ตอนที่ 2 รักษาสิทธิ์ (3)

1371 Words
อีกไม่นานลูกจะเข้าโรงเรียน ไม่ต้องระดับนานาชาติ พาเข้าโรงเรียนใกล้บ้านสะดวกต่อการรับส่งก็พอ ตัดปัญหาจ่ายเองไม่ไหวต้องแบมือขอเงินพ่อของลูก จะกลายเป็นว่าตัดกันไม่ขาด ต้องขอเงินเขาทุกครั้ง อยากรับผิดชอบลูกให้ได้ 100% เพื่อคุณเจนจิรา ภรรยาในอนาคตของเขาจะได้ไม่ระแคะระคายสงสัย ว่าสามีเคยมีอดีต ธารธาราปล่อยให้ลูกสาวนอนต่ออีกนิด อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน เก็บของเล่นหนูพริกหวานใส่กล่องเป็นระเบียบเรียบร้อย กดสั่งอาหารผ่านแกร็บ ไม่ได้ทำเอง ทำทีไรพ่อของลูกไม่เคยกิน มีเรื่องนี้ที่เขาพูดไม่ถนอมน้ำใจว่าธารธาราทำอาหารไม่อร่อย เมนูไข่พอได้ แต่ให้กินทุกวัน เขาบอกว่าเขาไม่ไหว กดสั่งผ่านแกร็บให้แม่ค้ามืออาชีพทำให้กินจึงเป็นทางเลือกที่ดี คุณแม่ยังสาวสอบเสร็จไม่มีหนังสือวิชาการให้อ่าน บนโต๊ะทำงานในห้องรับแขก มีแค่สมุดจดรายรับรายจ่ายสำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีพนักงานอยู่ด้วยกันหนึ่งคนถ้วน ทำเองทุกขั้นตอน เขียนออกมาจนเห็นตัวเลขกำไรรวมของสินค้าล็อตล่าสุด ไม่ได้มากมาย แต่ก็ทำให้ธารธารายิ้มได้ ได้กำไรสองสามหมื่นทุกเดือนตลอดไปคงดี “ยอดขายกับกำไรไม่เลวเลยนะ ถ้าลงทุนเอาของมาลงมากขึ้น เพิ่มช่องทางไลฟ์ขายในติ๊กต๊อกน่าจะได้ขายได้มากกว่านี้” ภารนัยยังหัวฟูอยู่เลย อ่านสมุดบัญชีไม่เป็นทางการจบไปหนึ่งรอบจึงอ้าปากหาวนอน ตามองกองกล่องพัสดุสูงเป็นภูเขา “คุณนัยตื่นเร็วจังเลยค่ะ ธารนึกว่าคุณจะตื่นประมาณเที่ยง” “ตื่นมาไม่เจอธาร เลยออกมาดู อยากไปนอนต่ออยู่เหมือนกัน” “ไปนอนสิคะ ธารกดสั่งอาหาร มาถึงแล้วจะเข้าไปปลุก” “นอนในนี้ ปิดแอร์ในห้องแล้ว” หน้าเขาง่วงมาก ย้ายจากเก้าอี้ไปนอนบนชุดรับแขกที่มีหมอนและผ้าห่มพร้อมนอน ส่งยิ้มให้ธารธาราที่กดรีโมตเปิดแอร์ให้เขาทันทีทั้งที่ตอนอยู่คนเดียวหล่อนไม่เปิด “ธารกดเรียกรถหรือยัง รถขนส่งจะเข้ามาตอนไหน” ไม่ติดว่าหล่อนเจ็บขา จะชวนออกไปส่งข้างนอก แล้วถือโอกาสพาลูกสาวเที่ยว นอกจากห้างฯ แถวบ้าน เขาไม่เคยพาพริกหวานไปเที่ยวเลย อยากพาลูกไปสวนสัตว์สักครั้ง ไปด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก “กดแล้วค่ะ เรียกตอนเช้าน่าจะมาบ่ายมั้งคะ ปกติธารกดช่วงบ่ายจะชอบเข้ามารับตอนค่ำ อ้อ... มีสายจากคุณเจนนะคะ ธารเห็นเธอโทรเข้ามา แต่คุณนัยยังหลับ ธารก็เลยไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปให้” “คงจะโทรมาบ่นผม เมื่อวานเราไปกินข้าวด้วยกัน ผมตกใจข้อความเสียงพริกหวานเลยรีบออกไปโดยไม่ได้บอกเธอ” “คุณเจนกลับมาจากอังกฤษแล้วเหรอคะ” คู่หมั้นเขาไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารในประเทศอังกฤษ ปกติแล้วจะเรียนประมาณสองปีถึงสองปีครึ่ง แต่เจนจิราเรียนนานกว่านั้น รวมกับระยะเวลาไปเรียนพิเศษด้านภาษาคร่าวๆ สี่ปี ช่วงที่เจนจิราไม่อยู่ในไทย เป็นเวลาเดียวกับที่ธารธาราเข้ามาในชีวิตเขา “กลับมาเมื่อวาน เซอร์ไพร์สผมถึงที่ทำงานจนผมตกใจ” ตัวจริงกลับมา ตัวสำรองจะไปหลบซ่อนตรงไหน? “ดีจังเลยนะคะ ได้อยู่ใกล้กันคุณนัยคงจะหายคิดถึงเธอ” “กลัวน้องเจนจะป่วน จนความลับเรื่องพริกหวานแตกเนี่ยสิ” “ไม่แตกหรอกค่ะ ธารกับลูกอยู่ด้วยกันเงียบๆ ตรงนี้ คุณนัยไม่อยากให้ความแตก ก็อย่ามาหาพวกเราบ่อยนักสิคะ มาสัปดาห์ละหนึ่งวันก็ได้ ธารจะบอกลูกว่าคุณนัยงานยุ่ง วันหยุดถึงจะมีเวลามาหา” ภารนัยไม่เห็นด้วย ทำแบบนั้น ก็น่าสงสารลูกแย่เลยสิ “ธารฝึกงานสามเดือนไม่ถึงสี่เดือนก็เรียนจบแล้วค่ะ ธารเข้าทำงาน พอดีกับพริกหวานเข้าโรงเรียน ก็ไม่ต้องรบกวนคุณนัยมาช่วยดูแลลูก เงินใช้จ่ายในบ้าน ธารก็จะไม่รบกวนคุณ ธารจะทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเอง จะดูแลลูกให้ดี ไม่ให้คุณนัยเป็นห่วงพริกหวาน” “สมมุตินะธาร ถ้าหากว่าน้องเจนบังเอิญรู้เรื่องของเราล่ะ” “ลูกสองขวบครึ่งแล้วนะคะ คุณนัยปิดบังคู่หมั้นกับครอบครัวของคุณมาได้นานมากขนาดนี้ จะปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ อย่างคุณเจนระแคะระคาย หรือรู้เรื่องลูกได้ยังไงคะ ไม่ส่งผลดีต่อคุณเลย คุณดูแลธารกับลูกมานาน ถึงเวลาที่คุณควรจะสร้างครอบครัวของตัวเอง” “ขอถามต่อนะ ธารเรียนจบแล้ว ผมนอนกับธารอีกได้ไหม” “ธารไม่ได้เป็นเมียน้อยคุณนัยนะคะ จบ ก็คือจบ” “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ถ้าผมจบกับธารแล้วไปหาน้องเจน” “ธารไม่อยากเป็นเมียน้อยคุณ ไม่อยากทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน แล้วธารก็ไม่อยากทำร้ายตัวเอง