เสียงประตูปิดบอกให้รู้ว่าในห้องนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แล้ว ร่างน้อยในซอกตู้เก็บเครื่องมือทำความสะอาดซึ่งอยู่มุมสุดของระเบียงค่อยๆ พาตัวเองออกมาด้านนอกอย่างทุลักทุเล เธอต้องนั่งคุดคู้เบียดทั้งถังขยะและเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดหลายชิ้นอยู่ในช่องตู้แคบๆ จนเหน็บกินช่วงขา แทบขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อสักครู่พอได้ยินว่าสองแม่ลูกจะเข้ามาในห้อง เธอก็รีบออกไปยืนหลบนอกระเบียงเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว ตอนหฤทชนันท์เปิดม่าน เธอก็หลบตรงเสาพอให้พ้นสายตา ไม่นึกว่าเจ้าของตัวจริงคนนั้นจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ยังออกมาดูนอกระเบียงด้วย ตอนนั้นตัวเธอสั่นเทาด้วยความกลัว หันมองซ้ายขวาอย่างสิ้นหวัง ด้านล่างก็สูงลิบด้วยชั้นที่ยืนอยู่นี้คือชั้นสิบของตึกบริษัทที่เธอทำงานอยู่ น้ำตาแห่งความอับยศและขลาดกลัวไหลจนแทบเป็นสายเลือดเมื่อคิดว่ากรรมคงตามมาทันเธอแล้ว แต่สายตาที่พร่าไปด้วยหยาดน้ำก็เผอิญมองข้ามเสาด้านข้างไปเห็นช่องเก็บของเล็กๆ นี่เสียก่อน เธอรีบเดินเลียบพื้นระเบียงไปหลบซ่อนตัวในนั้นทันที สองมือกอดเข่าตัวสั่นงก ทั้งกลัว เสียใจ อนาถใจและเวทนาสภาพของตัวเองที่แทบไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีความเป็นคนให้เห็น ถูกเปรียบเปรยเสมือนเป็นเดรัจฉานสัตว์เสียด้วยซ้ำ...ทำไมหนอ ชีวิตของเธอถึงอัปยศอดสูได้ถึงเพียงนี้
หญิงสาวพาร่างและใจที่บอบช้ำกลับไปยังที่ทำงานแผนกของตัวเองหลังจากสำรวจความเรียบร้อยเป็นอย่างดีแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เลิกงาน พนักงานทุกคนในแผนกบัญชีรู้ว่าเธอถูกประธานบริษัทเรียกพบเรื่องเรียบเรียงงบประมาณประจำปีผิดพลาด แต่...เบื้องลึก หลายคนก็จับตามองความสัมพันธ์ลับๆ ของเธอกับเหมราชด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้จะไม่เคยทำอะไรให้ใครจับได้ไล่ทัน แต่ด้วยเหมราชนั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้มักมาก การที่เธอเป็นพนักงานใหม่แต่กลับถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ มันก็เป็นที่น่าสงสัย และต่างก็ฟันธงกันไปแล้วว่าเธอก็เหมือนผู้หญิงง่ายๆ ทั่วไปเหมือนหลายๆ คนที่ผ่านมาของเขา
ซึ่ง...มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยจริงๆ
เสียงจากข้อความโทรศัพท์ทำให้หญิงสาวที่กำลังหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งต้องรีบหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วเปิดดู เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ข้อความนี้มาจากคนที่ทำให้เธอต้องอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต
‘หกโมงเย็นต้องถึงคอนโดฯ นะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ถึงแล้วโทร.กลับมาบอกด้วย...’ ข้อความสั้นๆ ที่ทำให้เธอต้องกลืนน้ำตาอีกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ทุกย่างก้าวต้องอยู่ในสายตาตลอด ต้องทำตามที่เขาสั่ง เดินในเส้นทางที่เขาขีดให้ ชีวิตไม่ได้ต่างอะไรกับอยู่ในการจองจำที่ไม่มีวันหลุดพ้น ตราบใดที่เขายังไม่เบื่อหน่ายปล่อยเธอให้ไปเสียเอง
“เจ้าขา...คุณเหมราชว่าไงบ้าง เห็นไปตั้งนานสองนานแน่ะ” เสียงของเพื่อนร่วมงานทำให้โทรศัพท์ในมือถูกเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม หญิงสาวฝืนยิ้มให้ผู้ที่เข้ามาทักทาย
“ก็...โดนตำหนินิดหน่อย แล้วบอกให้ทำใหม่ค่ะ”
“หือ...ไปเป็นชั่วโมงแค่นี้เองเหรอ แล้ว...เอ่อ...เจอคุณหฤทชนันท์ไหม” พนักงานรุ่นพี่มองอย่างจับผิดพร้อมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่...ไม่เจอค่ะ ความจริงเจ้าขาออกมาจากห้องท่านประธานตั้งนานแล้ว แต่รู้สึกปวดหัวเลยแวะไปหายาทานที่ห้องพยาบาลเท่านั้นเองค่ะ”
“อ๋อ...เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าตาแดงๆ หน้าซีดๆ งั้นพี่ขอตัวก่อนแล้วกันนะ เลิกงานพอดี นัดกับเพื่อนๆ จะไปหาอะไรทานกัน เจ้าขาไปด้วยกันไหม”
“ขอบคุณค่ะพี่มล เจ้าขารู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ อยากกลับไปพักค่ะ” หญิงสาวตอบเลี่ยง เธอรู้ว่าทุกคนในที่นี้อยากรู้อยากเห็นแค่ไหนที่เธอถูกเรียกเข้าพบด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งความจริง หัวหน้าแผนกก็จัดการเองได้ และโดยปกติ จันทิมันต์แทบไม่เคยทำงานบกพร่อง แต่มาช่วงหลังๆ นี้ เธอมักจะทำอะไรผิดพลาดและถูกเรียกไปตำหนิอยู่เสมอ หรือกระทั่งเรียกหาแบบไม่มีเหตุผล เธอรู้สึกอึดอัดกับชีวิตแบบนี้ไม่น้อย เพราะไม่ว่าเดินไปทางไหน หันไปทางไหนก็มักพบเจอกับสายตาดูแคลน เสียงซุบซิบนินทาให้ได้ยินอยู่เสมอ แต่จะให้ทำเช่นไร...ในเมื่อเธอไม่อาจลิขิตชีวิตตัวเองได้อีกแล้ว
“เออ นั่นสิ...ยังไงก็ขอให้หายเร็วๆ นะ เพิ่งเข้ามาทำงาน หยุดบ่อยๆ มันไม่ดี”
บอกเหมือนหวังดีแต่ที่จริงหมั่นไส้เสียเต็มประดา อิงอรหรือพี่มลตามที่จันทิมันต์เรียกขานหันหลังกลับแล้วแบะปาก จิกหางตาใส่คนที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อสักครู่ หญิงสาวหลายคนในแผนกต่างก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าจันทิมันต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ความสามารถเกินตัวเป็นที่ถูกใจของหัวหน้าแผนก เธอมักได้รับคำชมบ่อยๆ ถึงความขยันและรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆ
และอีกประการหนึ่งที่สำคัญมากคือ จันทิมันต์เคยทำให้พนักงานในแผนกสองคนซึ่งเป็นคู่รักแตกหักกันตั้งแต่เดือนแรกที่เข้ามาทำงาน ถึงขั้นทั้งคู่ทะเลาะกันและฝ่ายหญิงประสบเหตุตกตึกของโรงแรมแห่งหนึ่งจนเสียชีวิต และเธอ...อยู่ในเหตุการณ์กับผู้ตายด้วย จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง มีคดีความกันจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด
แม้หลังจากนั้นทุกอย่างจะเคลียร์ว่าเธอกับแฟนหนุ่มของผู้ตายไม่ได้คิดอะไรเกินเลยอย่างที่เข้าใจผิดกัน แต่เพื่อนสนิทหลายคนของผู้ตายก็ยังชังว่าเธอคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ซ้ำร้าย...ภายหลังเกิดเรื่องเพียงไม่นานก็มีเรื่องประธานหนุ่มเนื้อหอมเข้ามาพัวพันอีก ในสายตาใครๆ เธอก็เปรียบเหมือนผู้หญิงงามเมืองคนหนึ่งที่มีแต่เรื่องคาวๆ น่าบัดสีจนแทบไม่มีใครอยากคบหาด้วย...
ร่างบางที่บอบช้ำทิ้งตัวลงบนที่นอน น้ำตาไหลรินอาบแก้มเจิ่งนองเปียกไปถึงหมอน เสียงกระซิกเบาๆ ที่ได้ยินเพียงตัวเองบอกให้รู้ว่าขณะนี้หัวใจมันบอบช้ำแค่ไหน เธอเพิ่งกลับมาถึงคอนโดฯ ที่เหมราชแอบซื้อไว้ให้ตั้งแต่ตกลงเป็นนางบำเรอของเขาด้วยข้อแลกเปลี่ยนช่วยให้เธอพ้นจากข้อกล่าวหาเลวร้ายไปได้
และเธอต้องยอม...เพื่อรักษาความรู้สึกของบุพการีผู้ที่เลี้ยงดู หญิงสาวอยากหนีไปให้สุดขั้วโลกจากสิ่งที่ต้องทนรับอย่างไม่มีทางต่อกร ติดก็แต่เธอมียายกับตาที่ยังห่วงอยู่ หากวันหนึ่งเธอหนีไปแล้วความลับนั้นถูกท่านทั้งสองล่วงรู้ ท่านคงจะเสียใจและผิดหวังในตัวเธออย่างที่สุดแน่นอน
นึกย้อนกลับไปเมื่อห้าเดือนก่อน เธอเป็นแค่ ‘นางสาวจันทิมันต์ เกียรติไพโรจน์’ หญิงสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งที่กำพร้าทั้งมารดาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนบิดานั้นก็จากไปมีครอบครัวใหม่ไม่เคยหันมาไยดี
สองตายายจึงทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ดูแลให้ความรัก ความเอาใจใส่มาตลอด ท่านทั้งสองมีสวนส้มโอเล็กๆ ไม่กี่สิบไร่ รายได้จากการขายผลส้มโอจึงเป็นรายได้หลักของครอบครัว แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ลำบาก เธอเป็นหลานคนเดียวที่ยายกับตาคอยประคบประหงม รักดั่งแก้วตาดวงใจและหวังฝากผีฝากไข้ยามแก่ชรา ซึ่งที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยทำให้ทั้งสองผิดหวัง เธอเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรีในสาขาการบัญชีด้วยเกรดเฉลี่ยสูงพอสมควร เธอไม่ใช่คนหัวดีแต่อาศัยความขยันเข้าช่วยจึงเป็นที่รักของทั้งอาจารย์และเพื่อน
จันทิมันต์เชื่อฟังคำสั่งสอนของบุพการีเสมอ ไม่เคยเหลวไหล ระหว่างที่ยังเรียนหนังสือ เธอช่วยงานทางบ้านมาตลอด เช้าไปเรียน เย็นก็จะรีบกลับมาเพื่อช่วยดูกิจการ เธอตั้งความหวังไว้ว่าอยากทำงานในบริษัทดีๆ มีเงินเดือนเยอะๆ นำมาเลี้ยงตากับยายเพราะท่านก็แก่เฒ่าขึ้นทุกวัน จะทำงานตรากตรำเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่มสาวก็ไม่ไหวแล้ว
ความฝันของเธอเป็นจริง นักศึกษาจบใหม่อย่างเธอได้งานที่บริษัทยูโรเปียน ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศที่เธอและเพื่อนๆ ไปยื่นใบสมัครกันไว้ และเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็หารู้ได้ล่วงหน้าไม่ เมื่อเธอคือหนึ่งเดียวที่ได้รับเข้าทำงาน ณ บริษัทแห่งนั้น ด้วยความที่เป็นน้องใหม่อายุน้อยที่สุดในแผนก อีกทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณก็เป็นจุดเด่นกว่าใครๆ ทำให้หนุ่มๆ ในบริษัทต่างพากันแจกขนมจีบไม่ว่างเว้น แต่จันทิมันต์ก็หาได้สนใจใครไม่ แถมไม่เคยมีท่าทีให้ความหวังใดๆ ทั้งสิ้นกับหนุ่มๆ เหล่านั้น เธอตั้งใจทำแต่งาน พอเลิกงานก็กลับบ้าน ปฏิบัติตัวดังเช่นเมื่อสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เพราะไม่อยากให้ตาและยายเป็นห่วงนั่นเอง
แต่พอเกิดเรื่อง...กลายเป็นว่าต้องโกหกท่านทั้งสองว่าทางบริษัทให้สวัสดิการที่พักฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานที่ต้องเดินทางไกล เธอจึงย้ายมาอยู่คอนโดฯ นี้ตามบัญชาของผู้กุมชะตาชีวิต และกลับบ้านในเฉพาะในวันหยุด เก็บงำความระทมขมขื่นใจเอาไว้สุดก้นบึ้งเสมอ เพื่อปกปิดทุกอย่างไม่ให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นทุกข์กับการกระทำของตัวเอง
หลายสิ่งหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาหนักหนาที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ หนทางข้างหน้าดูมืดมนสำหรับเธอ แต่จะให้เดินย้อนกลับไปก็เหมือนพาตัวเองไต่ลงเหวที่ลึกล้ำดำทมิฬยิ่งกว่า หากไม่มีตากับยายเป็นหลักให้ยึดเหนี่ยว จันทิมันต์เชื่อแน่ว่าเธอคงหาทางหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้โดยการอำลาโลกไปเลยเสียดีกว่า การตายทั้งเป็น...ตายทั้งที่ยังมีความรู้สึก มีลมหายใจ มันปวดร้าวทรมานจนความเจ็บปวดที่เคยประสบผ่านมาเป็นเพียงเศษเสี้ยวของหนึ่งในร้อยเท่านั้น...
มือเล็กยกปาดเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มลวกๆ ก่อนจะควานคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ามาโทร.หาผู้เป็นเจ้าชีวิต หากเขาไม่รับเป็นอันรู้กันว่าไม่ว่าง และอีกไม่นานจะโทร.กลับมาเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยากรู้อยากเห็นให้ช้ำใจว่าสาเหตุใดที่ไม่รับสาย และเธอไม่เคยตอแย ไม่เคยแสดงออกว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา
เพราะรู้ซึ้งแก่ใจในฐานะของตัวเอง...เมียน้อย...
เสียงรอสายหยุดลงพร้อมๆ กับนิ้วสัมผัสยกเลิกการโทร.ออก จันทิมันต์ทิ้งมือข้างนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรงจนโทรศัพท์เครื่องหรูหลุดร่วงไปบนที่นอนอย่างไม่คิดไยดี ของของเขาทุกอย่าง เธอถูกยัดเยียดให้รับเอามาด้วยความไม่สมยอมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่อาจขัดขืน...ไม่อาจโต้แย้ง ทำไม่ได้แม้กระทั่งแสดงความไม่พอใจ เธอ...ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเองอีกแล้ว ดวงตาแดงก่ำลืมกะพริบถี่ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกสุดท้าย ฮึดลุกพาร่างอ่อนแรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระบาปคราบไคลที่น่าสมเพชออกจากกาย ถึงจะรู้ว่าให้ล้างด้วยน้ำสักกี่ร้อยกี่พันลิตรมันก็ไม่อาจเจือจางมลทินที่ติดสนิทใจนี้ไปได้ แต่ด้วยความรังเกียจ เกลียด และโกรธตัวเอง เธอก็ไม่อาจทนให้ร่องรอยเหล่านั้นฝังคราบอยู่บนเรือนร่างโดยไม่ได้ทำความสะอาด
ตัณหา ราคะ...ที่น่าขยะแขยงบนเส้นทางสายบาปหนา เมื่อไหร่หนอมันจะสิ้นสุดเสียที
"อืม...อาบน้ำรอผัวเหรอจ๊ะ...หอมเชียว น่ารักจริงๆ"
"อุ๊ย! คุณพอสปล่อยนะคะ มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" ร่างเล็กในชุดคลุมสีขาวที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำสะดุ้งโหยง จิตใจที่เลื่อนลอยกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อถูกโอบกอดและจูบหอมจากคนร่างใหญ่จากทางด้านหลัง
"มายืนรอตั้งนานแล้ว อาบน้ำนานจัง ขัดถูอะไรนักหนาเหรอ หืม...แต่หอมดีนะ สะอาดดี ฉันชอบ"
"ปล่อยก่อนค่ะ เจ้าขาจะแต่งตัว วันนี้เหนื่อยมาก" เธอสะบัดตัว พยายามแกะมือหนาใหญ่แข็งแรงที่รวบร่างแน่นออก แต่เปล่าประโยชน์ กลับถูกเขายกอุ้มพาไปยังเตียงนอนอย่างง่ายดาย
"คุณพอส!"
"เรียกอะไรนักหนาเนี่ย...กว่าจะมาได้เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย" ชายหนุ่มบ่นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดรำคาญอย่างไม่ปิดบัง
"ถ้าเหนื่อยก็พักที่บ้านสิคะ ไม่ต้องมาก็ได้ เจ้าขาไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ"
จันทิมันต์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ ไม่แสดงความไม่พอใจหรือโกรธเคืองให้เห็นเหมือนเคย เรียกรอยยิ้มเล็กๆ อย่างพึงพอใจจากคนอุ้ม ที่เขามา...ก็เพราะอยู่กับเธอแล้วสบายใจอย่างนี้แหละ จันทิมันต์เป็นหญิงสาวคนเดียวที่ไม่เคยเรียกร้อง ร้องขอ หรือสร้างความลำบากใจใดๆ ให้เขา เธออยู่ในที่ที่เขาให้อยู่ ยอมรับในสิ่งที่เขาให้ รับฟังทุกปัญหา และไม่เคยปริปากบ่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม บางครั้งเหมือนจะเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่การมีผู้หญิงแนบกายไม่เคยขาดเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ดังนั้น ความละอายจึงถูกฝังลึกจนแทบไม่สำนึกอะไรได้อยู่แล้ว
"แน่ใจนะว่าอยู่ได้ ขนาดมานอนเป็นเพื่อนเกือบทุกคืน ก็ยังฝันร้ายไม่หยุดไม่หย่อน คนเขาหวังดียังไม่สำนึกอีกนะ" ชายหนุ่มแสยะยิ้มหยอกเอิน อารมณ์ขุ่นใจเมื่อครู่วูบหายเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น นั่นเป็นปกติของคนผีเข้าผีออกอย่างเขาอยู่แล้ว
"เอ่อ...หายมาบ่อยๆ แบบนี้ เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วงนะคะ" เธอหลบสายตาคมปลาบยามเจรจาด้วย ไม่อยากให้เขาเห็นความปวดร้าวในแววตาอันหม่นหมองยามเอ่ยถึงเรื่องนั้น และพยายามหลีกเลี่ยงจะกล่าวถึงผู้หญิงอีกคนที่เป็นหนึ่งเหนือใคร
ร่างบางถูกวางอย่างถนอมบนเตียงกว้างขาวสะอาด ก่อนใบหน้าคมกร้านจะโน้มลงมาฝากฝังริมฝีปากไว้บนพวงแก้มหอมกรุ่นชวนหลงใหล
"ไม่ใช่ธุระของเธอ เจ้าขา...ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร"
"ขอโทษค่ะ เจ้าขาไม่ได้ตั้งใจ..." การทำให้เขาโกรธคือสิ่งที่เธอต้องหลีกเลี่ยงและขลาดกลัว แม้เขาจะไม่เคยเอาเรื่องข้อตกลงมาข่มขู่ตั้งแต่เธอยอมตามใจเขา แต่ส่วนลึกก้นบึ้งของหัวใจมันยังขยาดหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เคยจางหาย ทุกอย่างยังหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา ไม่เคยลืมเลือนทุกครั้งที่หายใจเข้าออก
"กินอะไรหรือยัง หิวไหม...ออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกดีกว่า"
เปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว...
"มีของสดในตู้เย็น คุณอยากทานอะไรคะ เดี๋ยวเจ้าขาจะทำให้" การออกไปสู่สังคมข้างนอกถือเป็นความเสี่ยงที่หญิงสาวไม่อยากเผชิญ อาจมีสาวๆ ในสังกัดของเขาพยายามเปิดตัวอย่างภาคภูมิใจในความสัมพันธ์ลับๆ กับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างเช่นเขา แต่ไม่ใช่เธอแน่นอน เพราะแค่นี้ก็น่าสมเพชเกินพอแล้ว
"ถ้าอยากกินอย่างอื่น แบบ...สดๆ แล้วไม่ต้องเปลืองแรงทำอะไรจะยอมให้กินไหม หืม..." ถามพร้อมหอมแก้มขาวฟอดใหญ่อีกครั้ง...
ไม่น่าเชื่อ ว่าพวกผู้ชายยามมีเล็กมีน้อย มีผู้หญิงอื่นนอกจากภรรยาจะทำอะไรโดยไม่คิดละอายใจกันเลย อนาถนัก กลับเป็นเธอที่รู้สึกเช่นนั้นแต่ไม่อาจหลุดพ้นไปจากวงจรบัดสีนี้ได้
"เจ้าขาอึดอัด...เหนื่อยมากด้วย ขอแต่งตัวก่อนนะคะ เรื่องมื้อค่ำเราค่อยคุยกันอีกทีดีกว่า เอ่อ...คืนนี้คุณจะค้างที่นี่หรือเปล่า?..."
"ไม่น่าถาม" คำตอบทุ้มลึกและก้องกังวานทั้งที่ชายหนุ่มกระซิบเพียงแผ่วเบา ส่วนลึกเหมือนจะพึงใจและในขณะเดียวกันก็อึดอัดตะขิดตะขวง เพราะเขาเป็นคนมีเจ้าของ หาได้ตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่ หากยินดีปรีดา ไม่รู้สึกรู้สากับฐานะที่ถูกยัดเยียด เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง
"คุณน่าจะ เอ่อ...กลับไปนอนที่บ้านบ้างนะ เจ้าขาไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้คุณ"
"นั่นไม่ใช่เรื่องของเธอ...ทำไมไม่รู้จักจำ..." ใบหน้าคมคายชะงักยั้ง ไม่ซุกไซ้ต่อ ดวงตาฉายแววดุดันนิ่งขึงเมื่อถูกขัดใจ จนอีกฝ่ายต้องกลืนน้ำลายลงคอแห้งผาก
"เจ้าขาแค่...เป็นห่วงคุณค่ะ"
"ฮึ...ห่วงตัวเองเถอะ" เขาผละห่างลุกนั่งและหันหลังให้ร่างระหงทันที หญิงสาวตั้งสติ รีบพยุงตัวลุกตามและเข้าไปช่วยถอดเน็กไทสีเข้มเมื่อเห็นว่าเขากำลังงุ่นง่านดึงทึ้งมันออกจากปกเสื้อ ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธการทำหน้าที่ของเธอ ยอมรับว่าตัวเองหงุดหงิดไร้สาระเกินไป อาจเป็นเพราะปัญหาหลายอย่างที่รุมเร้ารอการแก้ไข รวมไปถึงเรื่องบางเรื่องที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เป็นความลับ เป็นอันตราย และเต็มไปด้วยความมืดมิดดำทมิฬ...
"ถ้าอย่างนั้นก็อาบน้ำก่อนนะคะ มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวเจ้าขาจะทำกับข้าวรอ...คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม"
"ไม่ละ...ขออะไรเบาๆ ก็พอ เตรียมเครื่องดื่มให้ด้วยนะ ตั้งโต๊ะที่ระเบียงก็ได้ คืนนี้ท่าจะลมเย็นดี"
"ค่ะ..." จันทิมันต์รับปากเสียงแผ่วขณะที่ยังช่วยเขาจัดการกับเสื้อผ้า เธอถอดเสื้อสูทตัวนอกออกหลังจากปลดเน็กไทเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มดึงชายเสื้อออกจากกางเกง เธอจึงปล่อยให้เขาจัดการปลดกระดุมเอง ร่างเล็กร่นลงมานั่งบนพื้นห้องและค่อยๆ บรรจงถอดถุงเท้าให้ ทุกการกระทำถูกมองอย่างพึงพอใจจากเจ้าของร่างใหญ่ จวบจนกระทั่งหญิงสาวลุกเดินไปหยิบผ้าขนหนูในตู้มาวางให้และผละห่างหายลับเข้าไปในห้องน้ำ เหมราชถึงได้สติว่าเขามองเพลินจนลืมตัวชั่วขณะหนึ่งไปแล้ว
"เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย..." ความสับสนทำเอาหนุ่มใหญ่ขมวดคิ้วด้วยสงสัยในความรู้สึกตัวเองขึ้นมาครามครัน มันเป็นความชอบ ความหลง...สงสาร หรือมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่าที่เขามีให้กับจันทิมันต์ ผ่านผู้หญิงมานักต่อนัก แม้แต่ทุกวันนี้บรรดาสาวๆ ในฮาเร็มก็ยังเวียนว่ายอยู่ในวงโคจรของชีวิตไม่ได้ขาด เพียงแต่ห่างเหิน ลาจากกันไปบ้างตามสภาพ เนื่องจากเขากำลังเห่อของใหม่ นั่นแหละที่มันน่าแปลก เขาแทบไม่เหลือเวลาให้กับคนอื่นๆ เลยตั้งแต่มีเธอเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องที่ปลาไหลไม้เลื้อยไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นเพราะ...ยังไม่อยากหยุดชีวิตเจ้าสำราญไว้เพียงเท่านี้ เขาเพิ่งจะสามสิบต้นๆ แม้จะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่หากปล่อยความสุขให้ลอยผ่านหน้าไปโดยไม่ไขว่คว้าก็เท่ากับโง่เต็มที
"เจ้าขาเตรียมน้ำอุ่นกับของใช้ให้แล้วนะคะ รีบอาบเถอะค่ะ" เสียงหวานทว่าหม่นหมองไม่สดใสสมวัยแรกผลิสะพรั่งทำให้เหมราชคืนสติหันมองและส่งยิ้มให้ เขารีบลุกจัดการกับเสื้อผ้าที่เหลือจนเปล่าเปลือยและเดินอาดเข้าไปหาสาวน้อย จันทิมันต์ผินหน้าหนี ทำท่าจะเลี่ยงไปทางอื่นเพราะลางสังหรณ์มันส่งสัญญาณบางอย่างให้รู้ว่าควรไปจากตรงนี้เสีย แต่ก็ยังช้าไป
"อุ๊ย! ปล่อยค่ะเจ้าขาจะไปทำกับข้าว..." ร่างงามระหงในชุดคลุมสีขาวที่เพิ่งชำระร่างกายเสร็จหมาดๆ ถูกล้อมรวบเอามาไว้ในอ้อมอกใหญ่แข็งแกร่งอย่างไม่อาจขัดขืนเอาตัวรอด
"ถ้าไม่อยากออกไปข้างนอกก็โทร.สั่งโรงแรมเอาก็ได้ ไม่เห็นต้องวุ่นวาย มาอาบน้ำให้ฉันดีกว่า"
"แต่..."
"เรื่องชอบขัดใจเนี่ย...มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของเราเลยนะ"
ผู้อยู่ใต้อำนาจจำต้องเงียบ เก็บความรู้สึกอยากเป็นอิสระอยากทำอะไรได้ดั่งใจคิดบ้างเอาไว้เช่นเดิม ก้มหน้ารับชะตากรรมด้วยความขมขื่น และทำใจ...ยอมรับว่ามันคือความจริง เธอไม่อาจหนีพ้นกรงสวาทนี้ไปได้หากเขาไม่ยินยอมปล่อยมือ