บทที่ 6
แนะนำแฟนใหม่ให้แฟนเก่ารู้จัก
ผมขับของไวโอลินและพาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้ๆ มหาลัย ซึ่งมีร้านอาหารอร่อยที่ผมรู้จักมากมายและเมื่อจอดรถแล้วผมก็พาเธอเดินขึ้นบันไดเลื่อนไป
“จะกินอะไร” ผมถามเธอเมื่อเข้ามาในโซนของร้านอาหาร
“ขอเดินดูก่อนได้มั้ยคะ” ฉันพยายามดึงมือออกจากมือของพี่เอ็ม เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือฉันสักที
“นั่งนี่ไหม” ผมรู้ว่าคนตัวน้อยเขินอายที่ผมจับมือเธอพาเดิน แต่ผมไม่สนจึงพาเธอไปนั่งที่โต๊ะมุมสุดเพราะดูเงียบดี
“ค่ะ” ฉันเข้าไปนั่งด้านในสุด ซึ่งพี่เอ็มก็เข้ามานั่งข้างๆ แขนของเขายกพาดเก้าอี้ ถ้าคนอื่นมองก็คงจะคิดว่าพี่เอ็มนั่งกอดฉันแน่ ๆ
“กินอะไร” ผมถามและมองเสี้ยวหน้าของเธอ ซึ่งเธอนั่งตัวเกร็งเชียว
“กินร้านนั้นค่ะ” ฉันมองไปรอบๆ และชี้มือส่งเดชไปอย่างนั้น เพราะไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายที่มองมาทางฉันและเขา
“หา” ผมตกใจมาก เมื่อเห็นร้านที่น้องเลือก
“ตกใจทำไมคะ หนูแค่อยากไปกินร้านนั้นคนไม่เยอะด้วย ลุกสิคะ” ฉันบอกแล้วรีบลุกขึ้นยืน ซึ่งพี่เอ็มก็ลุกตามครั้งนี้พี่เขาเป็นฝ่ายถือกระเป๋าเดินตามฉัน.
“สวัสดีค่ะลูกค้า มากี่ท่านคะ” พนักงานต้อนรับข้างหน้าที่ใส่ชุดมาสคอตเป็นตัวกระต่ายน้อยยกมือไหว้แล้วถาม
“สองค่ะ” ฉันบอก
“ทางนี้ค่ะ” พนักงานถือเมนูเดินนำหน้าฉันและพี่เอ็มไปยังโต๊ะข้างผนังที่เป็นกระจกใส ซึ่งมองออกไปข้างนอกจะเห็นร้านอาหารร้านอื่นๆด้วย
เมื่อฉันนั่งที่โซฟาพี่เอ็มก็เข้ามานั่งข้างๆของฉัน ซึ่งฉันก็ขยับจนนั่งชิดกระจกใสพร้อมกับหยิบเมนูขึ้นมาเปิดดูแล้วถามพี่เขาว่า
“พี่เอ็มจะกินอะไรคะ”
“...”
“พี่เอ็มคะ” เมื่อไม่มีเสียงตอบ ฉันก็เงยหน้ามองพี่เอ็มที่ในตอนนี้ฉันอยากจะหัวเราะใส่เขามาก เพราะว่าพี่เขาทำหน้าตาเลิ่กลั่กมือก็ยกเกาท้ายทอยเมื่อเกิดอาการอายๆ
“สั่งเลยนะ” ผมบอกทั้งที่สอดส่องสายตามองไปรอบร้านอาหารที่มีสีสันหวานแวว เหมือนร้านการ์ตูนเสียมากกว่า
จะบอกให้นะว่าร้านนี้น่ะ คืออิงจากดิสนีย์แลนด์มาเลย เพียงแต่ร้านนี้เป็นสีชมพูทั้งร้านแล้วก็ตกแต่งไปด้วยตุ๊กตา พนักงานก็แต่งตัวเป็นมาสคอต ฉันเคยมาสองครั้งกับนาเดียร์แถมยังชอบมากอีกด้วยเพราะมุมถ่ายรูปเยอะ
“พี่เอ็มจะกินอะไรคะ” ฉันหันมองพี่เอ็มพลางยิ้มเบาๆ เมื่อเห็นพี่เขาดูจะเขินๆ เพราะทั้งร้านมีพี่เอ็มเป็นผู้ชายคนเดียว
“สั่งมาเลย พี่กินได้หมด” ผมบอก
“งั้น เอาเท่านี้นะคะ” ซึ่งฉันก็สั่งไปสองสามอย่างที่คิดว่าเขาน่าจะกินได้ แต่ไม่ลืมข้าวผัดปูของโปรดและกำลังจะถามพี่เขาว่าดื่มอะไร ฉันก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อน
“เอ็ม ?” เสียงของผู้หญิงดังอยู่ด้านหลังของพวกเรา ทำให้ฉันและพี่เอ็มหันไปมอง เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเซ็กซี่เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาหาเราสองคน
“อัน” ผมทักทายโดยที่ไม่ได้มองหน้าเพื่อน
“เอ็มมาทานข้าวเหรอคะ”
พี่คนนั้นถามพร้อมทั้งนั่งลงข้างพี่เอ็ม ซึ่งเป็นฉันเองที่ต้องขยับตัวนั่งจนหัวไหล่ชนกับกระจกใสเพราะพี่เอ็มเบียดฉันจนพี่เขาต้องยกแขนพาดกับพนักโซฟา
“อืม” ผมทำหน้านิ่ง เมื่อสองสาวนั่งขนาบข้างของผม คนหนึ่งคือคนที่ผมพาเธอมากินข้าวส่วนอีกคนคือคนที่เข้ามาทักทายผม
“ไม่ยักกะรู้ว่าเอ็มชอบร้านอาหารแบบนี้ด้วย” พี่คนสวยร่ายยาว
“อืม แล้วอันล่ะมากินข้าวเหรอ” ผมไม่ตอบคำถามของเธอ แต่ถามเธอกลับและคอยมองคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบก้มหน้ามองแต่เมนู
“ใช่ อันมากับเพื่อนน่ะ กำลังจะไปหาซื้อเสื้อผ้าก็เห็นเอ็มพอดีเลยมาทักทาย”พี่สาวคนสวยคุยกับพี่เอ็มและคงจะมองมาที่ฉันด้วยแหละ เพราะฉันรู้สึกได้
“อืม” ผมพยักหน้า
“ทำไมเอ็มพูดน้อยจัง ไม่ดีใจที่เจออันเหรอ”
พี่สาวคนสวยยังคงถามพี่เอ็ม ซึ่งทำให้ฉันในตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าเพราะฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน แต่พอเงยหน้าหันมองด้านข้างก็พบกับสายตาของพี่เอ็มที่มองฉันตาไม่กะพริบ
มันดูอบอุ่นจนฉันรู้สึกได้ และความรู้สึกที่ฉันคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินคือหายไปเลยเพราะพี่เอ็มทำท่าว่าสนใจฉันแค่คนเดียว นี่อย่าบอกนะว่าตลอดเวลาที่คุยกับพี่คนนั้นคือพี่เอ็มมองฉันตลอดไม่ได้มองคู่สนทนาเลยน่ะ พอคิดอย่างนั้นหน้าฉันก็ร้อนวูบวาบอีกแล้ว
“อัน” ผมยิ้มให้น้องเล็กน้อย และยังไม่ทันได้เอ่ยถามเธอก็พูดแทรกขึ้นว่า
“อ้าว แล้วนี่เด็กที่ไหนคะ” พี่คนนั้นชะโงกหน้าผ่านพี่เอ็มมามองฉันแล้วยิ้มให้
“ไวน์ นี่อัน เพื่อนพี่” ผมแนะนำให้สาวสองคนรู้จักกัน โดยไม่ได้มองหน้าเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อยเพราะจุดสนใจของผมคือน้องคนที่ผมพามากินข้าว
“ค่ะ สวัสดีค่ะพี่อัน หนูไวน์ค่ะ ปะ เป็น ระ” ฉันยังไม่ทันได้บอกสถานะที่แท้จริงกับพี่คนสวยว่า ‘หนูเป็นรุ่นน้องที่คณะค่ะ’ พี่เอ็มก็พูดตัดประโยคขึ้นมาเสียก่อน
“คนที่เรากำลังจีบ”
คำพูดของพี่เอ็มทำให้ฉันตกใจดวงตาเบิกโพลงมองหน้าเขาและมองหน้าที่สาวคนสวย ซึ่งพี่สาวที่ชื่อว่าอันทำหน้าตกใจเช่นกัน และพี่เขาก็มองฉันและพี่เอ็มสลับกันไปมา
“เอ่อ” ดูท่างทางพี่อันคงจะหน้าเสียและคงอับอายมากจนพูดไม่ออก
“อันมีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม
“ค่ะ คืออันแค่ตกใจน่ะ ไม่คิดว่าเอ็มจะจีบสาว”
พี่อันยิ้มให้พี่เอ็ม ที่ฉันดูยังไงก็รู้ว่าเป็นการฝืนมากกว่า แล้วทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไม่ชอบสายตาของพี่คนสวยที่มองมาเลยนะ เหมือนกับว่าไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่
“ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้จีบใคร” ผมหันหน้ามองคนที่ผมจีบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสายตาที่มองไปอย่างจริงจังอยากจะสื่อให้เธอรู้ว่าที่ผมพูดมาน่ะคือความจริง และสื่อถึงความจริงใจที่ผมมีให้เธอ
“เอ่อ ว่าแต่เอ็มไม่กลับบ้านเหรอ เราไปบ้านเอ็มอาทิตย์ก่อนแม่เอ็มบ่นหาอยู่นะ” พี่อันเปลี่ยนเรื่องพูด
แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดถึงแม่พี่เอ็ม แล้วนี่เขาเป็นเพื่อนสนิทกันถึงขั้นเข้าบ้านกันเลยเหรอ แล้วทำไมพี่เอ็มถึงดูเย็นชากับพี่อันจัง คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของฉัน
“ช่วงนี้เราไม่ว่าง” ผมตอบความจริง
คำพูดห้วน ๆของพี่เอ็มที่คุยกับพี่อันทำให้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดี และรับรู้ได้ว่าพี่อันไม่พอใจ แต่เธอก็เก็บอาการเก่งมากและฉันก็ยอมรับว่าพี่เอ็มเสมอต้นเสมอปลายมากจริงๆ เพราะพี่เอ็มเล่นมองฉันทุกครั้งที่คุยกับพี่อัน
“อ๋อ มิน่าล่ะเราไปไม่เจอเลย” พี่อันทำหน้าตึงแต่ก็ฝืนยิ้ม
“เดี๋ยวว่างๆ เราจะเข้าไปเจอพ่อกับแม่อัน ฝากบอกพวกท่านด้วยละกัน” ผมพูดเสียงเรียบเพื่อตัดปัญหา
“ได้สิ” พี่อันพยักหน้าให้พี่เอ็ม
แต่สายตาไม่เป็นมิตรของพี่อันคอยแต่มองมาที่ฉัน ซึ่งตอนนี้ฉันอึดอัดมากอยากจะลุกออกจากตรงนี้แต่ติดตรงที่ว่าพี่เอ็มนั่งเบียดฉันอยู่น่ะสิ
“ถ้าอันไม่มีอะไรแล้ว เราขอเวลาส่วนตัวหน่อยนะ” ผมขยับตัวต้องการให้อันรู้ตัวว่าลุกออกจากตรงนี้ได้แล้ว เพราะเธอเล่นนั่งเบียดผมจนผมต้องเบียดไวโอลิน และก็รับรู้ได้ว่าคนตัวน้อยที่นั่งจนหัวไหล่ชนกับผนังกระจกนั้นอึดอัด
“พี่เอ็ม !” คำพูดของพี่เอ็มทำเอาฉันหันควับมองเสี้ยวหน้าพี่เขาและรีบเรียกชื่อเขาทันที นี่เขาไล่พี่อันชัดๆ
“ถะ ถ้างั้นอันขอตัวนะ” เหมือนพี่อันจะตั้งสติได้จึงรีบลุกขึ้นยืน
“อืม” ผมพยักหน้ามองเพื่อนเล็กน้อย และขยับตัวนั่งในท่าสบาย พลอยทำให้คนตัวน้อยได้ขยับนั่งสบายตาม
และเมื่อพี่อันเดินออกไปไกลแล้วฉันก็ผลักพี่เอ็มให้นั่งห่างๆ ฉัน และย่นหน้าใส่พี่เขายามเขาหันมาทำหน้านิ่งมองฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะไร” ผมถามเสียงเรียบ
“ไม่ต้องเลยนะคะ พี่เอ็มทำไมไปไล่พี่อันแบบนั้นคะ” ฉันทำเสียงดุไปที ทำอย่างนี้มันหักหน้ากันชัดๆ ทั้งที่คุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ
“ก็พี่ต้องการความเป็นส่วนตัว” ผมยักไหล่ ไม่สนใจความรู้สึกของใครหรอกนอกจากของน้องน้อยคนที่ทำหน้างออยู่ข้างๆ
“แต่ไม่ควรไล่พี่อันนี่คะ” ฉันสะบัดหน้าหนีไม่อยากให้พี่เอ็มมองฉัน
“พี่ไล่เหรอ ไม่เห็นจะรู้ตัวเลย”
“พี่เอ็ม หนูไม่คุยด้วยแล้ว” ฉันนั่งกอดอกเชิดหน้าขึ้นอย่างงอนๆ เมื่อเห็นท่าทางกวนๆของเขา ซึ่งพี่เอ็มดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย แต่ฉันนี่สิรู้สึกสงสารพี่อันมากนี่ถ้าฉันโดนแบบนี้คงร้องไห้วิ่งออกไปตั้งนานแล้ว
“หึ ยังไม่ทันไรก็งอนพี่แล้วเหรอ” ผมมองท่าทีของเธอที่งอนผมแล้วก็อดที่จะหัวเราะในลำคอไม่ได้
“ใครงอนพี่คะ” ฉันเฉไฉ
“จริงเหรอ ไม่งอนจริงดิแก้มป่องขนาดนั้น” ผมยื่นมือไปยีผมของเธออย่างเอ็นดู
“มันไม่ป่องซะหน่อย” ฉันทำหน้าบึ้งแล้วจับแก้มของตัวเอง ไม่เห็นจะใหญ่เลย
“จริงเหรอ” คนน่ารักยิ้มจนแก้มมีรอยบุ๋ม ทำให้ผมอดใจไม่ได้ยื่นมือไปจับแก้มของเธอดึงยืดเล่นไปมา
“พี่เอ็มบ้า นี่แน่ะหนูเจ็บนะ” ฉันทำตาโตแล้วยกมือขึ้นตีแขนเขาเสียงดัง เพียะ !
“ฮ่า ๆ เอ็นดูนะถึงหยอก” ผมหัวเราะชอบใจพร้อมกับจับหัวของเธอโยกเล่น
“..” ซึ่งฉันไม่พูดแต่สะบัดหน้าหนีไม่กล้ามองพี่เอ็ม เพราะเขินสายตาเข้มที่เอาแต่จ้องฉันหลากหลายความหมาย
“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารค่ะ” ในขณะที่ฉันกำลังหาทางหลบหนีสายตาอยู่นั้น พนักงานก็เข้ามาเสิร์ฟอาหารพอดี
เมื่อพนักงานเสิร์ฟไปแล้วเป็นผมเองที่เริ่มตักอาหารใส่จานให้น้องและพูดว่า
“กินสิ”
“ชิ” ฉันย่นจมูกใส่พี่เอ็มเพราะเขาชอบขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยกมือขึ้นมาจับช้อนส้อมแล้วตักข้าวที่พี่เขาตักใส่จานให้กินอย่างเงียบๆ
“กินดีๆ เดี๋ยวติดคอ พี่ยังอยากมีเราเป็นแฟนนะ” ผมหัวเราะเบาๆ เห็นผมยาวมัดหลุดลุ่ยจึงยื่นมือไปจับผมยาวเหน็บข้างหูให้
“จะเอาให้ได้ใช่ปะ” ฉันมองจิกพี่เขา
“ใช่ พี่จะเอาเราเป็นแฟนให้ได้” ผมยักคิ้วให้เธอ
“ชิ” เป็นอีกครั้งที่ฉันย่นหน้าย่นจมูกใส่เขา เมื่อพี่เขาทำท่าทะเล้นใส่...
ตลอดสองชั่วโมงที่นั่งกินข้าวพี่เอ็มคอยเอาใจใส่ฉันดีมาก ตักอาหารให้ฉันและชอบจ้องฉัน จนฉันกินอะไรไม่ลงเพราะเขินพี่เขา เมื่อกินอิ่มแล้วพี่เอ็มก็จ่ายเงินและจูงมือฉันพาออกจากร้านอาหารแล้วเดินเล่นในห้างดูนั่นดูนี่ ซึ่งพี่เอ็มก็ซื้อของให้ฉันด้วย
“พี่ให้” ผมเดินเข้าไปดักหน้าไวโอลินแล้วยื่นถุงให้
“อะไรคะ” ฉันไม่ขัดขืนปล่อยให้พี่เอ็มจับมือทั้งสองข้างเอาไว้ ดวงหน้าของฉันอยู่ระดับหน้าอกของเขา แล้วก้มมองถุงกระดาษในมือเขาพลางเงยหน้าจนคอตั้งเพื่อมองหน้าเขา
“เปิดดูสิ” ผมยิ้มเล็กน้อยชูถุงกระดาษลายหัวใจให้เธอ
“..” ฉันเงียบ พร้อมกับเอากิ๊บหนีบผมทรงผีเสื้อออกจากถุงมาดูพลางสลับเงยหน้ามองพี่เอ็ม
“ชอบไหม” เมื่อสบตากัน หน้าน้องน้อยแดงอมชมพูผมจึงยื่นมือไปแตะแก้มเนียน แล้วถามเธอ
“สวยค่ะ สีที่หนูชอบเลย” ฉันไม่กล้าจ้องตาพี่เอ็ม จึงก้มหน้างุดมองกิ๊บหนีบผมทรงผีเสื้อสีรุ้งในมือ
“มา พี่ติดให้” ผมเอากิ๊บมาถือไว้แล้วพาเธอไปยืนหลบมุม เพราะตรงที่ผมและเธอยืนอยู่เป็นทางเดินที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่
“ขอบคุณค่ะ” ฉันยืนหันหลังให้พี่เอ็มติดกิ๊บที่ผม ซึ่งใจของฉันก็เต้นแรงมากเพราะว่าไม่เคยมีผู้ชายทำแบบนี้กับฉันเลย
“ห้ามทำหายและห้ามทำพังด้วย” ผมจับน้องให้หันมาเผชิญหน้ากัน มือข้างหนึ่งลูบผมยาวนุ่มเบาๆ ส่วนอีกข้างยังจับมือเธอเอาไว้
“จะเก็บรักษาไว้อย่างดีเลยค่ะ” ฉันหน้าแดงร้อนวูบวาบ เมื่อถูกจับให้เงยหน้ามองตาพี่เอ็ม จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ยิ่งทำให้ฉันหน้าแดง
“จะกลับยัง” ผมถามพลางเหลือบตามองผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้วหันมามองน้อง ผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลยใจเต้นแรงมากเมื่อได้อยู่ใกล้เธอ ถึงแม้ว่าเคยจีบสาวมาแล้วนะแต่กับเธอผมหวั่นไหวมาก
“นี่หกโมงแล้วเหรอเนี่ย” ฉันมองเวลาในมือถือแล้วค่อยๆเงยหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศมองหน้าของพี่เอ็ม
“หรือจะไปดูหนังกัน” ความน่ารักที่เขินจนแก้มเนียนแดงเป็นลูกมะเขือเทศ ทำให้ผมกระตุกยิ้ม
“กลับดีกว่าค่ะ” ฉันรีบเดินหนีผละออกจากคนตัวสูงที่ยืนกักขังฉันไว้ ไม่อยากยืนให้เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงที่คอยแต่พยศทำให้ฉันเขินตลอดเวลา
“โอเค” ผมหัวเราะในลำคอและเดินตามจนถึงเธอพลางคว้ามือน้อยมากุมประสานเข้าหากันจนเป็นหนึ่งเดียว แล้วพาเธอเดินไปยังลานจอดรถ…
ในรถ..
ความเงียบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจผสมแอร์ในรถ ทำให้ผมที่ขับรถมองถนนข้างหน้าคอยเหลือบตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งเธอเอาแต่เงียบ และหันมองข้างทางผ่านกระจกรถ
“อันเป็นลูกสาวของเพื่อนแม่พี่” ผมพูดพร้อมหันมองเธอ และหันมองถนนข้างหน้าเป็นระยะๆ
“คะ ?” คำพูดลอย ๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ยของพี่เอ็มทำให้ฉันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ทางผู้ใหญ่อยากให้พี่กับอันหมั้นกัน” ผมตัดสินใจบอกน้องและคอยเหลือบดูอาการของเธอไปด้วยว่าจะมีทีท่าอย่างไร
“ค่ะ” ฉันทำเพียงแค่พยักหน้ารับรู้
“พี่กับอันคบกันอยู่พักหนึ่ง แต่พี่รู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยขออันจบ พี่จบด้วยดีนะ บอกพ่อและแม่เรียบร้อยพวกท่านเข้าใจพี่แล้วก็ไม่ได้บังคับอะไรแต่ทางอันพี่ไม่รู้ว่าอันบอกพ่อกับแม่ยังไงเพราะทุกวันนี้แม่ของอันมาเร่งเรื่องหมั้นอยู่ตลอด”
“แล้วพี่จะทำยังไงคะ” ฉันยังนั่งมองพี่เอ็มพลางถามออกมา
“รู้มั้ย ก่อนที่พี่จะเจอเราพี่ไม่สนใจเลยนะว่าทางนั้นจะว่ายังไง แต่พอเจอเราและยิ่งอันมาพูดอย่างนี้พี่คงต้องจัดการให้เด็ดขาดแล้วล่ะ” ผมบอกความในใจแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเธอมากุมไว้
“..” ส่วนฉันไม่ขัดขืนปล่อยให้พี่เอ็มจับมือไว้ และนั่งเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นรัวเหมือนกลองถูกตี เมื่อพี่เอ็มกุมมือฉันแล้วเอาไปจูบ
ซึ่งพี่เขาขับรถมือเดียว อีกข้างก็กุมมือฉันเอาไว้จนพี่เอ็มขับรถมาจอดที่หน้าคอนโด และฉันหายใจเบาๆ ดึงมือออกจากมือพี่เอ็มพร้อมกับถามเขา
“พี่เอ็มจะกลับยังไงคะ”
“พี่อยู่คอนโดข้างหน้า” ผมดับเครื่องยนต์แล้วรีบลงจากรถเดินอ้อมไปฝั่งที่เธอนั่ง เปิดประตูรถให้เธอลงมายืนคุยกันตรงข้างรถ
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ มิน่าล่ะเมื่อวานฉันถึงเจอเขาที่ร้านข้าว อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง แต่จะบอกให้นะว่าคอนโดที่พี่เอ็มอยู่น่ะแพงหูฉี่ ค่ามัดจำและค่าเช่าเดือนหนึ่งเกือบครึ่งแสนเลยล่ะ
“พรุ่งนี้ไปตอนไหน” ผมยื่นกุญแจรถให้เธอแล้วกอดอกมอง
“พรุ่งนี้หนูมีนัดกับพี่ๆเก้าโมงเช้าค่ะ” ความจริงฉันเปิดเรียนอาทิตย์หน้าแต่พรุ่งนี้มีนัดกับพี่อิงฟ้าเลยต้องไปทำกิจกรรม
“งั้น แปดโมงเช้าพี่มารับ” ผมยิ้มให้น้อง
“..” ฉันพยักหน้าให้พี่เอ็มเป็นการตกลง
“พรุ่งนี้พี่จะมารับไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปมอ” ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากกลับห้องพักกันนะ อยากยืนคุยกับเธอแบบนี้นานๆ
“มารับหนูทำไม หนูปะ...” เหมือนพี่เอ็มจะรู้ทันว่าฉันต้องเอ่ยปฏิเสธว่า ‘มารับหนูทำไม’ พี่เอ็มจึงเอ่ยเสียงเข้มพูดแทรกขึ้นมาว่า
“อย่าดื้อไวน์ พี่จะมารับก็มารับสิ”
“ก็ได้ค่ะ” ฉันทำหน้างอเล็กน้อยใส่พี่เอ็มเพราะงอนเขาที่ชอบบังคับ ฉันจึงไม่ปฏิเสธเพราะถ้าขืนดื้อหรือปฏิเสธพี่เอ็มคงยังตื้อฉันอยู่แน่
“งั้นไปพักเถอะ พรุ่งนี้เจอกัน” ความน่ารักของเธอทำให้ผมอดใจไม่ไหวยกมือลูบหัวของน้องอย่างเอ็นดูและรักใคร่
“พี่ก็เหมือนกันค่ะ” ฉันอมยิ้มอย่างเขินอายจนหน้าแดงมาก คนบ้าชอบทำให้ใจเต้นแรงตลอดเวลาเลย
“เดี๋ยว !” พอเธอกำลังจะเดินหันหลังเข้าไปในคอนโด ผมกลับไม่อยากให้เธอไปจึงรีบคว้าแขนเล็กดึงเบาๆ ให้เธอหันกลับมายืนเผชิญหน้ากัน
“พี่เอ็ม” ฉันตกใจมากที่พี่เอ็มฉุดรั้งฉันเอาไว้จนฉันลอยเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่เขา
“ต่อจากนี้ไป เราต้องระวังให้ดีนะ” ผมไม่ได้สนใจท่าทีขัดขืนของน้อง แต่กลับขยับตัวเข้าใกล้เธอแขนสองข้างก็ยังถือสิทธิ์กอดเธอไว้อีกด้วย
“ระวังอะไรคะ” ฉันขัดขืนและคอยหันมองไปรอบๆลานจอดรถว่ามีใครเห็นหรือเปล่า แต่โชคดีมากเพราะตรงที่ฉันและพี่เอ็มยืนกอดฉันอยู่นี้เป็นมุมเปลี่ยว
“ระวังให้ดี เพราะจากนี้ไปพี่จะรุกหนักกว่าเดิม” ผมบอกพร้อมทำตามหัวใจ จากที่กอดคนตัวน้อยตอนนี้ผมย้ายมือข้างหนึ่งไปจับคางน้อยดันให้เธอเงยหน้ามองผม เพราะเธอตัวเล็กกว่าผมมาก สูงไม่ถึงปลายคางผมเลย
“พะ พี่พูดอะไร” ฉันไม่ขยับตัวหนี ใบหน้าร้อนวูบวาวรู้สึกได้ว่าใบหน้าของพี่เอ็มอยู่ใกล้ฉันมาก และริมฝีปากหยักก็มาประกบจูบปากของฉันอย่างแผ่วเบา
“พี่พูดจริง ระวังหัวใจไว้ให้ดีเพราะจากนี้ไปพี่จะจีบเราแบบจัดเต็ม” ผมบอกคนตัวเล็กชิดปากนุ่มอยู่นาน ใจผมก็อยากจะส่งลิ้นเข้าไปชิมน้ำหวานจากปากอิ่มเหลือเกิน แต่ผมก็ไม่ทำเพราะแค่นี้ผมก็รู้สึกถึงคนตัวน้อยที่ตัวสั่นเพราะความหวาดกลัวมากพอแล้ว…