ถ้าต้องทนอยู่ในมุมมืดตลอดไป” หากเขาไม่สามารถจับมือหล่อนกับลูกในที่สาธารณะ และบอกใครต่อใครว่าเป็นครอบครัว ธารธาราก็ไม่อยากกุมมือลูกอยู่กับเขาในสถานะนี้นานนัก รถรับพัสดุเคลื่อนออกจากหน้าบ้านไปได้สักพักใหญ่ รับเอากล่องบรรจุเสื้อผ้าแฟชั่นไปด้วย ภารนัยติดคุยโทรศัพท์เพิ่งจะเข้ามาในห้องโล่งกว้าง ไม่ได้มีกองพัสดุระเกะระกะเหมือนเมื่อเช้า หนูพริกหวานเล่นสนุก ดูแผลบนหัวเข่าคุณแม่ สวมบทบาทคุณหมอเด็ก พูดงึมงำๆ ว่าจะทำแผล จะทายา แล้วก็จะเอายาให้แม่กิน ธารธารายกศีรษะขึ้นมองลูกสาวตัวป่วนเล่นคนเดียวไปตามประสาเด็กจินตนาการสูง สบตาพ่อของลูกแวบเดียวเท่านั้นก็เมิน “พริกหวาน เล่นอะไรเหรอคะลูก ขอคุณพ่อเล่นด้วยได้ไหม” “พริกหวาน คูมหมอ ฉีดยาให้ แม่แม่” ดึงมือพ่อมานั่งด้วยกัน เฝ้าคุณแม่ที่นอนบนโซฟา “พ่อพ่อ ทำแบบนี้นะ” หนูน้อยมีของเล่นชุดอุปกรณ์แพทย์พกพา ลักษณะเป็นกล่องบรรจุเข็มฉีดยา กรรไกร มีด ก็คุณพ่อนั่นแหละที่ซื้อให้ เห็นอะไรผ่านหน้าไม่ได้โกยใส่รถเข็นซื้อให้ลูกทั้งหมด เขารับเข็มฉีดยาจำลองจากมือเล็ก ให้ลูกสอนวิธีฉีดยา ไม่มีความอ่อนโยนในตัวหนูพริกหวาน จับมือพ่อยกสูงฝังฉีดจี๊ดใส่ขาคุณแม่ ระดับความแรงเปรียบได้ว่าถ้าเป็นเข็มจริง หัวเข็มก็คงหักคาท่อนขา ภารนัยหัวเราะแข่งกับลูก ถือเข็มฉีดยาของเล่นคนละอัน แย่งกันฉีดใส่ขาคุณแม่จนธารธาราเริ่มจะส่งสายตาขวางมาขอให้เลิกเล่น “ให้พริกหวานเป็นคนป่วยนะคะ ให้คุณพ่อเป็นคุณหมอ” เลิกเล่นเข็มฉีดยาก่อนธารธาราจะงอน ค้นหาหูฟังแพทย์มาฟังเสียงหัวใจลูกสาว คนไข้ให้ความร่วมมือดีมากกลิ้งร่างเล็กๆ มานอนหนุนตักคุณพ่อ คุณหมอปลอมเอ็นดูคนไข้ หอมแก้มไปด้วยเล่นไปด้วย “สายมันจะขาดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอลูก พริกหวานดึงเหรอคะ” “พริกหวาน มะ... มะได้ดึง” ตาแป๋วๆ คู่นั้นสรรหาคำมาแก้ตัว “จริงเหรอคะ” คุณแม่ถามย้ำ หนูพริกหวานไม่ยอมรับว่าตัวเองดึงขาดทำเสียงงอแง เข้าไปนั่งตักคุณพ่อ กอดไม่ยอมปล่อย “โอ๋ ไม่เป็นไรนะคะ ขาดก็ซื้อใหม่ เอาไหมคะ คุณพ่อพาไปซื้อ” เด็กเจ้าเล่ห์ยิงฟันน้ำนม แทนการตอบรับว่าอยากไปซื้อของเล่นใหม่ รู้ว่าลูกแค่อ้อนไม่อยากโดนแม่ดุ เขาสายสปอยล์ ตามใจลูกไปหมด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD