสิ่งที่ผมทำตอนนี้เรียกว่าเลว...แล้วกากีอย่างคุณล่ะ เรียกว่าอะไร!!" โปษัณโกรธจนหูอื้อมือชา เขาชี้หน้าปรามาสแล้วรีบหันหลังเดินลิ่วจากไป ขืนชักช้าแม้เพียงเสี้ยววินาที ผู้หญิงตรงหน้าเขาคงแหลกยับคามือ ชายหนุ่มบอกตัวเองให้ใจเย็นมาโดยตลอดเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ยังคั่งค้างไม่จางหาย ไม่เคยคิดทำร้ายให้เจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ แต่หฤทชนันท์ก็ช่างยั่วอีกด้านที่ดำมืดของเขาให้ตื่นขึ้นมาอยู่เสมอ สาวเจ้ายืนมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆ ห่างออกไปทุกขณะ เธอโกรธจนตัวสั่น เลือดลมฉีดพล่านเดือดดาลกับคำครหา เล็บมือกำจิกเนื้อแน่นเพราะไม่อาจหาทางปลดปล่อยความคับแค้นใจนี้ได้ แต่เขาจะมาทำด่าประณามหยามเหยียดแล้วสะบัดก้นทิ้งไปง่ายๆ ให้เธอเจ็บใจอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน!!! กระติกน้ำร้อน! ช่างอยู่ถูกที่ถูกทางเสียเหลือเกิน ด้วยโปษัณเป็นคนชอบดื่มกาแฟตอนเช้า เขาจึงมักมานั่งดื่มตรงโต๊ะไม้สักตรงนี้เป็นประจำ ชุดทำกาแฟจึงมีวางอยู่ตรงนี้เพื่ออำนวยความสะดวก และมันช่างเข้าทางเธอยิ่งนักในเวลาที่กำลังมองหาเครื่องทุ่นแรงมาช่วยกำราบมารร้ายผู้ข่มเหงจิตใจเธอ "ถึงไม่ตาย...คุณก็ต้องได้รับบทเรียนบ้าง โป!!" "เอ๊ย!! โอ๊ย! อะไรเนี่ย ร้อน!!" ชายหนุ่มโอดโอยร้องลั่นเมื่อถูกความร้อนสาดเข้ามาเต็มหลัง ยังกระเด็นลามไปถึงศีรษะและใบหน้าเมื่อเขาหันกลับมามองสาเหตุโดยสัญชาตญาณ มือใหญ่ลูบไล่ความร้อนดิ้นพล่านแม้น้ำจะมีอุณหภูมิไม่สูงมากนักเพราะปลั๊กเสียบทำความร้อนถูกถอดได้พักหนึ่งแล้ว แต่มันก็คือน้ำเดือดๆ ที่ยังคงคุณภาพไว้พอสมควร เสื้อยืดสีขาวถูกถอดเหวี่ยงทิ้งสุดแรงในทันที โปษัณสำรวจผิวเนื้อแสบไหม้ของตัวเองด้วยความปวดแสบปวดร้อน มันแดงปื้นทันตาเห็นตรงกล้ามเนื้อต้นแขนและหัวบ่าเลยมาด้านหน้านิดหน่อย ข้างหลังคงไม่ต้องพูดถึง ความรู้สึกมันบอกอาการได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว "ซองพลู...เล่นบ้าอะไรเนี่ย!" "อย่าเข้ามานะ คุณไม่มีสิทธิ์มารังแกฉันอีก ถ้ายังขืนทำบ้าๆ ฉันก็ไม่ยอมแล้วเหมือนกัน!" หญิงสาวชี้หน้าผู้คุกคามซึ่งบึ่งตรงเข้าหาด้วยความเกรี้ยวกราด กระติกน้ำร้อนยังอยู่ในมือพร้อมจะลอยไปยังอีกฝ่ายเพื่อป้องกันตัวตลอดเวลา "มันจะเกินไปไหม...ที่ผ่านมาคุณยังทำกับผมไม่พอใช่ไหมซองพลู" "สมน้ำสมเนื้อกันดีแล้วนี่ ถ้าคุณไม่พอใจ ไม่ชอบ รับไม่ได้ก็ปล่อยฉันสิ คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นอย่างนั้นเหรอ!" ตวาดแว้ดใส่พลางก็ถอยหลังพลางเพราะโปษัณย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่ออาวุธชิ้นเดียวที่เธอมีอยู่ในมือ "ย่ะ...อย่าเข้ามานะไอ้ผีบ้า โดนกระติกนี่คุณได้เลือดอาบแน่" หฤทชนันท์ขู่ฟ่อ รับรู้ถึงรัศมีความน่ากลัวซึ่งเริ่มแผ่ขยายโอบล้อมบริเวณ มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ ก้าวที่เขาคืบคลานเข้ามา เสียงต่อว่าด่าทอสารพัดได้รับตอบด้วยความเงียบอันน่าสะพรึง เธอรวมรวมความกล้าสุดท้ายจับกระติกน้ำในมือไว้มั่นแล้วทุบไปยังผู้คุกคามร่างใหญ่ ปัง! ใบหน้าขาวนวลซีดเผือดทันทีเมื่อสิ่งที่พอจะช่วยถ่วงเวลาถูกปัดทิ้งลงไปกองกับพื้นง่ายดาย แล้วยังจับดึงเอาสายปลั๊กจากตัวกระติกมาด้วยความรวดเร็วในจังหวะที่เขาได้สัมผัสมันเพียงเสี้ยววินาที สายไปสีดำในมือมารถูกพันม้วนรัดอุ้งมือของเขาเหมือนจะเตรียมการอะไรบางอย่างไว้ในใจแล้ว หฤทชนันท์กลืนน้ำลายเหนียวฝืดลงคอ รู้ตัวทันทีว่าคิดผิดอีกแล้วที่ต่อกรไม่ยอมอ่อนข้อ หมอกเมฆดำทะมึนกำลังย่างกรายเข้ามาครอบงำชีวิตเธอ และดูท่าฝนฟ้าคงตั้งเค้าพายุร้ายเพื่อพัดกระหน่ำให้แหลกลาญมอดม้วย ...น่าหวาดกลัวกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยเจอ รู้สึกได้ถึงลมหายใจรวยรินของตัวเองเพราะรู้ชะตากรรมเบื้องหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอไม่เคยเห็นโปษัณในลักษณะนี้มาก่อน ผู้ชายที่แสนสุภาพอ่อนโยน พูดจาหวานไพเราะเสนาะหู ช่างเอาอกเอาใจ และขี้เล่น หายไปแล้ว...เหลือไว้เพียงปีศาจร้ายหนวดเครายาวเฟื้อยตนหนึ่งที่คอยจ้องแต่จะทำลายเธอ ไม่ยอมให้มีโอกาสพบเจอกับความสุขสมหวังไปชั่วกัปชั่วกัลป์...  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD