บทที่ 7
เป็นข่าวกับพี่ว้ากของคณะวิศวกรรมศาสตร์..
เวลาแปดโมงเช้าของวันใหม่..
ฉันเดินออกมาจากคอนโดแล้วตรงไปยังรถของฉันที่พี่เอ็มจอดไว้ข้างตึก ช่วงเวลาที่ฉันกำลังค้นหากุญแจรถอยู่นั้นเมื่อเหลือบมองไปเห็นคนด้านหน้าฉันก็ตกใจขึ้นมา
ส่วนผมยืนกอดอกพิงกระโปรงหน้ารถของไวโอลินอยู่ เมื่อเห็นเจ้าของรถเดินไม่ยอมมองทางผมจึงรีบเดินไปดักหน้าของเธอ และพูดว่า
“หากุญแจเหรอไวน์”
“พี่เอ็ม หนูตกใจนะ” เป็นเพราะฉันตกใจและเดินก้มหน้าก้มตาหากุญแจในกระเป๋าจึงทำให้เดินชนเข้ากับคนตัวโตที่ยืนดักหน้าฉันอย่างจัง
“ถาม ทำไมไม่ตอบ” ผมรีบคว้าน้องเข้ามากอดเมื่อเธอเซถอยหลังเหมือนจะล้มลงไปกองบนพื้น
“ค่ะ” ฉันฝืนตัวเล็กน้อยไม่ยอมอยู่ในวงแขนกำยำ เมื่อเหลือบตามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งมองมาทางฉันและพี่เอ็ม
“พี่หาให้” คนหลายคนที่มองมาทางผมและน้อง ทำให้ผมปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้วคว้ากระเป๋าสะพายของน้องมาถือไว้ และเดินนำหน้าเธอไปยังรถของเธอ
“..” ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่จำใจที่จะเดินตามพี่เอ็มไปเพราะพี่เขายึดทุกอย่างของฉันเอาไปถือไว้ แล้วยังเปิดประตูรถรอให้ฉันเข้าไปนั่งอีก
“พี่ขับเอง” ผมชูกุญแจให้น้องดู
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าให้พี่เอ็มแล้วเข้าไปนั่งในรถอย่างขัดไม่ได้
“แวะกินข้าวต้มข้างทางหน้ามอก่อนนะ” ส่วนผมเมื่อเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ ผมก็สตาร์ทรถและคุยกับน้องทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเธอ
“ตามใจพี่ค่ะ” ก็พี่เอ็มเล่นต้อนฉันจนมุมขนาดนี้ ฉันจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงกันจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเท่านั้น พี่เขาจะพาไปไหนก็คงไปตามนั้นนั่นแหละ..
เมื่อกินข้าวเช้าแล้วพี่เอ็มก็ขับรถพาฉันเข้าไปในมหาลัย ซึ่งพี่เอ็มขับรถไปจอดที่ลานพักรถตรงหน้าตึกคณะของฉัน และก่อนที่เขาจะลงจากรถเขาก็บอกฉันว่า
“ตอนเย็นพี่จะมารับนะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าแล้วแบบมือขอกุญแจรถ ซึ่งพี่เอ็มทำหน้านิ่งไม่ยอมคืนกุญแจให้ฉันแต่พี่เขากลับลงจากรถแล้วเดินอ้อมมาฝั่งที่ฉันนั่ง เขาเปิดประตูให้ฉัน
“เสร็จแล้วโทรมาแล้วกัน” ผมบอกน้องพร้อมเก็บกุญแจรถไว้ในกระเป๋ากางเกง พลางเงยหน้ามองไปรอบมหาลัยเพราะรู้สึกถึงสายตาของเพื่อนๆ และรุ่นน้องที่มองมาทางผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากนัก
“ค่ะ” ฉันลงจากรถมายืนข้างพี่เอ็มและพยักหน้ารับ เพราะขัดไปก็ไม่มีประโยชน์ พี่เอ็มเอาแต่ใจจะตาย
“ไปรวมกลุ่มได้แล้วไป” ผมบอกเธอ
“ค่ะ” ฉันขานรับแล้วรีบเดินก้มหน้ามองทางอย่างเดียว ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองไปทางไหนเพราะมีสายตาแปลกประหลาดหลายคู่ที่มองมายังฉัน…
พักเที่ยงที่โรงอาหาร..
“ไวน์ แกเห็นนี่ยัง” นาเดียร์ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์อยู่ เธออุทานขึ้นมาอย่างตกใจ แล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ฉันดู
ฉันจึงมองหน้าเพื่อนที่ทำสีหน้าตื่นตระหนกตกใจแล้วหันมาหยิบโทรศัพท์ไปดู เอวาเองก็เดินอ้อมมานั่งข้างฉันเพื่อดูด้วยเหมือนกัน..
เพจใต้เตียงมอ M..
หนุ่มวิศวะปีสามตามรับตามส่งเด็กปีหนึ่งสถาปัตย์..
‘เอาล่ะคะทุกคน ข่าวสดๆ ร้อนๆ จู่ ๆ ก็มีสายข่าวรายงานมาว่า ช่วงนี้มีคนเห็นหนุ่มหล่อสุดฮอต ดีกรีเดือนวิศวะปีสามมีนามว่า เอ็ม ผู้ชายจอมเย็นชาที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน ตอนนี้มีคนเห็นกันหนาตามากว่าหนุ่มเอ็มเนี่ยกำลังตามจีบรุ่นน้องปีหนึ่งคณะถาปัตย์อยู่ อร๊าย!!! หนุ่มวิศวะกรรมการบินจะไปตัดโมเดลเหรอจ๊ะ แต่บ้างก็บอกว่าน้องสถาปัตย์เนี่ยมาอ่อย บ้างก็บอกว่าพี่เอ็มเนี่ยติดน้องแจตามไปรับไปส่งหวงอย่างกับไข่ในหิน ได้ยินว่ามีรุ่นน้องปีสองของหนุ่มเอ็มไปขอเบอร์น้อง ก็โดนหนุ่มเอ็มไล่ตะเพิดวิ่งหนีแทบไม่ทัน..’
“นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว” ฉันอ่านหัวข้อประเด็นของข่าววันนี้ที่ตั้งขึ้นในกลุ่มเพจใต้เตียงมอ M..แล้วเงยหน้ามองเพื่อนๆ
“อ่านนี่สิ” นาเดียร์บอกให้ฉันอ่าน
‘แต่ที่ได้ยินมามันก็คือข่าวลือทั้งนั้น ยังไงถ้ามีอะไรเพิ่มเติมแอดจะมาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันนะ วันนี้ก็ต้องสืบและตามหาความจริงกันต่อนะจ๊ะ’
ปล. เอารูปน้องสถาปัตย์คนนั้นมาฝากจ้า น้องมีนามว่าน้องไวโอลิน ชื่อเล่น ไวน์นะจ๊ะ แต่ดูแล้วสวยน่ารักสดใสถ้าพี่เอ็มจะจีบก็คงไม่แปลกหรอกเนอะ’
แอดท่านหนึ่ง : ส่งรูปฉัน
DeeDo : ดูหน้าใสๆ อ่อยพี่เอ็มจริงเหรอ
Fangsi : ไม่จริงหรอก พี่เอ็มน่ะเหรอจะสนใจสาว พี่เขาเย็นชาแข็งกระด้างจะตาย
Rufyyy : ไม่จริงหรอก ถ้าจะจริงก็เด็กมันอ่อยอะนะ ดูหน้าตาหงิม ๆ แต่สนิมกินในไง
Edwannn : น่ารักดีครับ ถ้าผมเป็นพี่เอ็มก็ตามจีบแน่ครับ
Wannnn : เห็นหน้าใสๆ แต่คงแรดหน้าดู
Uini : วันนั้นเห็นมาที่คณะของพี่เอ็ม คิดว่ามาอ่อยพี่เอ็มแน่
PASTA : รู้แค่เปลือกแต่เสือกวิจารณ์
IngFah : เอามาพูดอย่างนี้ น้องเสียหายนะคะ
Sida : ท่าทางจะร้ายไม่เบา
Tineee : แอ๊บใสมาจีบพี่เอ็มแน่ ๆ
RACHA : สัส
“บ้ากันใหญ่แล้ว” คำพูดของเอวาทำให้ฉันหันไปมอง แล้ววกสายตากลับมามองโทรศัพท์ ซึ่งฉันนั่งมือไม้สั่นจนมือถือในมือจะหลุดลงพื้น
“ปิดเครื่องไปเลยไวน์” และขณะที่ฉันกำลังอ่านคอมเมนต์อยู่นั้น นาเดียร์ก็จับโทรศัพท์จากมือฉันไปแล้ววางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง
“อย่าไปอ่านเลยไวน์ เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ” เอวาพูดปลอบใจฉัน
“ใช่ อย่าไปสนใจเลย พวกหมามันเห่าน่ะ” นาเดียร์คงจะหงุดหงิดหัวใจแทนฉัน
“ฉันไม่สนหรอก เพราะฉันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาพูดซะหน่อย” ถึงจะไม่สบายใจแต่ฉันก็ยิ้มให้เพื่อนๆ เพื่อแสดงให้เพื่อนเห็นว่าฉันไม่ได้เป็นอะไร
“ต้องอย่างนี้สิเพื่อนฉัน” นาเดียร์พูดแล้วยิ้มให้ฉัน
“จะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยกันไหม” เพราะอยากอยู่คนเดียว ฉันจึงหาทางแกล้งเข้าห้องน้ำ
“ไม่ๆ ไปเลย” เอวาบอก
“เออ แกไปเลย” นาเดียร์ก็ส่ายหน้าให้ฉัน
“โอเค งั้นไปนะ” ฉันบอกเพื่อนแล้วเดินออกมาโดยที่ไม่ได้ถืออะไรมาเลย ฉันเดินมาทางห้องน้ำโรงอาหารก็เห็นว่าคนเต็ม จำได้ว่าข้างๆ โรงอาหารก็มีห้องน้ำอยู่ฉันจึงรีบเดินไปเพราะให้รออยู่ที่นี่คงไม่ได้เข้าหรอก…
สิบนาทีที่นั่งพักสมองอยู่ในห้องน้ำ..
“มันอยู่ในนี้แน่ เมื่อกี้ฉันเห็นมันเข้ามา” ขณะที่ฉันกำลังทำธุระอยู่ในห้องน้ำนั้นข้างนอกก็มีเสียงคุยกัน พร้อมเสียงบอกให้เพื่อนเปิดประตูห้องน้ำ
“..” ฉันไม่พูดเพราะไม่รู้ว่าคนข้างนอกหมายถึงใคร ฉันจึงนั่งเงียบแต่ก็แนบหูชิดผนังห้องน้ำฟังเสียงคนข้างนอกพากันเปิดประตูทุกห้อง และไล่ทุกคนออกจากห้องน้ำ
“นี่เธอ ออกมาได้แล้ว” เสียงข้างนอกสั่งพร้อมทั้งผลักบานประตูห้องข้างๆ ที่ฉันอยู่ ฉันจึงรีบทำธุระกดชักโครกแล้วเปิดประตูออกไป
แอดดด!!!..
พอฉันเปิดประตูและเดินออกมาก็เห็นผู้หญิงสามคนยืนอยู่ ซึ่งเธอทั้งสามคนมองมาทางฉันตาเขม็ง ส่วนฉันมองพวกเธอเล็กน้อย ฉันจำได้ว่ามีคนหนึ่งที่ชื่อโรสคนที่มาทักพี่เอ็มเมื่อวานนี้อยู่ด้วย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันเดินไปล้างมือตรงอ่าง และช่วงที่ล้างมืออยู่นั้นฉันรู้สึกพวกเธอเอาแต่มองฉัน ฉันจึงเงยหน้ามองพวกเธอผ่านกระจก
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ นอกจากสายตาของพวกเธอที่มองมามายังฉันอย่างไม่เป็นมิตร ฉันจึงรีบล้างมือแล้วเดินผ่านพวกเธอไป
“เดี๋ยว !” พอฉันจะเดินไปที่ประตูก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเรียกและเดินมาดักหน้าฉัน
“คะ ?” ฉันถามพร้อมทั้งเดินถอยหลังจนหลังของฉันชนเข้ากับขอบอ่างล้างมือ
“เป็นอะไรกับเอ็ม” คำถามของเธอคนหนึ่งพอที่จะทำให้ฉันเข้าใจแล้วว่าพวกเธอมาหาเรื่องฉันทำไม
“พี่ควรไปถามพี่เอ็มนะคะ” ฉันยอมรับว่ากลัวพวกเธอทั้งสามที่ยืนต้อนฉันอยู่จนฉันจนมุม ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนพวกเธอก็ขยับตาม
“เพื่อนฉันถามเธอ เธอก็ตอบสิ” เธอคนที่ยืนอยู่ฝั่งขวาของฉันพูดขึ้นด้วยเสียงไม่พอใจ
“หนูไม่รู้จะตอบยังไงดีค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง
“หึ ! ไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะไหนเพราะแกไปอ่อยเขาใช่มั้ย” เธอคนที่ยืนตรงกลางกอดอกมองหน้าฉันอย่างเหยียดๆด้วยคำพูดและท่าที
“หนูไม่ได้อ่อย” ฉันทำหน้าเครียดและขึ้นเสียงใส่ เพราะรู้สึกไม่พอใจที่ถูกพวกเธอมาว่าใส่แบบนี้ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมาดูถูกกันได้ด้วยเหรอ
“พูดไปก็เสียเวลาน่ะโรส จัดการมันเลยดีกว่า” เธอที่อยู่ด้านซ้ายมือของฉันเอ่ยขึ้น แล้วเมื่อพี่โรสพยักหน้าพวกเธอทั้งสองที่ยืนขนาบฉันก็เข้าจับแขนฉันเอาไว้แน่น
“นี่ จะทำอะไรปล่อยนะ” ฉันพยายามดิ้นออกจากการเกาะกุมของเธอทั้งสอง
“หึ สั่งสอนแกไง” เสียงพูดของพี่โรสดังมาพร้อมฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าฉันอย่างแรง จนใบหน้าฉันหันไปตามแรงตบเสียงดัง
เพียะ!
“โอ๊ย ! ปล่อยนะ” ฉันร้องด้วยความเจ็บและพยายามขัดขืนแต่ก็ไม่สามารถช่วยตัวเองได้เพราะเพื่อนของพี่โรสสองคนช่วยกันจับฉันเอาไว้
“ปล่อยแน่ แต่หลังจากที่แกรู้ว่าอย่ามายุ่งกับเอ็มอีก” พี่โรสพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยและยกมือตบหน้าฉันอย่างแรงเสียงดังอีกครั้ง
เพียะ!
“โอ๊ย ! ปล่อย” ฉันฮึดสู้ยกเท้าขึ้นจะถีบพี่โรสแต่ก็ถูกพี่โรสรู้ทัน แล้วเธอก็จะตบหน้าฉันซ้ำอีกครั้งแต่มือยังไม่ทันได้กระทบหน้าฉันก็มีมือของใครไม่รู้มาจับไว้เสียก่อน
“แน่จริงอย่ารุมสิ”
“เอวา” ฉันดีใจมากที่เห็นเพื่อน
“เกิดอะไรขึ้น” แล้วก็มีเสียงนาเดียร์ตามมา ยิ่งทำให้ฉันมีกำลังใจฮึดสู้ขัดขืนจนเพื่อนพี่โรสที่จับฉันอยู่นั้นต้องปล่อยฉันทันที
“แกเป็นอะไรไหม” เอวาถามพร้อมทั้งสำรวจมองหน้าตาฉัน
“พวกแกเป็นใคร” พี่โรสถามเสียงสะบัด ดูจะไม่พอใจเอามากๆ
“เป็นใครไม่สำคัญหรอก แล้วนี่พวกแกล่ะเป็นใครทำไมมาทำร้ายเพื่อนฉันด้วย” นาเดียร์จ้องหน้าเธอพวกนั้นตาเขม็ง
“ยัยนี่เพื่อนเธอเหรอ” พี่โรสเบะปากใส่พวกเรา
“แรดเหมือนนังนี่หรือเปล่า” ส่วนเพื่อนพี่โรสมองฉันอย่างดูแคลนในตอนที่กล่าวหาฉัน ทั้งที่ไม่รู้ตัวตนของฉันดีพอเลยด้วยซ้ำ
“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า” นาเดียร์เข้ามายืนใกล้ฉัน ซึ่งนาเดียร์ปกป้องฉันเต็มที่ ฉันดูออก
“รู้อะไร รู้ว่าเพื่อนพวกแกไปอ่อยเอ็มงั้นเหรอ” พี่โรสมองพวกเราทั้งสามด้วยสายตาเย้ยหยัน
“เอ๊ะ หรือว่าเพื่อนจะเหมือนกันนะโรส” เพื่อนพี่โรสหัวเราะเยาะเวลาพูด
“นั่นสิ เพื่อนจะเหมือนกันหรือเปล่านะ” พี่โรสว่าด้วยน้ำเสียงยียวน
“นี่ เอาตรงๆ นะ ถึงเพื่อนฉันจะอ่อยพี่เอ็มจริง แต่เพื่อนฉันก็เก่งนะที่อ่อยติด ไม่เหมือนใครบางคนที่อ่อยให้ตายยังไงเขาก็ไม่เอา” แล้วเอวาก็ตอกกลับทันที
“แกว่าใคร ?” พี่โรสตะโกนลั่น
“ว่าแกนั่นแหละ” เอวาไม่ยอมแพ้ และดูเหมือนว่าเอวาจะไม่กลัวพี่โรสเสียด้วยสิ
“แก อีพวกแรด” แล้วพี่โรสก็ตรงปรี่เข้ามาหาเอวา ง้างมือจะตบหน้าเอวา
แต่..
“ว้าย! นี่แกกล้าถีบฉันเหรอ” พี่โรสร้องกรี๊ดเมื่อถูกเอวาถีบจนเซถอยหลังไปชนกับเพื่อนทั้งสอง ทำให้พากันล้มกลิ้งไปบนพื้นตามๆกัน
“โอ๊ย ! ว้าย!” เพื่อนสองและรวมทั้งพี่โรสพากันร้องหวีดๆแล้วพากันพยุงตัวลุกขึ้นยืน
“ไปจัดการมันสิ มัวร้องอยู่ทำไม” พี่โรสสั่งเพื่อนทั้งสองเสียงดังด้วยความโกรธแค้น
และช่วงเวลาที่เพื่อนทั้งสองของพี่โรสจะเข้ามาตบตีพวกเรานั้น ก็มีเสียงของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเข้ามาแล้วตะโกนร้องห้ามว่า
“หยุด ! หยุด ! นี่มันอะไรกัน”
“พี่อิงฟ้า” ฉันและเพื่อนเรียกพี่อิงฟ้าจึงทำให้เธอหันมามองพวกเรา
“พี่โรส นี่มันอะไรกัน” พี่อิงฟ้าละสายตาจากใบหน้าบวมเป่งของฉันหันไปมองพี่โรส
“ไม่มีอะไร พี่แค่ทักทายต้อนรับน้องใหม่” พี่โรสไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดเลย ซึ่งเธอพูดอย่างลอยหน้าลอยตา
“เกิดอะไรขึ้น” ด้านพี่กอหญ้าเดินตามพี่อิงฟ้าเข้ามา เธอมองทุกคนในห้องน้ำแล้วคงจะสะดุดเข้ากับใบหน้าของฉัน พี่กอหญ้าจึงรีบปรี่เข้ามาหาฉัน
“น้องไวน์ หน้าไปโดนอะไรมาทำไมปากแตกแก้มเขียวอย่างนี้”
“พาน้องออกไปก่อนกอหญ้า” พี่อิงฟ้าบอกพี่กอหญ้า
“ไปพี่พาไปทำแผลที่ห้องปฐมพยาบาล” พี่กอหญ้าทำตามที่พี่อิงฟ้าบอก พาฉันและนาเดียร์ออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งตลอดทางก็มีแต่คนมองมาอย่างสงสัยแต่บางคนก็หัวเราะเยาะพวกเรา
แต่ที่ทำให้ฉันทนอับอายและอดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้คือเสียงซุบซิบนินทา “ฮืออ”
“อย่าร้องไห้” นาเดียร์ปลอบฉันตลอดและคอยช่วยฉันปิดใบหน้าที่บวมเป่งไม่ให้ใครเห็น
“ฮึกก” ฉันยังสะอื้นไห้ ทั้งที่ยิ้มให้เพื่อน...
ยี่สิบนาทีต่อมา..พี่กอหญ้าพาฉันมาทำแผลเสร็จแล้วเธอก็พาฉันไปนั่งที่โต๊ะที่มีพวกพี่ว้ากนั่งอยู่
“พี่กอหญ้าคะ” แต่ฉันขืนตัวไว้เพราะว่าไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าเขียวช้ำของฉัน
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกพี่เขาก็ต้องรู้” พี่กอหญ้าบอก พร้อมจูงมือฉันเดินไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มพวกพี่ว้าก
“เห้ย ! เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมหน้าน้องไวน์ถึงยับหมอไม่รับเย็บอย่างนั้นวะ” พี่พาสต้าหันมาเห็นก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอกให้พี่กอหญ้าพาฉันไปนั่งที่ของเขา
“โดนหมารุมมาค่ะ” นาเดียร์กระแทกเสียงขุ่นเมื่อนั่งลงข้างฉัน
“พวกพี่โรสน่ะ” พี่กอหญ้าอธิบาย
“ชิบหาย ไอ้เอ็มคลั่งแน่” เพราะฉันมัวแต่นั่งก้มหน้าด้วยความอาย พวกพี่ๆ จึงไม่รู้ว่าเสียงใครพูด
“ก็เพราะเพื่อนพวกพี่นั่นแหละ เพื่อนหนูถึงเจ็บตัว” นาเดียร์ใส่อารมณ์ด้วยการทำไม้ทำมือ
“เดียร์” ฉันครางซี้ดรีบยกมือกุมปากเพราะว่าเจ็บริมฝีปากมากเวลาพูดแต่ละที
“แล้วฟ้าล่ะ” พี่ราชาถามหาพี่อิงฟ้า สงสัยคงเป็นห่วงแฟน
“อ้าว นี่อิงฟ้ากับเอวายังไม่มาอีกเหรอ” พี่กอหญ้าถาม พร้อมหันหน้าไปทางห้องน้ำข้างโรงอาหาร
“ทางโน้นไง เดินมาโน่นแล้ว” เป็นนาเดียร์เองที่ชี้มือและพยักหน้าให้ทุกคนดู
“ดูจากหน้าเมียมึงแล้วกูว่าเละ” ได้ยินอย่างงั้นฉันก็เงยหน้า แล้วหันไปมองก็เห็นพี่อิงฟ้าเดินเคียงคู่มากับเอวา พวกเธอทั้งสองยิ้มมาแต่ไกล
“คนที่เละน่ะไม่ใช่อิงฟ้าหรอก แต่เป็นพวกพี่โรสต่างหาก” พี่กอหญ้าหัวเราะในลำคอสงสัยพี่แกคงจะแค้นแทนฉัน
“ปีศาจน้อย” พี่ราชาเรียกพี่อิงฟ้า
“ซี้ด” ฉันหลุดยิ้มเมื่อพี่ราชาเรียกพี่อิงฟ้า ทำให้ฉันต้องร้องซี้ดเพราะเจ็บปาก นี่พี่ราชาหน้าโหดยังมีมุมน่ารักกับพี่อิงฟ้าอีกนะ
“ไม่เป็นไรนะน้องไวน์” เสียงซี้ดซาดมือกุมปากของฉันทำให้พี่อิงฟ้ารีบเข้ามาดูฉัน
“ขอบคุณที่ช่วยนะคะ พวกแกด้วยนะ” ฉันยิ้มให้ทุกคนทั้งที่เจ็บปากเจ็บหน้าเป็นที่สุด
“ไม่เป็นไรแล้วนะแก” เอวาถามฉัน
และช่วงเวลาที่ฉันกำลังจะคุยกับเอวานั้นก็มีเสียงเข้มเรียกฉันขึ้นมา
“ไวน์”
เสียงเรียกชื่อฉันที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง แต่ยกเว้นฉันเพราะว่าฉันไม่อยากมองหน้าเขา กลัวจะร้องไห้ออกมาเพราะว่าฉันไม่อยากอ่อนแอให้ทุกคนเป็นห่วงโดยเฉพาะเพื่อนของฉัน
“มึงมาดูเด็กมึงเลยไอ้เอ็ม” พี่ราชาชี้ฉันให้พี่เอ็มดู
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมมองหน้าไอ้ราชาแล้วเข้าไปนั่งข้างน้อง หัวใจของผมแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อจับบ่าให้เธอหันหน้ามามองกัน
“..” ฉันไม่พูดและหลับตาไว้กลัวว่าน้ำตาจะไหลเมื่อต้องมองหน้าพี่เอ็ม ฉันจึงตัดสินใจหยิบกระเป๋าและลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป
“ไวน์” ถึงผมจะยังตกอยู่ในห้วงความพะวง แต่ผมก็ดึงสติกลับมาเมื่อเห็นน้องลุกขึ้นและจะเดินหนี ผมจึงคว้ามือเธอเอาไว้
“ปล่อยค่ะ” ฉันบอกพี่เอ็มทั้งที่ยืนหันหลังให้เขา และข้อมือของฉันยังมีมือหนากำกระชับเอาไว้แน่น
“พี่ถามทำไมไม่ตอบ” ผมโมโหไอ้คนที่ทำกับเธออยู่แล้ว และยิ่งโมโหเข้าไปอีกเมื่อไวโอลินทำเหมือนว่าเป็นความผิดของผม
“ก็บอกให้ปล่อยไงคะ” ฉันสะบัดมือและสะบัดเสียงใส่พี่เอ็ม
“นี่ไวน์ มีอะไรก็บอกพี่อย่ามาทำนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้ใส่พี่ และอีกอย่างอย่าลุกหนีพี่” ผมพยายามใจเย็นที่สุดแล้วแต่น้องไม่ยอมฟัง ผมจึงจับเธอและคงออกแรงไปหน่อยเธอจึงเซจะล้มจนสีข้างของเธอชนเข้ากับตัวของผม
เสียงดุดันและหน้าตาตึงเครียดของเขาที่ส่งมาเหมือนเป็นความผิดของฉัน และอะไรต่อมิอะไรถาโถมเข้ามามากมาย ทำให้ความรู้สึกเสียใจและน้อยใจที่ฉันมีมันเอ่อล้นจึงทำให้ฉันตัดสินใจพูดออกไปโดยไม่คิดว่า
“พี่เอ็มอย่ามายุ่งกับหนูอีก เราเลิกกันเถอะ”